9 มี.ค. 2563
ตั้งแต่ที่ Apple ได้ทำการตัดช่องหูฟัง AUX/3.5 mm. ออกไปในรุ่น iPhone 7 ตั้งแต่ปี 2016 ก็เรียกได้ว่าปลุกกระแสหูฟังไร้สายให้คึกคักขึ้นมา ดูได้จากแบรนด์เครื่องเสียงใหญ่ๆที่หันมาทำ หูฟังไร้สายกันมากขึ้นทั้ง In-Ear Wireless และ Over-Ear Wireless ต่อจากนั้นได้ไม่นานด้วยการเปิดตัว AirPods หรือ หูฟังไร้สายแยกข้างอิสระรุ่นแรกในเดือนธันวาคมปีเดียวกันก็ได้ปลุกกระแสของ True Wireless ให้คึกคักขึ้นมาเช่นเดียวกัน ซึ่งก็พูดได้ว่าช่วงหลังๆ Apple มักเป็นผู้ปลุกกระแสสินค้าต่างให้ได้รับความนิยมก็ไม่ผิดนัก และนอกจากหูฟังแล้วก็ยังมีสินค้าอื่นๆที่ถูกปลุกกระแสและได้รับความนิยมอีกมากมายหลายชนิด ซึ่งในวันนี้ Mercular.com จะมาแนะนำสุดยอด Gadget คู่ใจ iPhone ที่ในปี 2020 นี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ
หูฟังไร้สาย True Wireless
Jabra Elite 75t
ราคา: 6,290 บาท
สินค้าชนิดแรกที่จะมาแนะนำกันเป็น หูฟังไร้สายแยกข้างอิสระ True Wireless ที่ถ้าจะเอาให้ใช้งานกับ iPhone ได้สมบูรณ์จริงๆแน่นอนว่าต้องเป็น AirPods Pro แต่สำหรับผู้ที่มองหาแบรนด์อื่นๆ Jabra Elite 75t ก็เป็นตัวเลือกที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง การันตีจากแบรนด์ Jabra ที่มีชื่อเสียงมายาวนานและมี หูฟัง True Wireless ออกมาอัพเดทอยู่ตลอด
โดยในรุ่น 75t มาพร้อมจุดเด่นที่สวมใส่สบาย เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 แบตเตอรี่ 7 ชั่วโมงครึ่ง รวมเคสชาร์จเป็น 28 ชั่วโมง รองรับชาร์จเร็ว 15 นาทีใช้งานได้ 1 ชั่วโมง ไมโครโฟนรับเสียงสนทนา 4 ตัว รับเสียงจากภายนอกโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกด้วยฟังก์ชั่น Hearthrough ใส่ออกกำลังกายได้ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP55 และแน่นอนว่าเสียงดี เบสลงลึกตามสไตล์เสียงของ Jabra
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ 7 ชั่วโมงครึ่ง
- ไมค์รับเสียง 4 ตัว
- กันน้ำกันฝุ่น IP55
หูฟังตัดเสียงรบกวนไร้สาย Noise Cancelling
Sony WH-1000XM3
ราคา: 13,990 บาท
สินค้าอย่างต่อมาสำหรับผู้ที่ชอบเดินทาง รักความเป็นส่วนตัว และเสียงที่ยอดเยี่ยม ถ้าต้องการทั้ง 3 สิ่งในหูฟังตัวเดียว ต้องบอกเลยว่าเบอร์ 1 ที่พลาดไม่ได้ต้องไม่พ้น Sony WH-1000XM3 หูฟังตัดเสียงรบกวนระดับท๊อปของวงการ ที่ยังหาค่ายไหนหรือรุ่นใดๆมาล้มแชมป์ไม่ได้
