เมื่อช่วงปลายปี 2020 ที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ของบริษัท ในอิเวนต์ One More Thing ซึ่งหนึ่งในนั้นคือชิพประมวลผลรุ่นใหม่หรือ Apple Silicon ที่ทางแบรนด์ได้ผลิตขึ้นมาเอง เพื่อติดตั้งบนเครื่อง Mac โดยใช้ชื่อว่า “Apple M1” ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ตรงที่มีประสิทธิภาพการใช้งานสูง สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว แถมยังประหยัดพลังงาน จึงทำให้ได้คะแนนจากสื่อต่างๆ ที่ได้ทดสอบการใช้งานอย่างท่วมท้น จนทำให้เกิดเป็นกระแสอย่างมากในโซเชียลมีเดีย วันนี้ Mercular.com จะพาเพื่อนๆ มาเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าชิพตัวนี้กันครับ ว่าเพราะเหตุใดมันถึงเร็วและแรงได้ขนาดนี้

จุดเริ่มต้นของชิพ Apple M1

ในอดีต เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบพกพาตระกูล Mac ของ Apple นั้น จะติดตั้งชิพประมวลผลที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 ของบริษัท Intel มาโดยตลอด ทำให้ทางบริษัทก็ได้คิดริเริ่มที่จะพัฒนาชิพของตัวเองมาใช้งานบน Mac เหมือนอย่างที่นำชิพตระกูล Bionic มาใช้งานบน iPhone และ iPad จนในที่สุดชิพประมวลผล Apple Silicon ก็ได้ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นมาได้สำเร็จ โดยเป็นชิพประมวลผลแบบ ARM ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานบนเครื่อง Mac โดยเฉพาะ ทำให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการใช้งานอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าถูกยกให้เป็นสินค้าแห่งปีเลยทีเดียว โดยอุปกรณ์ที่ติดตั้งชิพ Apple M1 ในปัจจุบัน ได้แก่ 

• MacBook Pro ราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท
• MacBook Air ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท
• Mac Mini ราคาเริ่มต้นที่ 22,900 บาท

ARM คืออะไร

เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า ARM คืออะไร โดย ARM นั้นย่อมาจาก Advance RISC Machine โดยใช้เรียกชิพประมวลผลขนาดเล็ก ที่มักจะนิยมติดตั้งอยู่บนอุปกรณ์พกพาชนิดต่างๆ เช่น iPhone, iPad บน iOS และบนสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการณ์ Android เกือบทุกรุ่นในปัจจุบัน เช่น ชิพ Snapdragon, Qualcomm, Exynos เป็นต้น โดยจุดเด่นคือใช้ชุดคำสั่งน้อยกว่า ประหยัดพลังงานได้มากกว่า และยังมีขนาดเล็กกะทัดรัด หากเป็นชิพ ARM ระดับสูงนั้น จะมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับชิพสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel ซึ่งถูกติดตั้งอยู่บนซีพียูของเครื่องคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว โดย Apple M1 ก็เป็นชิพแบบ ARM เช่นเดียวกัน ทาง Apple กล่าวว่าประสิทธิภาพของชิพนี้ มีความแรงเพียงพอที่จะใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาได้เลย เราจึงได้เห็นชิพ Apple M1 ถูกติดตั้งอยู่บน Mac รุ่นใหม่ นั่นเองครับ

เคล็ดลับความแรงของชิพ Apple M1

สิ่งที่ทำให้ M1 มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างมาก นั่นคือการที่ Apple ติดตั้งชิพในการประมวลผลต่างๆ ให้มารวมอยู่ใน System on Chip (SoC) เพียงชิ้นเดียว ซึ่งทั้งหมดถูกสร้างขึ้นผ่านเทคโนโลยีการผลิตแบบ 5 นาโนเมตร พร้อมทรานซิสเตอร์จำนวน 16,000 ล้านตัว จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่ต้องโยกย้ายข้อมูลไปมาระหว่างหน่วยความจำหลายที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีทั้งหมดผ่านทาง Soc ได้เลยทันที และยังช่วยในการประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งประกอบไปด้วย 

• CPU จำนวน 8 คอร์ มีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีที่สุดในโลก แถมยังใช้พลังงานต่ำ
• GPU จำนวน 8 คอร์ ทำงานพร้อมกันได้ 25,000 เธรด โดย Apple ได้กล่าวไว้ว่า เป็นกราฟิกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่เร็วที่สุดในโลกในตอนนี้
• Apple Neural Engine ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ 16 คอร์ จึงช่วยเพิ่มความเร็วในการเรียนรู้ของระบบ AI มากขึ้นถึง 15 เท่า ทำให้สามารถวิเคราะห์วิดีโอ จดจำเสียง และประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• เทคโนโลยีเฉพาะทางต่างๆ อีกมากมาย เช่น การประมวลผลภาพและวิดีโอที่ดีขึ้น, การรักษาความปลอดภัย, แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น เป็นต้น

ซึ่งเจ้า SoC นี่เองที่รวบรวมเหล่าส่วนชิพประมวลผลนานาชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ทุกส่วนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งทำงานหนักจนเกินไป หรือต้องมารอคอยข้อมูลจากส่วนอื่น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชิพ Apple M1 มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกด้านนั่นเองครับ

Apple M1 เหมาะกับใคร

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า Apple M1 ถูกติดตั้งบน MacBook Pro, MacBook Air และ Mac Mini เวอร์ชั่นปี 2020เป็นต้นไป ทำให้เหมาะกับการใช้ทำงานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กราฟิก, ตัดต่อวิดีโอ ใช้ทำงานด้านเอกสาร ซึ่งการใช้งานจริงนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เนื่องจากชิพ M1 นั้นไม่รองรับระบบปฏิบัติการณ์ Windows แล้ว จึงทำให้แอปพลิเคชั่นบางอย่างยังไม่รองรับการใช้งานในตอนนี้ รวมไปถึงไม่สามารถทำการติดตั้ง Bootcamp, Parallels หรือ VMware ได้ หากผู้ใช้งานต้องการนำโปรแกรมบน Windows มาใช้งาน จำเป็นต้องติดตั้ง Application Rosetta 2 เพื่อให้อุปกรณ์ทำการแปลงแอปฯ ที่ยังไม่ได้รองรับ ให้เรียบร้อยเสียก่อน ก็จะสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นครับ

สรุปแล้ว Apple M1 น่าใช้หรือไม่

เมื่อเปรียบเทียบราคาของอุปกรณ์ เข้ากับประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Mac ที่ติดตั้งชิพใหม่จาก Apple รุ่นนี้ จึงได้รับคำชมจากผู้ใช้งานมากมาย ทั้งเรื่องความเร็ว แรง แถมยังประหยัดพลังงาน สามารถสู้กับชิพประมวลผลจาก Intel ที่มีราคาสูงกว่าได้อย่างสบาย ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทำให้น่าใช้งานอย่างมากครับ เหตุผลก็น่าจะมาจาก ชิ้นส่วนทุกอย่างเป็นของทาง Apple ทั้งหมด ไล่มาตั้งแต่ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ รวมไปถึงเทคโนโลยีที่อยู่ในมืออีกมากมาย ทำให้สามารถพัฒนามาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ของตัวเองได้อย่างอิสระ ต้องคอยติดตามกันต่อไปครับว่าแอปเปิ้ลทำอะไรให้เราได้ประหลาดใจอีกในอนาคต แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