ลำโพง Klipsch The Sevens Home Speaker

Klipsch The Sevens ลำโพง Bookshelf รุ่นล่าสุด ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานยุคปัจจุบันด้วยการเชื่อมต่อที่ครบครันทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมกำลังขับสูงสุด 200W RMS / 400W Peak รองรับการถอดรหัสเสียงรายละเอียดสูง 24bit/192kHz ขณะเดียวกันก็ยังคงเอกลักษณ์เด่นของแบรนด์ Klipsch เอาไว้อย่างครบถ้วนทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ดีไซน์ที่แฝงความคลาสสิก เทคโนโลยีกรวยลำโพง Tractrix Horn รวมถึงแนวเสียงที่กลมกล่อมละมุนหูไม่ว่าจะย่านเบส กลาง แหลม ด้านการเชื่อมต่อรองรับครบทั้งไร้สาย Bluetooth 5.0 มีช่อง HDMI ARC สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ตทีวี และสามารถต่อซับวูฟเฟอร์เพิ่มเป็นระบบเสียง 2.1 ch ได้ ผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานของลำโพงได้จากปุ่มล้อเลื่อนบนตัวลำโพง บนรีโมตคอนโทรล และในแอปพลิเคชัน Klipsch Connect บนสมาร์ตโฟน ใช้งานสะดวกเหมาะกับยุคปัจจุบัน

ลำโพง Bookshelf สมัยใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลได้ครบครันที่สุด

วัสดุ

Klipsch The Sevens เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงมาเป็นส่วนประกอบ:ซึ่งในภาพรวมให้ความพรีเมียมหรูหราสมราคาลำโพงระดับไฮเอนด์ ตู้ลำโพงทำจากไม้ MDF ปิดผิวด้วยแผ่นวีเนียร์ไม้จริงโชว์ให้เห็นความสวยงามของลายไม้ชัดเจน แผงควบคุมและปุ่มปรับวอลลุ่มด้านบนลำโพงตัวเป็นวัสดุอะลูมิเนียมปัดเงา หน้ากากลำโพงทำจากผ้าทอละเอียด สามารถถอดออกและแปะติดกลับเข้าไปได้ง่ายเพราะเป็นแม่เหล็กดูด เมื่อถอดหน้ากากลำโพงออกจะพบกับกรวยทวีตเตอร์ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส Tractix Horn วัสดุพลาสติก ตกแต่งเพิ่มความหรูด้วยแถบอะลูมิเนียมประทับข้อความ ESTABLISHED 1946 USA บ่องบอกปีเกิดของแบรนด์ ในส่วนของสายเชื่อมต่อระหว่างลำโพงเป็นสายไนลอนถักคุณภาพสูงพร้อมหัวเกลียวล็อกเพื่อความแน่นไม่หลุดง่าย ๆ เช่นเดียวกับสายไฟ AC ที่เป็นสายไนลอนถักเหมือนกัน ดูแล้วแข็งแรงดีมาก อายุการใช้งานยาวนานหายห่วง

ดีไซน์

แม้ลำโพง Klipsch The Sevens จะเป็นลำโพง Bookshelf สมัยใหม่แต่รูปลักษณ์ภายนอกก็ยังให้อารมณ์คลาสสิกที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของลำโพง Klipsch ทุก ๆ รุ่น หน้าตาโดยรวมดูคลีน เรียบง่าย ไม่เยอะ ตกแต่งอย่างประมาณ แต่ทุกอย่างคลุมโทนไปในทางเดียวกัน ลำโพงแต่ละข้างมีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ 415.9 x 206.4 x 276.22 มม. และค่อนข้างหนักพอสมควร โดยลำโพงตัว Primary มีน้ำหนัก 10.12 กก. ส่วนตัว Secondary มีนำหนักอยู่ที่ 9.03 กก. ด้านบนของลำโพง Primary มาพร้อมปุ่มวงล้อ 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มเลือกแหล่งเสียงและปุ่มวอลลุ่มปรับระดับดัง-เบา ด้านหลังลำโพงทั้ง 2 ตัวมาพร้อมท่อลมระบายเสียงเบสแบบ Rear-firing Tractix ทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Klipsch นอกจากจะเท่แล้วช่วยในเรื่องประสิทธิภาพการกระจายเสียงอีกด้วย ไม่ว่าจะใส่หรือถอดหน้ากาก ลำโพงรุ่นนี้ดูดี สวย คลาสสิก มีเอกลักษณ์ สามารถวางเป็นเครื่องประดับชิ้นงามในห้องได้เลย