มาพร้อมรูปร่างสุดหรู สวมใส่สบายหู เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 4.2 รองรับ NFC และ Codec เสียงไร้สายตั้งแต่ SBC AAC สูงสุดถึง LDAC เลยทีเดียว ฟังเพลง Hi-Res แบบไร้สายได้สบายๆ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Codec ได้ที่นี่ “ฟังเพลง Hi-Res ผ่าน Bluetooth ต้องทำยังไง?” และฟังก์ชั่นเด็ดอย่าง การตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ปรับระดับการตัดเสียงได้ถึง 20 ระดับ เลือกโฟกัสเฉพาะเสียงประกาศได้ เลือกตัดเสียงรบกวนให้เหมาะกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ได้ รองรับการตัดเสียงตามระดับความดันอากาศบนเครื่องบินและมาพร้อม Adaptor 2 หัวสำหรับใช้งานบนเครื่องบิน ปรับแนวเสียงได้อิสระผ่าน App แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมงและรองรับ Fast Charge ผ่านช่องเชื่อมตอ USB-C
- เชื่อมต่อ Bluetooth 4.2
- ตัดเสียงรบกวนได้ถึง 20 ระดับ
- ปรับ EQ เสียงได้อย่างอิสระ
- แบตเตอรี่ 30 ชั่วโมง
นาฬิกาอัจฉริยะ Smartwatch
Garmin Venu Sport
ราคา: 14,500 บาท
อีกหมวดสินค้าที่จะพูดว่ามาบูมช่วงหลังๆเพราะ Apple เปิดตัวสินค้าใหม่ก็น่าจะพอพูดได้ก็คือ Smartwatch ที่หลังจากปล่อย Apple Watch ออกมาก็เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก บรรดาแบรนด์ใหญ่ๆทั้งที่มีสินค้า Smartwatch อยู่แล้วและยังไม่เคยมีก็ต่างตบเท้ากันออกสินค้ารุ่นใหม่ๆอย่างไม่มีใครยอมใคร ซึ่งถ้าจะเลือกสักรุ่นที่เข้ากับ iPhone ได้สมบูรณ์ก็คงไม่พ้น Apple Watch แต่ถ้ามองหาสินค้าจากแบรนด์อื่นที่ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ก็อยากจะขอแนะนำ Garmin Venu Sport กับความสามารถที่ไม่แพ้ Apple Watch แน่นอน พร้อมจุดเด่นที่เลือกใช้หน้าจอ Amoled ซึ่งให้สีสวยและมีความคมชัดสูง
จุดเด่นของ Garmin Venu Sport อย่างแรกเลยก็คือหน้าจอ Amoled ตัวแรกของแบรนด์ Garmin ที่ให้สีสันสวยงาม สว่างสมจริง พร้อมฟังก์ชั่น Always On Display หรือจอติดตลอดเวลา ควบคุมด้วยระบบสัมผัส ขนาดหน้าจออยู่ที่ 1.2 นิ้ว ความละเอียด 390 x 390 Pixels ภายในใช้เซ็นเซอร์แบบใหม่ล่าสุด แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Forerunner 945 และ 245 ในการตรวจจับค่าต่างๆ ทั้งตรวจจับข้อมูลพื้นฐานของร่างกายตลอดทั้งวัน และสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นผู้หญิงกับฟังก์ชั่นตรวจจับรอบประจำเดือน Menstrual Cycle Tracking รวมไปถึงโหมดออกกำลังกายที่รองรับกีฬามากกว่า 20 ชนิด และยังใส่ว่ายน้ำได้สบายๆด้วยความสามารถกันน้ำลึกถึงระดับ 5 ATM ส่วนของการฟังเพลงก็รองรับการ Streaming ผ่าน Spotify และเก็บเพลงลงเครื่องได้มากถึง 500 เพลง ใช้งานได้นาน 5 วันในโหมด Smartwatch, 12 ชั่วโมงในโหมด GPS และ 6 ชั่วโมงในโหมด GPS + เครื่องเล่นเพลง ซึ่งหาก Garmin Venue Sport ยังไม่ตอบโจทย์ลองเข้าไปดูรุ่นแนะนำอื่นๆต่อได้ที่นี่ “เลือก Garmin สมาร์ทวอช รุ่นไหนดี? มาดูตัวท้อปแห่งปี 2020”
