ด้วยยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลกว่าสิ่งใดในปัจจุบันนี้ อะไร ๆ ก็เป็นเรื่องอัจฉริยะไปหมด ซึ่งเราก็จะได้เห็น Sport Smartwatch หรือ Wearable Device อื่นๆ กันเป็นเรื่องปกติ ทุกวันนี้ผู้คนไม่ได้ใส่นาฬิกาเพียงเพื่อเอาไว้ดูเวลาหรือเพื่อให้ดูดีเท่านั้น เพราะ เจ้านาฬิกาตัวนี้มันมาพร้อมกับฟังก์ชันต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้เราอย่างมากอย่างที่หลายๆคนคาดไม่ถึงเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็น การรับส่งอีเมล์ เป็นเครื่องคิดเลข กล้องถ่ายรูป เป็นอุปกรณ์ในการตรวจสอบการออกกำลังกาย หรือตรวจสอบชีพจรของเรา รวมไปถึงการบอกเส้นทาง และฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมายที่เราสามารถเลือกใช้ได้ ซึ่งเราจะเห็นแล้วว่าการมีแค่ Sport Smartwatch หนึ่งเรือนก็สามารถทำให้เราใช้ทำกิจกรรมต่างๆที่หลากหลายได้ไม่รู้จบ และทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไปเป็นกองเลยทีเดียว เนื่องจากปัจจุบันนาฬิกาออกกำลังกายในตลาดมีมากมาย หลากรุ่น หลายแบรนด์ รวมทั้งออกรุ่นใหม่ มาตลอด ทำให้บางครั้งอาจลำบากในการตั้งต้นเลือกซื้อพอถึงตรงนี้ เรามาเริ่มดูกันดีกว่าว่าการที่เราจะซื้อ Sport Watch นั้นเราจะต้องดูอะบ้างและมีวิธีเลือกซื้ออย่างไร

1. ต้องดูว่าเราอยากได้ไปใช้กับกีฬาประเภทใด

แน่นอนถ้าคุณออกกำลัง Indoor อย่างเดียว เช่น Fitness คุณก็ไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาที่มี GPS ในตัว งบประมาณจะลดไปเยอะมาก ขอแค่วัด HR อัตราการเต้นหัวใจได้ ดู Zone การออกกำลังของคุณ บอกแคลอรี่ นับก้าว ที่ใช้ก็คงเพียงพอ หรือถ้าต้องการวัดระยะทางในลู่วิ่ง ก็สามารถเพิ่มตัวเลือกที่มีระบบนับก้าวในตัวเพิ่มขึ้นมา

2. ดูสเปคของ Sport Smartwatch ที่เราต้องการ

เราต้องดูว่านาฬิการุ่นไหนที่ให้ข้อมูลในการพัฒนาประสิทธิภาพ   ข้อมูลต่างๆ ที่นำมาใช้หรือช่วย ทำให้การเล่นกีฬาพัฒนาขึ้น ได้แก่ รอบขา Zone , การออกกำลัง  , Running Dynamic , Vo2 max เป็นต้น

3. ต้องลองหลายๆแบบ หลายๆรุ่น

สินค้าแบบนี้ มันใช้งานค่อนข้างยาก และ บางทีมันอาจเสีย หรือ มีตำหนิ เผลอๆ เราเดินไปร้านข้างๆ อาจเจอของถูกใจกว่า ซื้อของต้องใจเย็นๆ ของมันจะยังอยู่อย่างงั้น และอยู่ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะสินค้าไอที ที่ของเก่าถูกลงทุกปี โดยเฉพาะการช็อปสินค้าออนไลน์บางเจ้า เช็คสินค้าก็ไม่ได้ด้วย ดังนั้น ซื้อของไอที จึงต้อง ลองนั่นเอง

4. สีและแบบตรงตามต้องการไหม

เรื่องความสวยงามเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันอาจอยู่กับคุณไปอีกหลายปี เลือกสิ่งที่เราชอบไม่ว่าจะเป็นสีหรือรูปแบบ ว่าคุณมีความต้องการแบบใด ชอบแบบไหน ก็เลือกแบบนั้นดีกว่า

