จาก 0 รีวิว
หูฟัง 7.1 ไร้สายจาก HyperX
รองรับการใช้งาน 7.1 Surround กับ PS4
ขับเสียงในช่วง 10 - 20,000 Hz
ใช้งานต่อเนื่องได้ 30 ชั่วโมงต่อชาร์จ
รีวิว หูฟังไร้สาย HyperX Cloud Flight S 7.1 Wireless Headphone
สรุป หูฟังไร้สาย HyperX Cloud Flight S 7.1 Wireless Headphone เหมาะกับใคร ?
HyperX Cloud Flight S หูฟังเล่นเกมไร้สาย Cloud Flight ตัวล่าสุดจาก HyperX ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์เสียง 7.1 ให้กับเจ้า Cloud Flight และยังสามารถใช้งานฟีเจอร์เสียงนี้ร่วมกับเครื่อง PS4 ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหูฟังทางเลือกน่าสนใจสำหรับคนที่อยากจะได้เสียง 7.1 Surround บนเครื่องเกม PS4 ในราคาที่ไม่ต่างจากเดิมมาก โดยเจ้าหูฟังเกมมิ่งไร้สายตัวนี้ก็จะมีราคาอยู่ที่ 5,990 บาท แถมยังได้ฟีเจอร์เสริมอีกมากมายอย่างปุ่มควบคุมลัดต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามาบริเวณหลังหูฟัง ฟังก์ชั่นที่รองรับการชาร์จไร้สาย และ Game and Chat Balance Wheel ในตัวเอง สำหรับแฟน ๆ เสียงสไตล์ HyperX ที่อยากจะได้หูฟัง Cloud Series ที่สามารถทำงานแบบไร้สาย เจ้า HyperX Cloud Flight S Gaming Headphone ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานให้อย่างครบครันจริง ๆ
HyperX’s
PS4 7.1 Headphones
การเชื่อมต่อ
- USB (Wireless Dongle)
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- 1 x HyperX Cloud Flight S
- 1 x สายชาร์จพลังงาน
- 1 x Wireless Dongle
- 1 x ไมโครโฟน
- 1 x เอกสารประกอบการใช้งาน
Key Highlight
- หูฟัง 7.1 ไร้สายจาก HyperX
- รองรับการใช้งาน 7.1 Surround กับ PS4
- ขับเสียงในช่วง 10 - 20,000 Hz
- ใช้งานต่อเนื่องได้ 30 ชั่วโมงต่อชาร์จ
- การเชื่อมต่อเสถียร และไกลกว่า 20 เมตร
- มาพร้อมปุ่มใช้งานพิเศษ 4 ปุ่มในตัว
- รองรับการชาร์จไร้สาย
- ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนพร้อมฟีเจอร์ Sidetone ในตัว
- การควบคุมครบครันจบบนตัวหูฟัง
รายละเอียดทั่วไป
การออกแบบ
การออกแบบของเกมมิ่งเฮดโฟน HyperX Cloud Flight S แบบก็ใช้โมเดลเดิมของ Cloud Flight ตัวก่อน ๆ เป็นต้นแบบ ตัวหูฟังเป็นหูฟังแบบครอบหู หลังปิด ใช้วัสดุเป็นพลาสติกแข็ง และมาพร้อมกับฟองน้ำหูฟังบุด้วยหนัง ตัวก้านหูฟังปรับแต่งได้อิสระสวมใส่สบาย ๆ ไม่บีบรัดหัว ส่วนที่เป็นหูฟังก็สามารถพับเก็บได้ 90 องศาเหมาะกับการพกพาหรือจัดเก็บ โดยตัวหูฟังเองก็มีน้ำหนักอยู่ที่ 319 กรัม หนักขึ้นมาเล็กน้อยซึ่งก็มาจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เช่นซอฟต์แวร์สำหรับให้กำเนิดเสียง 7.1 ในตัวเอง หรือปุ่มฟังก์
ชั่น 4 ปุ่มที่บนหลังหูฟัง
การเชื่อมต่อ และพลังงาน
ต่อมาในส่วนของการใช้งานตัวหูฟังจะรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายบนคลื่นความถี่ 2.4 GHz ผ่าน USB Dongle เท่านั้น ระยะเชื่อมต่อค่อนข้างไกลถึง 20 เมตรและสัญญาณทะลวงสิ่งกีดขวางได้ค่อนข้างดี มีการทดลองใส่หูฟังออกนอกห้องตัวสัญญาณก็ยังไม่ขาดหาย ส่วนแบตเตอรี่นั้นก็ทำงานได้จุใจถึง 30 ชั่วโมงและรองรับการใช้งานแบบไร้สาย ซึ่งทาง HyperX ก็มีแยกขายมาในราคา 1,790 บาท กับเจ้า HyperX Chargeplay ที่สามารถชาร์จได้มากถึง 2 Device พร้อมกันเลยทีเดียว ซึ่งตำแหน่งในการชาร์จแบบ QI ของตัวหูฟังก็จะอยู่ที่หลังหูฟังด้านซ้ายเช่นกัน
