การฟังเพลงระหว่างออกกำลังกายนั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายของเราให้ดีขึ้น (อ่านได้ใน “ฟังเพลงแล้วหุ่นดี เกี่ยวกันอย่างนี้นี่เอง”) ซึ่งในวันนี้ Mercular.com มีหูฟังสำหรับคนออกกำลังกายในแบบต่างๆมาแนะนำ ให้คนรักสุขภาพได้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงระหว่างออกกำลังกายไปอีกขั้น

JBL Reflect Contour หูฟังสำหรับคนรักการผาดโผน ราคา 3,990 บาท

หากพูดถึงหูฟังออกกำลังกายคงจะไม่พูดถึงรุ่นนี้ไม่ได้สำหรับ JBL Reflect Contour หูฟังออกกำลังกายรุ่นใหม่ของ JBL ที่เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

จุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้คือระบบการสวมใส่แบบ Dual Lock คือนอกจากจะมีก้านดันใบหูด้านในแล้วยังมีก้านคล้องใบหูด้านนอกที่เพิ่มขึ้น ทำให้หูฟังรุ่นนี้มีความกระชับและส่วมใส่ได้ติดหูกว่าหูฟังออกกำลังกายทั่วไปมากทีเดียว ไม่ขยับหรือหลุดออกจากหูไม่จะเล่นกีฬาที่ผาดโผนขนาดไหนก็ตาม ในส่วนของแนวเสียงนั้นบอกได้เลยว่าจะออกแนวจัดจ้าน รายละเอียดดีตามแบบสไตล์  JBL และยังมีเบสที่ฟังสนุกทำให้เพลิดเพลินกับการออกกำลังกายตามจังหวะของเพลง   

คุณสมบัติเด่น

• สวมใส่แบบ Dual Lock หลุดยากกว่าหูฟังออกกำลังกายทั่วไป
• มีไมค์สามารถรับสายและพูดคุยโทรศัพท์ได้
• แนวเสียงฟังสนุก จัดจ้าน รายละเอียดดี 
• ใช้ได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ข้อสังเกต

• มีสายด้านหลังย้อยลงมาอาจจะทำให้รู้สึกไม่สบาย

ซื้อหูฟัง JBL Reflect Contour ได้ที่นี่

Plantronics BackBeat Fit หูฟังสำหรับคนรักการวิ่ง ราคา 4,290 บาท (ปกติ 4,790.-)

หนึ่งในหูฟังออกกำลังกายดีไซน์โดดเด่นที่หลายๆคนอาจจะคุ้นตาสำหรับ Plantronics BackBeat Fit หูฟังออกกำลังกายที่ได้รับคำชมเชยจากรีวิวทั้งในและต่างประเทศว่าเป็นหูฟังที่ดีที่สุดตัวนึงในตลาด ณ ตอนนี้

จุดเด่นของหูฟังตัวนี้อยู่ที่ก้านคล้องใบหูที่ทำให้สวมใส่ได้กระชับและไมโครโฟนที่ทำออกมาได้ชัดกว่าหูฟังออกกำลังกายรุ่นอื่นๆ รวมไปถึงลักษณะของก้านคล้องหลังหัวที่เป็นแถบคาดทำให้ไม่มีสายย้อยลงมาเกะกะคอเวลาใช้งาน สำหรับแนวเสียงย่านกลางแหลมถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน ใส และเสียงเบสที่ฟังกำลังสนุก โดยขณะสวมใส่สามารถกันเสียงแวดล้อมได้ประมาณนึง แต่ยังคงได้ยินอยู่บ้าง ดังนั้นหากวิ่งหรือปั่นจักรยานอยู่แล้วมีคนตะโกนเตือนหรือรถยนต์บีบแปร รับรองว่าได้ยินอย่างแน่นอน

คุณสมบัติเด่น

• ก้านคล้องใบหูทำให้สวมใส่กระชับ
• ไมค์คุณภาพสูง เสียงชัดเจน คุยโทรศัพท์ได้
• เสียงกลางแหลมที่ชัดเจนจะแจ้ง เบสฟังสนุก
• ใช้ได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ข้อสังเกต

