รีวิว กล้อง DJI Osmo Pocket 2

สรุป กล้อง DJI Osmo Pocket 2 เหมาะกับใคร ?

กล้อง DJI Osmo Pocket 2 เป็นกล้อง Action Camera รุ่นที่ได้รับการพัฒนาต่อจาก DJI Osmo Pocket ที่จำหน่ายเมื่อปี 2019 และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งาน โดยจุดเด่นของกล้องรุ่นนี้อยู่ที่ขนาดเล็กกะทัดรัดเป็นอย่างมาก ทำให้สามารถพกพาได้อย่างสะดวก พร้อมระบบกันสั่น 3 แกน ผ่านการพัฒนาระบบติดตามคน/วัตถุ ให้ตอบสนองได้รวดเร็ว รวมไปถึงเสถียรมากยิ่งขึ้น สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K / 60 fps พร้อมไมโครโฟนในตัว 4 จุด ที่สามารถรับเสียงได้แบบรอบทิศทาง แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 140 นาที นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ในการใช้งานอื่น ๆ อีกมากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอขณะท่องเที่ยวหรือเหล่า Vloggers เป็นอย่างมาก ช่วยอำนวยความสะดวกในการเก็บภาพความประทับใจ ระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ในราคาเพียงแค่ 11,900 บาท เท่านั้น

กล้องแอคชั่นแคมมากความสามารถ

DJI Osmo Pocket 2 ใช้เซนเซอร์ขนาด 1/1.7 นิ้ว ให้ความละเอียดของภาพสูงสุด 64 MP ขนาดเลนส์มุมกว้าง 93 องศา ระยะโฟกัส 20 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้าง สามารถซูมได้มากถึง 8 เท่า พร้อมความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K/60 fps ที่ซูมได้มากถึง 4 เท่า รองรับการใช้งานโหมด HRD รองรับการถ่ายโหมด Panorama ความละเอียดสูง นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Timelapse, Hyperlapes, Motionlapse, Story Mode ให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน

ActiveTrack 3.0 พร้อมไมโครโฟน 4 ตัว

ตัวกล้องมาพร้อมกิมบอลกันสั่น จำนวน 3 แกน นิ่งพอๆ กับขาตั้ง Tripod และยังติดตั้งเทคโนโลยี ActiveTrack 3.0 ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งกว่าเดิม เสถียรขึ้น แม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคล รวมไปถึงวัตถุที่ต้องการ กล้องจะทำการแพนเพื่อติดตามโดยอัตโนมัติ เรียกได้ว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังติดตั้งไมโครโฟนจำนวน 4 ตัวที่รับเสียงได้รอบทิศทาง เมื่อซูมเข้าไปถ่ายจุดที่ต้องการ กล้องจะทำการสร้าง Dynamic Soundtrack เพื่อให้ได้เสียงที่ดียิ่งขึ้น สามารถบันทึกเสียงได้ถึงสามรูปแบบ ได้แก่ ด้านหน้า ,ด้านหน้าและด้านหลัง, รอบทิศทาง

ตัดต่อวิดีโอระดับโปรได้ทันที

ภายในแอปพลิเคชั่น DJI Mimo ที่ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดได้อย่างง่ายดายบน Apple Store และ Play Store สามารถใช้งานฟีเจอร์ AI Editor ซึ่งช่วยในการตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเพิ่มเพลงประกอบหรือว่าใส่เอฟเฟกต์ เพื่อให้วิดีโอของคุณมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะแชร์ความทรงจำต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย ให้เพื่อน ๆ ของคุณได้เห็นได้ในทันที ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือว่าเมื่อไหร่ นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมได้ตามความต้องการอีกด้วย