20 มี.ค. 2560
ลมร้อนใกล้จะมาแล้ว...หากหูฟังของคุณถึงฤกษ์ยามต้องเปลี่ยนใหม่แต่มีงบเพียง 2,500 บาท ละก็ ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เพราะบทความที่กำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ จะทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไปให้กับหูฟังนั้นคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และท้ายที่สุดหูฟังตัวนั้นจะกลายเป็นหูฟังคู่กาย คู่ใจคุณผู้อ่านอย่างแน่นอน ว่าแต่จะมีหูฟังตัวไหนบ้างนั้น มาติดตามกันเลยดีกว่าครับ
Soundmagic EP30 ราคา 590 บาท
ถ้าใครชอบฟังเพลง Pop, Acoustic เน้นเสียงกลาง เสียงร้อง และกีตาร์โปร่ง เป็นทุนเดิมอยู่แล้วต้องบอกว่าหูฟังตัวแรร์อย่าง Soundmagic EP30 จะตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่ทางทีมงานได้ลองฟัง พบว่าเสียงที่ได้นั้น หวานจับใจ มดแทบขึ้นเลยทีเดียว ยิ่งลองฟังเพลง Audiophile อย่างเหยา ซิ ถิง หรือ จ้าว เผิง แทบจะหวานหยดเยิ้ม เสียงร้อง ลอยเด่น เป็นประกายเอามากๆ ไม้เด็ดของเจ้าตัวนี้อยู่ที่ระบบ Dynamic Speaker ที่ทำให้เนื้อเสียงแน่น หนักหน่วง ถือเป็นหูฟังราคาไม่แพงที่คุ้มค่าเหมาะสำหรับซื้อมาใช้แทนหูฟังที่แถมมาจริงๆครับ (หูฟังแพงๆที่แถมมาของบางแบรนด์ยังสู้ไม่ได้เลย แห่ะๆ)
AKG Y16A ราคา 1,490 บาท
สำหรับ AKG Y16A อีกหนึ่งหูฟังตัวแรร์ไอเทม ด้วยความที่เป็นหูฟังเอียร์บัด จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ แต่อย่าพึ่งมองข้ามไป เพราะไม้เด็ดของเจ้า AKG Y16A นี้ อยู่ที่บริเวณด้านหลังของตัวหูฟังนั่นเอง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับช่องลมขนาดเล็ก ทำให้เสียงที่ได้ออกมาค่อนข้างโปร่ง เวทีเสียงจัดว่ากว้างมาก ฟังสบาย ไม่อึดอัด ที่สำคัญคือเสียงร้องหวาน ลอยเด่นสุดๆ ชนิดที่ว่าทำเอาหูฟัง Headphone ราคาแพงๆยังต้องอายเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ AKG Y16A ยังมีรีโมทคอนโทรลอยู่ที่ตัวสายพร้อมไมค์อีกด้วย สามารถใช้งานรับสายเข้าได้อย่างสะดวก ตอบไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
Sennheiser MX585 ราคา 1,690 บาท
หากใครบอกว่าหูฟังเอียร์บัดไม่สามารถให้เสียงเบสที่ดีได้ต้องบอกเลยว่ากำลังคิดผิดอย่างมหันต์ เพราะว่า Sennheiser MX585 เป็นหูฟังราคาประหยัดที่ให้เสียงเบส แน่น มีความกระชับ ครั้งแรกที่ได้ฟังค่อนข้างเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก เสียงโดยรวมค่อนข้างเคลียร์ มีร้องหนักแน่น มีน้ำมีนวล และที่สำคัญคือใส่สบายมากซึ่งเป็นไม้เด็ดของรุ่นนี้เลย ด้วยวัสดุที่เป็นยางโฟม (คล้ายๆยางลบ) เวลาสวมใส่จะไม่รู้สึกเจ็บรูหูเหมือนกับเอียร์บัดทั่วๆไปครับ
Yuin PK2 ราคา 1,990 บาท
แค่ชื่อหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ Yuin PK2 ถือเป็นหูฟังระดับ Hi-End จากแดนมังกรที่มาพร้อมแพคเกจสวยหรู รูปลักษณ์ภายนอกดูเพลนๆ ไม่ถึงกับเด่นมาก แต่พอได้ลองฟังเสียงภายในแล้วต้องยกให้ Yuin PK2 เป็นหูฟังท็อปสุดในส่วนของ Earbud เลยทีเดียว สำหรับเสียงที่ได้ค่อนข้างโปร่งสบาย มีน้ำมีนวลกำลังพอดี เสียงเบสพอประมาณ ฟังสนุก ไม้เด็ดอีกหนึ่งอย่างคือเรื่องของเวทีเสียงตรงนี้บอกได้เลยว่าให้รายละเอียดเครื่องดนตรีต่างๆได้ชัดเจน ไม่แออัด แยกตำแหน่งได้เยี่ยมเลยทีเดียวครับ
Soundmagic E10 ราคา 1,490 บาท