• เวลาวิ่งแถบด้านหลังอาจจะขยับมาโดนคอได้

ซื้อหูฟัง Plantronics Backbeat Fit ได้ที่นี่

Sony NW-WS413 หูฟังสำหรับคนรักการว่ายน้ำ ราคา 3,490 บาท

อีกหนึ่งหูฟังออกกำลังกายที่มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเครื่องเล่นเพลง และหูฟังในตัว ทำให้ไม่ต้องพก Smartphone ไปด้วย ส่งผลให้ออกกำลังกายได้สะดวกขึ้น รวมไปถึงตัวหูฟังที่กันน้ำ ฝุ่น และทรายได้ดี มาพร้อมกับจุกหูฟังที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในน้ำโดยเฉพาะ ทำให้หูฟังตัวนี้ เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเหล่านักว่ายน้ำ และคนชอบเที่ยวทะเล นอกจากนี้ตัวหูฟังยังมีโหมดเปิดรับเสียงรอบข้าง (Ambient Mode) ทำให้เราสามารถสนทนากับเพื่อน หรือครูฝึกได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังอีกด้วย

สำหรับแนวเสียงของหูฟัง Sony NW-WS413 นี้ เสียงกลางและสูง จะให้เสียงร้องที่พุ่งออกมาอย่างเด่นชัด และเปิดกว้าง รายละเอียดชิ้นดนตรีได้ยินครบถ้วนพอประมาณ ในส่วนของเบส จะให้มวลเบสที่มากกว่าย่านอื่น โดยเฉพาะส่วน Mid Bass จะค่อนข้างเด่นชัด เป็นเสียงเบสที่ฟังสนุก มีแรงกระแทกพอตัว โดยรวมถือว่าเป็นเสียงเบสที่จะทำให้เพลิดเพลินกับการออกกำลังกายโดยไม่เบื่อ

คุณสมบัติเด่น

• ใส่ว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำทะเลได้
• สวมใส่กระชับ ไม่หลุดง่าย
• เป็นเครื่องเล่นเพลงในตัวไม่ต้องใช้ Smartphone เชื่อมต่อ
• แนวเสียงเบสมีมวลตามสไตล์ Sony
• มีโหมดชาร์จเร็ว (ชาร์จ 3 นาที เล่นเพลงได้ 1 ชั่วโมง)
• ใช้ได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ข้อสังเกต

• ไม่สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้
• ไม่สามารถคุยโทรศัพท์ได้

ซื้อหูฟัง Sony NW-WS413 ได้ที่นี่

Jaybird Freedom หูฟังสำหรับนักปั่นจักรยาน ราคา 7,290 บาท

เนื่องจากขนาดที่เล็ก(มาก) และสวมใส่ได้กระชับทำให้หูฟังออกกำลังกายรุ่นนี้เหมาะใช้กับกีฬาที่ต้องสวมหมวกหรือ Headgear กันกระแทกอย่างมาก จึงไม่แปลกใจเลยที่นักปั่นจักรยานทั้งหลาย จะเลือก Jaybird Freedom เป็นหูฟังคู่ใจในทุกๆการเดินทาง

สำหรับแนวเสียงของหูฟังตัวนี้ ย่านเสียงที่เด่นนำออกมาเลยคือเบส ที่มาเป็นลูกๆ และมีแรงกระแทกที่ดีกว่าหูฟังออกกำลังกายรุ่นอื่นๆ สำหรับย่านกลางแหลม จะให้รายละเอียดเสียงที่พุ่งและเด่นชัด ตัดกับเสียงเบสได้อย่างลงตัว เสียงร้องได้ยินอย่างชัดเจน โดยรวมถือว่าเป็นหูฟังออกกำลังกายที่ “เสียงดี” กว่าหูฟังออกกำลังกายรุ่นอื่นในตลาด   