ฟีเจอร์
รองรับการชาร์จไร้สาย
ใช้งานเสียง 7.1 กับ PS4 ได้
ปุ่มควบคุมอิสระ 4 ปุ่มในตัว
ซอฟต์แวร์ (Software)
สำหรับ HyperX Software ของ HyperX Cloud Flight S ก็จะทำงานใน HyperX NGENUITY เหมือนกับอุปกรณ์อื่น ๆ โดยภายในนั้นจะไม่มีอะไรมาก มีแค่การเปิดปิดฟีเจอร์ต่าง ๆ ของหูฟัง ปรับระดับเสียง และตั้งคำสั่งให้กับปุ่มฟังก์ชั่นบนหลังหูฟังข้างซ้ายนั่นเอง
โดยมีค่า Default เริ่มต้นตามรายการด้านล่าง
ปุ่มบน: เปิด-ปิด Side tone ของไมโครโฟน *(อ่านต่อในส่วนของไมโครโฟน)
ปุ่มล่าง: Mute หรือ Active ไมโครโฟน
ปุ่มซ้าย: เกม Mixer (ปรับเสียงเกมให้ดัง แล้วเบาเสียงแชท)
ปุ่มขวา: แชท Mixer (ปรับเสียงแชทให้ดัง แล้วเบาเสียงเกม)
ไมโครโฟน
ส่วนไมโครโฟนที่ให้มานั้นจะมีการรับเสียงแบบ Bi-Directional เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจับเสียงและตัดเสียงรบกวน รองรับความถี่ในช่วง 50Hz-18kHz ตัวไมค์ตัดเสียงบรรยากาศ และเสียงรบกวนออกไปได้พอประมาณ แล้วก็จะมีฟีเจอร์การใช้งาน Side Tone ที่เสียงที่ตัวไมค์ได้รับมาจะเข้ามาในหูฟังให้เราใช้มอนิเตอร์เสียงพูดได้ด้วย
รีวิวเสียง
สำหรับสเปคด้านเสียงนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักยังใช้งานไดรเวอร์นีโอไดเมียมขนาด 50 มม. และขับเสียงในช่วง 10 – 20 kHz ไม่แตกต่างจาก HyperX Cloud Flight รุ่นก่อนมากนักโดยจะเน้นเสียงที่ค่อนข้างเป็นกลาง เนื้อเสียงพุ่ง และชัดเจน บนเวทีเสียงที่กว้างตามสไตล์ Cloud
การระบุตำแหน่ง / ทิศทาง : ทิศทางกระสุน เอฟเฟคพลังต่าง ๆ และฝีเท้าที่ทำออกมาได้อย่างคมชัดและแม่นยำ มีการบูสต์เสียงในย่านนี้ขึ้นมาชัดเจน ทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาแต่ไกลสร้างความได้เปรียบในการเล่นให้ค่อนข้างดี
เสียงเอฟเฟค : เสียงเอฟเฟคในย่านต่ำอาจจะบางไปเล็กน้อยตามสไตล์ HyperX เพราะขาดความหนาในเนื้อเบส แต่เสียงซาวน์เอฟเฟค BGM ก็ขับมาได้อลังการและเพลิดเพลิน
เสียงพูดตัวละคร : เสียงพูดชัดเจนไม่โดนเสียงย่านไหนกลบหรือกลืนสามารถฟังบรีฟในเกมได้แม้จะอยู่ในฉาก Action
บรรยากาศ / ความโอบล้อม : ให้มาตามสไตล์ Cloud เสียงมีความโอบล้อมและมิติเสียงที่ดี เวทีเสียงที่กว้างขึ้นกว่าเดิมค่อนข้างมากให้บรรยากาศภายในเกมหรือหนังได้ดี
คะแนนเสียง : 8.7
โดยรวมตัวหูฟังถือว่าใช้งานได้ดีโดดเด่นเป็นพิเศษกับเกมแนว Shooting แต่สำหรับเกมแนวอื่น ๆ หรือภาพยนตร์ก็สามารถใช้งานได้ทั่วไป และด้วยความที่เป็นหูฟัง PS4 ที่สามารถ Active เสียง 7.1 ได้ไม่กี่ตัวทำให้เจ้า HyperX Cloud Flight S มีภาษีดีกว่าหูฟังเกมมิ่งหลาย ๆ ตัวมาก ๆ สำหรับคอ PS4 ยิ่งใครที่ชื่นชอบเสียงสไตล์ HyperX อยู่แล้วถือว่าเป็นตัวแทนของหูฟัง PS4 ของ Sony ได้เลย ฟีเจอร์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ให้มาก็ครบถ้วน ถ้าเกิดว่าผู้ใช้งานต้องการเอาไปใช้บนทั้ง PC และ PS4 สลับไปมาบ่อย ๆ ก็ถือว่าคุ้มค่ามากกับจำนวนเงินที่เสียไป
ประเภทหูฟัง
หูฟังแนบหู (On-Ear)
มีสาย/ไร้สาย
ไร้สาย
การเชื่อมต่อหูฟัง (Input)
USB-C
ไมโครโฟน
มีไมค์
Headphone Back Type
Closed Back
ไฟ RGB
ไม่มีไฟ
แพล็ตฟอร์ม
Window, Mac, PlayStation 4
อิมพีแดนซ์
32 Ω
การตอบสนองความถี่
10Hz–20kHz