ตำนานหูฟังตัวแรร์ที่กวาด 7 รางวัลระดับโลก อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากนักรีวิวหลายสำนักไม่ว่าจะเป็น What-Hifi?, Headphonia, Trustreview หรือกระทั่งนิตยสาร STUFF ของไทยเองก็ตาม ไม้เด็ดที่ทำให้ Soundmagic E10 ขึ้นแท่นหูฟังระดับตำนานที่คุ้มราคามากที่สุดอยู่ที่แนวเสียง ซึ่งสามารถฟังได้หลากหลายแนว โดยให้เสียงกลางอบอุ่น เสียงสูงรายละเอียดดี พริ้วไหว เบสหนักแน่น ฟังสนุก ลงลึก ไม่บวมจนรู้สึกปวดหู เวทีเสียงค่อนข้างโอบล้อม ครบเครื่องในราคานี้ พลาดไม่ได้แล้วละครับ
Shure SE112 ราคา 1,990 บาท
หูฟังอินเอียร์ ดีไซน์โค้งมน ตัวจิ๋ว อย่าง Shure SE112 ที่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างหนักแน่นในเรื่องของโทนเสียง ซึ่งตรงนี้จะให้ความสด คมชัด เที่ยงตรง ไม่ปรุงแต่ง โดยเสียงร้องที่ได้ค่อนข้างเด่นลอยออกมา เวลาฟังจะสังเกตได้ว่าเสียงจะเขยิบออกมาข้างหน้าเล็กน้อย เสียงสูงทอดตัวได้ดี ไม่ขุ่นมัว เสียงเบสมีความกระชับเป็นลูกค่อนข้างเที่ยงตรงอย่างที่กล่าวไปครับ สำหรับใครที่มีไฟล์เสียงคุณภาพดีอยู่แล้ว เจ้า Shure SE112 จะขับออกมาได้ดีตามที่ต้องการเลยทีเดียวเชียว
Fiio EX1 2nd Gen ราคา 2,190 บาท
หูฟัง In-Ear ลักษณะบอดี้คล้ายจานบิน ยู.เอฟ.โอ. อย่าง Fiio EX1 Gen2 ตัวนี้ บินตรงมาจากแดนมังกร หรือประเทศจีนเช่นเคย จุดเด่นคือความมันวาวของวัสดุที่ใช้ซึ่งเป็นโลหะสแตนเลส มีความแข็งแรง ทนทาน ช่วยป้องกันการเกินสนิมได้ดี ภายในมีไดร์เวอร์ที่ผลิตจากไทเทเนียมระดับนาโน (จัดว่าเล็กมากๆ) ถือเป็นอีกไม้เด็ดที่ทำให้หูฟังตัวนี้มีน้ำหนักเบา และมีความบิดเบือนของเสียงน้อยมาก ในส่วนของแนวเสียงเจ้าจานบินจากแดนมังกร ให้เสียงกลางที่มีความสมจริง เสียงสูงชัดเจน รายละเอียดดี เสียงเบสลึกหนักแน่น แรงขับค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ ยังใส่สบายไม่อึดอัดเพราะหูฟังถูกออกแบบมาให้เข้ากับรูหูพอดีนั่นเอง!
Marshall Mode ราคา 2,490 บาท
ปิดท้ายด้วยหูฟังร็อคเกอร์สไตล์ กับหูฟังอินเอียร์น้องเล็ก Marshall Mode ที่ยังคงเอกลักษณ์ รวมถึงให้กลิ่นอายแบรนด์ Marshall ได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ตัวบอดี้เป็นสีดำ มีสัญลักษณ์ตัว “M” ที่คุ้นเคยอยู่ด้านหลัง ไล่ลงมาตรงสายจะพบไมโครโฟนซึ่งมีโลโก้ Marshall สีทองที่คุ้นเคย ไปจนถึงเรื่องเสียง โดยจะเน้นไปที่เสียงเบสเป็นหลัก อิมแพคดี มีความหนักแน่น ในขณะเดียวกันเสียงร้องก็ไม่ถดถอย ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว มีน้ำมีนวล เสียงสูงคมชัด สว่างใส เวทีเสียงกว้างแยกมิติได้ชัดเจน ด้วยราคาไม่ถึง 2,500 บาท ทำให้ Marshall Mode ขึ้นมาอยู่ในระดับที่เรียกว่า “คุ้มค่า” สำหรับคุณภาพขนาดนี้ครับ
สิ้นสุดกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับ หูฟังราคาไม่เกิน 2,500 บาท ที่วันนี้เราจัดอันดับ “ความคุ้มค่า” มาให้ผู้อ่านทุกท่านสำหรับพิจารณาเลือกหูฟัง ทั้งนี้ทั้งนั้น 8 ตัวที่เราเลือกมาอาจจะยังไม่ถูกใจกันทั้งหมด แต่อย่างน้อยถือว่าเราได้แบ่งปันประสบการณ์หลังจากที่ทดลองฟังมานะครับ ถ้าใครมีข้อเสนอแนะหรือข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถแนะนำมาที่ทางแฟนเพจ Mercular.com ได้เลยนะครับ ทางผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆคน และแน่นอนว่าทางเราเองก็จะพัฒนารูปแบบเนื้อหา ให้คุ้มค่ากับเวลาทีเสียไปกับการอ่าน เช่นเดียวกับหูฟังที่เลือกมาแน่นอนครับ ^^”