คุณสมบัติเด่น

• ตัวหูฟังมีขนาดเล็ก(มาก) และเบา
• มีไมค์สามารถรับสายและพูดคุยโทรศัพท์ได้
• เสียงดีกว่าหูฟังออกกำลังกายทั่วไป
• เสียงกลางแหลมได้ยินชัดเจน รายละเอียดดี และเบสเป็นลูก
• ใช้ได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ข้อสังเกต

• ราคาค่อนข้างสูง
• ต้องชาร์จผ่านแท่นเท่านั้น

ซื้อหูฟัง Jaybird Freedom ได้ที่นี่

Jabra Sport Pulse Special Edition หูฟังสำหรับนัก Track ราคา 6,290 บาท (ปกติ 7,690.-)

ถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่หันมาทำหูฟังออกกำลังกายอย่างจริงจังสำหรับ Jabra ที่ใส่ตัว Tracking Device ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Motion Sensor กับ Heart Rate Sensor เข้ามาในหูฟัง Jabra Sport Pulse Special Edition รุ่นนี้ให้คุณสามารถวัดค่าต่างๆได้ในทุกการเคลื่อนไหว

สำหรับความแม่นยำในการวัดค่าต่างๆนั้น ต้องบอกว่าตัว Sport Pulse ทำได้เที่ยงตรงไม่แพ้ Wearable devices เลยทีเดียว ทั้งในส่วนของ Heart Rate Sensor ที่ปกติแล้ว Wearable device มักใช้เป็น Optical Sensor เวลามีเหงื่อออกและไหลลงมาที่ข้อมือซึ่งทำให้ค่าที่อ่านอาจจะผิดเพี้ยนได้ การวัดค่าที่หูทำให้อ่านค่า Heart Rate ได้แม่นยำมากขึ้น รวมไปถึง Motion Sensor ที่ใบหูนั้นอยู่ใกล้กระดูกสันหลังมากกว่า ก็ทำให้ Track ลักษณะการเคลื่อนไหวได้แม่นยำมากกว่าอีกด้วย

หากเทียบกับหูฟังที่เน้นการวัดค่าต่างๆเช่นเดียวกัน ต้องถือว่าเสียงของ Jabra Sport Pulse นั้นโด่ดเด่นกว่ามาก ทั้งเสียงเบสที่มีแรงกระแทกและมวลอย่างพอเหมาะ และกลาง-แหลม ที่ฟังได้อย่างเพลิดเพลิน และมีรายละเอียดพอประมาณ โดยรวมถือว่าเป็นอีกหูฟังที่มีฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์กับคนรักสุขภาพไม่น้อยเลย

คุณสมบัติเด่น

• มี Hear Rate และ Motion Sensor
• มีไมค์สามารถรับสายและพูดคุยโทรศัพท์ได้
• ให้รายละเอียดเสียงที่เพียงพอต่อการออกกำลังกาย
• น้ำหนักเบา (มี Sensor แต่นำหนักก็ยังพอกับหูฟังออกกำลังกายตัวอื่นๆ)

ข้อสังเกต

• ตัวหูฟังมีขนาดใหญ่
• ราคาค่อนข้างสูง

ซื้อหูฟัง Jabra Sport Pulse Special Edition ได้ที่นี่

หูฟังแต่ละตัวเรียกได้ว่าเด่นกันคนละด้านเลยทีเดียว สำหรับหูฟังออกกำลังกายการจะซื้อหูฟังให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะต้องดูลักษณะการใช้งานของตนเองให้เหมาะสมกับฟังก์ชันต่างๆนอกเหนือจากเรื่องเสียงด้วย ซึ่งถ้าเพื่อนๆใช้หูฟังตัวไหนอยู่หรือมีตัวไหนแนะนำก็มาแชร์กันได้เลย

ใครที่กำลังหาหูฟังออกกำลังกายราคาถูกสามารถดูได้ที่ โปรโมชั่นหูฟังออกกำลังกาย ตั้งแต่วันที่ 14 – 30 พ.ย. 59 นี้ครับ