- หน้าจอ Amoled ตัวแรกของแบรนด์
- หน้าจอติดตลอด Always On Display
- ใส่ว่ายน้ำได้ กันน้ำลึก 5 ATM
- แบตเตอรี่ 5 วัน
DAC-Amp ไร้สาย
FiiO BTR5
ราคา: 3,490 บาท
จากการตัดช่องเสียบ AUX/3.5 mm. ใน iPhone ออกไป ในช่วงแรกก็ต้องบอกเลยว่าสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานที่มีหูฟังตัวโปรดเป็นแบบมีสาย ซึ่งทาง Apple ก็ได้แถมตัวแปลง AUX/3.5 mm. to Lightning มาให้ด้วย ก็เรียกว่าสร้างความยุ่งยากในการใช้งานให้พอประมาณ แต่ปัญหานั้นจะหมดไปด้วย DAC-Amp แบบไร้สาย ที่นอกจากจะเปลี่ยนให้หูฟังตัวโปรดรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายแล้วนั้น ยังสามารถขับและรีดเสียงให้ออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มคุณภาพไฟล์เสียงอีกด้วย กับ FiiO BTR5 DAC-Amp ไร้สายรุ่นล่าสุดที่ปรับปรุงมาเป็นรุ่นที่ 5 แล้ว
ความสามารถหลักของ FiiO BTR5 ก็คือการเปลี่ยนหูฟังมีสายตัวโปรดให้กลายเป็นไร้สาย มาพร้อมช่องเสียบ AUX/3.5 mm. และ Balanced 2.5 mm. เชื่อมต่อไร้สายเข้ากับ iPhone ด้วย Bluetooth 5.0 รองรับ NFC และ Codec ไร้สายที่ครบครันตั้งแต่ SBC, AAC, aptX, aptX LL, aptX HD สูงสุดถึง LDAC แปลงสัญญาณได้เต็มคุณภาพด้วย DAC Chipset รุ่น ES9218P ถึง 2 ตัว รองรับ Sampling Rate สูงถึง 384kHz/32bit เลยทีเดียว พร้อมปุ่มที่ทำหน้าที่เป็นรีโมท และไมโครโฟนอีก 2 ตัว ทำหน้าที่เป็น Smalltalk แม้หูฟังที่เชื่อมอยู่จะไม่มีรีโมทก็ตาม ใช้งานยาวๆถึง 9 ชั่วโมงและชาร์จไวจาก 0 - 100% เพียง 1 ชั่วโมงครึ่งด้วยช่องเสียบ USB-C
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- ช่องเสียบหูฟัง 3.5 และ 2.5 mm.
- ปุ่มควบคุมและไมค์สำหรับสนทนา
- แบตเตอรี่ 9 ชั่วโมง
สายชาร์จ
Energea FibraTough Charge&Sync Tough Lightning MFI ยาว 1.5 เมตร
ราคา: 890 บาท
พูดถึงสายชาร์จ iPhone เชื่อว่าหลายๆคนคงมีส่ายหน้า หรืออาจจะมีสาบส่งกันบ้างไม่มากก็น้อยเพราะสายชาร์จที่มาพร้อมกับ iPhone นั้นไม่ค่อยทนทานเอาซะเลย ทั้งด้วยการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแต่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานที่ต้องการความทนทาน ใช้ได้ไม่นานก็เปื่อยยุ่ย รวมไปถึงราคาที่ก็ไม่ได้เบาเลยด้วย จึงอยากจะขอแนะนำสายชาร์จทางเลือกที่รับรองว่าทนทาน คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนกับรุ่น Energea FibraTough Charge&Sync Tough Lightning MFI ยาว 1.5 เมตร