5. ตรวจสอบสินค้าให้ละเอียดถี่ถ้วนและถามหาประกัน

เพราะการชำรุดนั้นเกิดขึ้นได้บ่อย ชำรุดแล้วทำไงละทีนี้ ก็ต้องเคลม แถมถ้าหากสั่งซื้อออนไลน์ หรือ ทางไปรษณีย์ เราอาจเปลี่ยนของไม่ได้ หรือเปลี่ยนได้ก็ช้ามาก หรือถ้าร้ายที่สุดอาจโทษเราอีกว่า เราทำพังเอง นอกจากนี้ควรถามถึงประกัน ถ้ามีโดยเฉพาะอันละ 10,000 ขึ้นไป ควรสามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทันทีภายใน 7 วัน

 

6. ดูว่าใช้งานยากจนเราเข้าไม่ถึงหรือเปล่า

บางคนอยากได้ แต่ใช้ไม่เป็น มีทางออกสองทางคือ ไม่ซื้อ หรือ ใช้ให้เป็น แต่ถ้าลองแล้วยังใช้ไม่เป็นเราก็ควรจะลองหารุ่นที่ใช้ง่ายๆนั่นเอง แต่โดยส่วนมาก สินค้าแต่ละรุ่นก็จะมีคู่มือการใช้งานมาให้ ซึ่งศึกษาได้ไม่ยากอยู่แล้วนั่นเอง

7. เชื่อมต่อกับโทรศัพท์เราได้หรือไม่

โดยเฉพาะกับโทรศัพท์ Apple มักมีปัญหาเรื่อง Bluetooth กับสินค้านอกค่าย เวลาซื้อควรมองหาตรา Made for iPhone ด้วย มิเช่นนั้นจะทำให้การใช้งานฟังก์ชันอาจไม่ครบ สมใจหวัง

8. มันไม่ได้เหมาะกับข้อมือทุกคน

เพราะบางอันใส่แล้วหลวม หรือบางอันส่วมแล้วไม่เข้ารูปกับข้อมือของเราก็มี   บางคนแพ้จากการใส่สายนาฬิกา บางทีสายอุปกรณ์พวกนี้ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นยางทางทีดีลองใส่ดูก่อนดีที่สุด

9. ความคุ้มค่าของราคา

เมื่อเทียบระหว่างราคากับ ประโยชน์ที่ได้รับ เพราะบางทีการที่ราคาแพงก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีมากเสมอไป ในทางกลับกันราคาถูกก็อาจจะดีก็ได้ ซึ่งเราจำเป็นต้องเปรียบเทียบนั่นเอง

10. ควรให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

ดูว่ามันอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะว่าเราต้องใช้ตลอด ถ้าแบตไม่ทนก็จะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นที่จะต้องดูเลยทีเดียว

เป็นยังไงกันบ้างกับวิธีการดูก่อนจะเลือกซื้อ Sport Smartwatch มาถึงตรงนี้แล้วเพื่อน ๆ คนไหนที่ยังไม่มีก็อย่ามัวรีรอ หากเห็นรีวิวแล้วมีรุ่น Sport Watch ที่ถูกใจ ก็ลองออกไปส่อง ๆ แวะ ๆ หาดูทั้งตามร้านแล้วก็บนอินเตอร์เน็ตได้เลยจะได้ไม่ตกเทรนด์ เพราะเจ้า Sport Smartwatch นี่มีประโยชน์มากมายเหลือเกิน และแนะนำมากเลยสำหรับคนที่ขับรถหรือเดินทางบ่อย ๆ ทำให้ไม่พลาดการติดต่อ และที่สำคัญ ช่วยให้เราขับขี่ปลอดภัยอีกด้วย อย่างนี้ถึงบ้านปลอดภัย คนทางบ้านหายห่วงแน่นอน