การใช้งาน

ลำโพง Klipsch The Sevens ออกแบบมาให้เข้ากับไลฟสไตล์การฟังของคนยุคใหม่ ลำโพงใช้งานง่าย ขั้นตอนการเซ็ตอัพไม่ยุ่งยากเพียงตั้งบนโต๊ะแล้วเสียบสายไฟก็พร้อมใช้งานทันที ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อหลากหลายรูปแบบครอบคลุมอุปกรณ์ฝั่งแอนะล็อกและดิจิทัลในยุคปัจจุบันทั้งหมด หากเน้นฟังแบบไร้สาย ลำโพงรุ่นนี้รองรับ Bluetooth 5.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันในยุคปัจจุบัน ฟังเพลงผ่านสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊กแบบไร้สายเสียงมีคุณภาพเทียบเท่าการเชื่อมต่อแบบใช้สาย อาการดีเลย์ของภาพกับเสียงน้อยมากจนแทบแยกไม่ออก นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแหล่งเสียงอื่นได้อีก 5 รูปแบบ ประกอบด้วย

• TV เล่นเสียงจากการเสียบสาย HDMI ARC สามารถใช้ลำโพงรุ่นนี้ในการดูหนังร่วมกับสมาร์ตทีวีได้ทุกรุ่น
• Optical เล่นเสียงจากการเชื่อมต่อสาย Optical
• AUX เล่นเสียงจากการเสียบสาย AUX 3.5mm
• USB เล่นเสียงจากการเสียบสาย USB Type B
• Phono เล่นเสียงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือเครื่องเล่นอื่นที่ใช้การเชื่อมต่อด้วยสาย RCA ขาวแดง (ผลักแท่งสวิตช์ด้านหลังมาที่ LINE)

สามารถควบคุมระดับเสียงของลำโพง Klipsch The Sevens ได้จากปุ่มวงล้อหมุนปรับบนตัวลำโพงซึ่งเวลาปรับไฟบอกแหล่งเสียงจะเปลี่ยนเป็นการบอกปริมาณระดับเสียง จุดนี้ช่วยให้ผู้ใช้รับรู้ถึงระดับเสียงที่ลำโพงขับออกมาได้ชัดเจนแถมยังเท่ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับระดับเสียงของลำโพงได้จากรีโมตคอนโทรลและผ่านแอปฯ Klipsch Connect บนสมาร์ตโฟน

สำหรับตำแหน่งการวางลำโพงที่เหมาะสมนั้น Klipsch The Sevens เหมาะสำหรับตั้งไว้ข้างทีวี หลังลำโพงชิดผนังหรือพื้นผิวเรียบ หันหน้าลำโพงเข้าสู่ผู้ฟัง ตั้งลำโพงห่างกันประมาณ 1 เมตร ส่วนตำแหน่งนั่งฟังควรอยู่กึ่งกลางระหว่างลำโพงทั้งสองข้างและนั่งห่างหน้าลำโพงประมาณ 1 เมตร จะเป็นตำแหน่งที่ได้ยินเสียงดีที่สุด