Energea FibraTough Charge&Sync Tough Lightning MFI ยาว 1.5 เมตร เป็นสายชาร์จสำหรับใช้งานกับ iPhone โดยเฉพาะ รองรับ 100% ไม่มีปัญหาด้วยการันตี MFI หรือ Made for iPhone จากทาง Apple จ่ายไฟได้สูงสุดถึง 3A ชาร์จเร็วและ Sync ข้อมูลได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน รวมทั้งยังรองรับ Power Output สูงถึง 60W เลยทีเดียว พร้อมเทคโนโลยี FibraTech ในส่วนของสายที่เป็นผ้าถักอย่างแน่นหนา ป้องกันสายพันกันและยังผ่านการทดสอบความทนทาน สามารถหักงอได้มากกว่า 30,000 ครั้ง รวมไปถึงรับแรงดึงหรือน้ำหนักได้มากถึง 50 กิโลกรัมอีกด้วย มาพร้อมความยาวที่ 1.5 เมตร ยาวกว่าสายไอโฟนที่แถมมาด้วยซะอีก ซื้อครั้งเดียวใช้งานได้ยาวๆ จนเปลี่ยนรุ่นก็ไม่พังแน่นอน
- การันตี MFI รองรับ iPhone 100%
- สายถักอย่างดี ไม่หัก ไม่งอ ไม่พันกัน
- รองรับ Power Output สูงถึง 60W
- สายยาวถึง 1.5 เมตร
แท่นชาร์จไร้สาย
Energea Widisc Trio 3IN1 Fast Wireless Charger
ราคา: 1,990 บาท
หลังจากที่ผิดหวังกับการที่ Apple ยกเลิกการผลิต AirPower หรือแท่นชาร์จไร้สายแบบ 3 In 1 ชาร์จได้ทั้ง iPhone, Apple Watch และ AirPods บนแท่นชาร์จแผ่นเดียว ที่ตัวไอเดียนั้นต้องยอมรับเลยว่าเรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร แม้จะไม่มี AirPower แล้ว แต่สำหรับผู้ที่มองหาแท่นชาร์จที่ทำได้ใกล้เคียงกัน ขอแนะนำแท่นชาร์จไร้สาย Energea Widisc Trio 3IN1 Fast Wireless Charger ที่จะทำให้ชาร์จได้ถึง 3 อุปกรณ์บนแผ่นเดียวกันที่สำคัญยังรองรับการชาร์จเร็วอีกด้วย
Energea Widisc Trio 3IN1 Fast Wireless Charger มาพร้อมแผงชาร์จไร้สาย 2 แผงและช่องว่างสำหรับนำที่ชาร์จของ Apple Watch มาใส่เข้าไปอีก 1 ช่อง ตัวช่องการันตี Made for Apple Watch ใส่ที่ชาร์จเข้าไปได้พอดี เมื่อรวมแล้วจะสามารถวางอุปกรณ์ชาร์จไร้สายได้เรียงกัน 3 ตัวเลยทีเดียว พื้นผิวภายนอกเป็นหนังเรียบหรู สามารถปล่อยไฟชาร์จได้สูงสุด 7.5W เมื่อใช้งานกับ iPhone และ 10W เมื่อใช้งานกับมือถือ Android สามารถชาร์จได้ทั้ง iPhone และ AirPods ที่มีเคสรองรับการชาร์จไร้สาย และ Apple Watch เรียงกัน 3 ตัวแบบเดียวกับใน AirPower เรียกได้ว่าครบ จบ ในตัวเดียว
- ชาร์จไร้สายได้พร้อมกัน 3 อุปกรณ์
- วัสดุพื้นผิวเป็นหนังเรียบหรู
- ชาร์จไร้สายได้ไวสูงสุด 10W
- จ่ายไฟเข้าด้วยสาย USB-C
เป็นยังไงกันบ้างครับกับอุปกรณ์เสริมที่มาแนะนำกันในวันนี้ ต้องยอมรับว่าล้วนได้รับความนิยมขึ้นมาเพราะกระแสของ Apple แทบทุกชิ้น ยิ่งถ้ารู้สึกว่าอุปกรณ์เสริมของ Apple เองนั้นแพงเกินไปไม่คุ้มราคา สินค้าที่มาแนะนำในวันนี้รับรองว่าทุกชิ้นนั้นคุ้มค่าคุ้มราคา หรือจะเรียกว่าของมันต้องมีก็ยังได้ ซึ่งถ้าในอนาคตมีสินค้าหรือเทคโนโลยีใหม่ๆที่น่าสนใจ ทาง Mercular.com ก็จะนำมาแนะนำกันอีกแน่นอน สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
