แอมป์หูฟังคืออะไร...ทำไมคนถึงใช้กัน?

6 ก.พ. 2560

แอมป์หูฟังคืออะไร...ทำไมคนถึงใช้กัน?

สืบเนื่องจากบทความ “ทำให้เสียงดีขึ้นด้วย DAC แยก” ที่อธิบายการทำงานของ DAC ที่ช่วยให้ชุดฟังเพลงเสียงดีขึ้นในรอบที่แล้ว ก็มาถึงคิวอุปกรณ์ในชุดเครื่องเสียงอีกหนึ่งตัว ที่มีคนถามมาไม่น้อยเช่นเดียวกันซึ่งก็คือ Amplifier หรือที่ชอบเรียกสั้นๆกันว่า แอมป์นั่นเอง ซึ่งในวันนี้ทางทีมงานของ Mercular.com จะมาเล่าให้ฟังถึงอุปกรณ์ชิ้นนี้แบบง่ายๆเช่นเคยครับ

แอมป์ (Amplifier) คืออะไร?

แอมป์ หรือ Amplifier มันคือตัวขยายเสียง หรือพูดง่ายๆก็คือเป็นตัวเร่งให้เสียงดังขึ้นนั่นเอง โดยเจ้าแอมป์นี้จะเป็นตัวรับสัญญาณมาจาก DAC อีกที่นึง กล่าวคือ DAC แปลงไฟล์เพลง จาก Digital เป็น Analog แล้วส่งให้ Amp ทำหน้าที่ขยายสัญญาณ Analog นั้นให้ดังขึ้น ซึ่งในสมัยก่อนนะ Amp มันจะถูกใช้เพื่อขยายให้เสียงดังขึ้นอย่างเดียว แต่ในปัจจุบันก็มีแอมป์ที่มีคุณภาพจำนวนไม่น้อยเลยที่สามารถปรับคุณภาพของเสียงได้ด้วย

โดยเจ้าแอมป์นี้ จริงๆแล้วมันประกอบไปด้วย 2 ส่วนซึ่งก็คือ

  1. Preamplifier (Preamp) – ที่เรียกสั้นๆว่า พรีแอมป์ ซึ่งเจ้าตัวนี้จะมีบทบาทในการปรับบุคลิกของเสียง ไม่ว่าจะเป็นการปรับมวลของเสียง หรือโทนของเสียง ซึ่งในจุดนี้เองที่นักฟังเพลงทั้งหลายใช้ปรับแก้แนวเสียงของหูฟังตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
  2. Power Amplifier – แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่า พาวเวอร์ ย่อมหมายถึงพละกำลังที่มาก ในส่วนนี้คือส่วนที่ขยายให้เสียงดังขึ้น หรือเพิ่มกำลังขับให้เพียงพอกับหูฟังหรือลำโพงที่มาต่อด้วย

ซึ่งเราต้องพิจารณาใน 2 แง่ใหญ่ๆ

เชิงปริมาณ

ในที่นี้หมายถึงปริมาณของกำลังขับของแอมป์จะต้องพอดี กับลำโพงหรือหูฟังที่มาต่อโดยถ้ากำลังขับน้อยเกิน เสียงที่ได้ยินจากหูฟังหรือลำโพงจะถูก “อั้น” ได้ยินรายละเอียดเสียงไม่สุด แต่หากกำลังขับมากเกิน ก็อาจจะทำรายหูฟังหรือลำโพงของเราได้ เช่น เร่งเสียงดังมากแล้วดอกแตก เป็นต้น

เชิงคุณภาพ

แน่นอนว่านอกจากกำลังที่เพียงพอในการขับแล้ว คุณภาพของกำลังนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน โดย แอมป์ หรือเครื่องขยายเสียงที่มีคุณภาพดี เวลาที่ขยายเสียงแล้วความเพี้ยนจะต่ำ หรือเรียกว่าขยายแล้วเสียง “ผิดเพี้ยน” น้อยนั่นเอง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไม Amp ที่ใช้ในลำโพงงานวัด กำลังขับมหาศาล แต่ราคาถูก แต่ในขณะที่แอมป์บางตัว จำนวน Watts ไม่ได้สูงเลยแต่ราคาเรือนหมื่น เรือนแสนบาท ก็เพราะคุณภาพในแต่ละ Watts ที่ขับออกไป มันต่างกันนั่นเอง

ซึ่งในลำโพงบ้าน หรือชุดเครื่องเสียงใหญ่ๆนั้น Pre-amplifier กับ Power Amplifier จะเป็น 2 ชิ้นแยกกัน แต่ถ้าเป็นระดับพกพา, ชุดฟังเพลงขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่เราใช้กันจะเอาทั้ง 2 ส่วน มารวมกันเรียกว่า Integrated Amplifier นั่นเอง

"Integrated Amplifier = Preamplifier + Power Amplifier"

แค่ช่วยขยาย..แล้วเสียงดีขึ้นขนาดนั้นจริงเหรอ?

ต้องบอกว่าแล้วแต่กรณีครับ ถ้าหูฟังที่ใช้เป็นหูฟังที่สามารถขับออกได้ง่ายอยู่แล้ว หมายความว่าต่อกับมือถือ หรือเครื่องเล่นเพลง ก็ขับออกหมด อันนี้เสียงจะต่างน้อยครับ เพราะการนำแอมป์มาต่อ จะใช้งานในลักษณะของการปรับแนวหรือโทนเสียงมากกว่ากำลังขับจึงไม่ค่อยคุ้มค่า แต่หากหูฟังที่เราใช้เป็นหูฟังขนาดใหญ่ หรือเป็นหูฟังที่ "ขับยาก" เมื่อนำมือถือ หรือเครื่องเล่นเพลงมาต่อแล้วกำลังขับไม่เพียงพอจะทำให้เสียงถูก "อั้น" ไว้ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเสียงไม่ออก เสียงร้องก็กุดและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งถ้าเราเอาแอมป์มาต่อเพิ่มอันนี้เสียงจะดีขึ้นเยอะครับเนื่องจากเราได้ประโยชน์จากการต่อ Amp ทั้งในด้านกำลังขับและการปรับโทนเสียง

สรุปง่ายๆก็คือ แอมป์ที่ดีจะช่วยให้เสียงดีขึ้นโดยหูฟังที่ขับยากจะได้ประโยชน์จากการใช้แอมป์มากกว่าหูฟังที่ขับง่ายนั่นเอง

จบไปแล้วครับสำหรับความรู้เบื้องต้นในเรื่องของ แอมป์ หรือ เครื่องขยายเสียง ที่หลายๆคนสงสัยว่ามันคืออะไร ทำไมนักฟังเพลงถึงต้องซื้อมาต่อเพิ่มกัน ในบทความหน้าเราจะมาเจาะลึกถึงประเภทของ Power Amp กันต่อครับ ว่ามีกี่ประเภท ข้อดีข้อเสียยังไง อย่าลืมติดตามกันนะครับ หรือใครมีข้อเสนอแนะอะไรเกี่ยวกับบทความสามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้เลย

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2