แอปพลิเคชัน Klipsch Connect

แอปพลิเคชัน Klipsch Connect ช่วยให้คุณปรับเสียง ตั้งค่าลำโพง ควบคุมเสียง เลือกแหล่งเสียง เปิด/ปิดโหมดการทำงานต่าง ๆ ได้จากสมาร์ตโฟน/แท็บเล็ต ตัวแอปฯ ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย หน้าตาเมนูเรียบง่าย จัดวางไอคอนและเมนูต่าง ๆ เป็นระเบียบเรียบร้อยเข้าใจง่าย การใช้งานเริ่มต้นด้วยการเชื่อมต่อบลูทูธระหว่างสมาร์ตโฟนกับลำโพงจากนั้นกดค้นหาและเพิ่มลำโพง เมนูสำคัญได้แก่ EQ สำหรับปรับแต่งเสียง มีพรีเซ็ตมาให้ใช้ 5 แบบและคัสตอมเองได้อีก 1 โปรไฟล์ ปรับได้ 3 แบนด์ Low / Mid / Hi ฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างได้แก่ Dynamic Bass เมื่อเปิดใช้จะเป็นการปรับเพิ่มความหนักแน่นของย่านเสียงเบส รับรู้ได้ถึงแรงปะทะของเบสที่หนักแน่นขึ้น แม้ระดับเสียงจะเบาแต่เบสก็ไม่หาย นอกจากนี้ยังมี Night Mode สำหรับเปิดฟังในยามวิกาล เสียงโดยรวมจะเบาลงแต่รายละเอียดไม่หาย หากเน้นการเชื่อมต่อฟังเพลงไร้สายกับสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต แนะนำว่าควรมีแอปฯ นี้ติดไว้ ได้ใช้ในหลาย ๆ สถานการณ์แน่นอน

ด้วยกำลังขับที่มากถึง 200W RMS และอัดได้สูงสุดถึง 400W สิ่งแรกที่สัมผัสได้จากลำโพง Bookshelf คู่นี้คือความดังกระหึ่มและอิมเมจเสียงที่กว้างใหญ่ หนักแน่น ชัดเจน สมกับการเป็นลำโพงตัวท็อปของ Klipsch และด้วยสเปกด้านเสียงที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก Klipsch The Sevens สามารถสร้างความประทับใจให้กับคุณได้ไม่ยาก จากที่ทีมงาน Mercular.com ได้ทดลองฟังเสียงด้วยการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth กับสมาร์ตโฟน Android ปรับ EQ เป็น flat และปิดฟีเจอร์ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงทั้งหมด สามารถสรุปรายละเอียดเสียงได้ดังนี้

เสียงเบส: เบสของ Klipsch The Sevens เต็มอิ่มถูกใจคนชอบความกระหึ่มและความแน่นอย่างแน่นอน เป็นเบสที่มีมวลแน่น ลูกใหญ่ ลงได้ลึกมาก แรงปะทะกำลังดี มีความกระชับพอประมาณ ไม่บวม ไม่เบลอ ไม่ล้นไปกลบย่านเสียงอื่น เป็นเบสที่มีคุณภาพสูง ฟังเพราะ ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อฟังเพลงสไตล์ EDM นอกจากนี้หากเปิดโหมด Dynamic Bass จะยิ่งรับรู้ได้ถึงความลึก อิ่ม แน่น ของเบสได้มากยิ่งขึ้น ตอบสนองเสียง kick ของเบสดรัมได้แน่นและชัดเจน เสียงระเบิดและเสียงเอฟเฟ็กต์ต่อสู้ในหนังแอคชันก็ตอบสนองได้แน่นเต็มอารมณ์

เสียงกลาง: นี่คือจุดเด่นของ Klipsch The Sevens เลยก็ว่าได้ ลำโพงสามารถขับเสียงร้อง เสียงพูด เสียงเครื่องดนตรีชิ้นต่าง ๆ ออกมาได้ชัดเจนดีมาก มีความใสเคลียร์กำลังดี เนื้อเสียงสะอาด ฟังสบายไม่ขัดหู ให้รายละเอียดได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง ก็ตอบสนองได้ดี

เสียงแหลม: ย่านเสียงแหลมของ Klipsch The Sevens โดดเด่นที่รายละเอียดและความเคลียร์ชัด เนื้อเสียงอาจจะไม่ได้ใสหรือโปร่งมากนักแต่ได้ความคม ความชัด มีความฉ่ำ ปลายเสียงทอดได้ไกลและมีประกายชัด ฟังแล้วรู้สึกไม่แห้ง ไม่บาดหูตอบสนองเสียง Hi-Hat เสียงฉาบเสียงแฉของกลองชุดได้เป็นธรรมชาติ

เวทีเสียง: Klipsch The Sevens มีเวทีเสียงกว้าง อิมเมจเสียงใหญ่ โอบล้อมผู้ฟัง สามารถแยกทิศทางเสียงซ้าย-ขวาไดัชัดเจนดี จัดวางร้องให้ลอยเด่นนำออกมาด้านหน้าพร้อมกับจัดบาลานซ์เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นให้ลอยอยู่ด้านหลังได้อย่างเหมาะสม ฟังโดยรวมรู้สึกกลมกลืนสบายหู ฟังเพลงเพราะ ดูหนังมันส์ได้อารมณ์สมจริง

โดยรวมแล้ว Klipsch The Sevens เป็นลำโพง Bookshelf ที่มีแนวเสียงเด่นด้านรายละเอียดและความชัดเจน เสียงมีคุณภาพสูง ฟังเพลงเพราะ ดูหนังก็กระหึ่มไม่อพ้ซาวด์บาร์ร่วมค่าย ฟังเพลงได้ดีแทบทุกแนว นอกจากนี้ลำโพงยังรองรับการถอดรหัสเสียงความละเอียดสูง 24bit/192kHz เมื่อเปิดไฟล์เพลง Hi-Res ฟังจะรับรู้ได้ถึงคุณภาพเสียงที่แท้จริงของลำโพงรุ่นนี้ได้เต็มสองหู เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักฟังหูเทพที่มีเครื่องเล่นดี ๆ อยู่ที่บ้าน ใช้เป็นลำโพงต่อทีวีสำหรับดูหนังก็ดีและยังต่อซับวูฟเฟอร์เพิ่มเป็นระบบเสียง 2.1 ch ได้ ซึ่งเสียงที่ได้จะกระหึ่มเต็มอารมณ์มากขึ้น สาวก Klipsch ไม่ผิดหวังแน่นอน

แนวเพลงที่เหมาะสม: Acoustic / Pop / Rock / Blues / Jazz / Soul / R&B

ด้วยความที่เป็นลำโพง Bookshelf คุณภาพสูง Klipsch The Sevens เหมาะอย่างยิ่งกับนักฟังที่ชื่นชอบลำโพงที่ให้รายละเอียดเสียงชัดเจนและเที่ยงตรงเป็นธรรมชาติ ชอบลำโพงที่มีแนวเสียงฟังง่าย ฟังสบายลื่นหู และมีบาลานซ์ดีทุกย่าน เน้นใช้ฟังเพลงได้ดีทุกแนวดนตรี ขอแค่คุณมีห้องฟังที่เหมาะสมทั้งขนาดพื้นที่และมุมนั่งฟังลำโพงรุ่นนี้ก็จะแสดงพลังเสียงที่น่าประทับใจออกมาให้ได้ยินจนไม่อยากจะลุกไปไหน นอกจากนี้ Klipsch The Sevens ยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือสามารถใช้เป็นลำโพงต่อทีวีได้แถมยังให้คุณภาพเสียงตอนดูหนังที่ดีเยี่ยมไม่แพ้ลำโพงซาวด์บาร์ร่วมค่ายอีกด้วย หากไม่อยากได้ลำโพงซาวด์บาร์แท่งยาว ๆ หรือชอบลำโพง Bookshelf ที่มีรายละเอียดเสียงดีกว่า ฟังเพลงเพราะกว่า Klipsch The Sevens เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีเลยครับ ลองสัมผัส ลองฟัง แล้วจะรัก รับปรกันว่าลำโพงรุ่นนี้ถูกใจสาวก Klipsch แน่นอนครับ