มินิรีวิว Jaybird Run
19 ก.ย. 2560

มินิรีวิว Jaybird Run วิ่งกับ Jaybird Run หูฟัง Truly Wireless

เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง ฉุดไม่อยู่แล้วจริงๆ กับหูฟังเทคโนโลยีใหม่แบบ Truly Wireless หรือหูฟังแบบไร้สายที่แท้จริง หลังจากปีที่แล้ว Apple เปิดตัว iPhone 7 และตัดช่องเชื่อมต่อหูฟัง AUX/3.5 mm. ออกไป พร้อมเปิดตัว AirPods หูฟังคู่แบบไร้สาย True Wireless ที่ Apple ออกแบบเอง ก็สร้างปรากฎการณ์ให้ตลาดเริ่มมีการตื่นตัว และเคลื่อนไหวกันมากขึ้น และ 1 ปีให้หลัง Apple เปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X ที่ดูแล้วรู้เลยว่าออกมารองรับเทคโนโลยีไร้สายกันมากขึ้นอย่างแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอเพราะบรรดายักษ์ใหญ่ในวงการหูฟังไม่ว่าจะเป็น SONY, JBL หรือจะเป็น B&O ต่างก็ตบเท้ากันออกหูฟังที่ไร้สายแบบ True Wireless โดยมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละแบรนด์ ทั้งฟังก์ชั่น และราคา Jaybirds เอง ด้วยชื่อเสียงในด้านหูฟังเหมาะกับการใส่เวลาทำงาน หรือใส่เวลาลุยๆด้วยตัวหูฟังขนาดเล็กและใส่ใต้หมวก Helmet ได้ อีกทั้งยังมาพร้อมเสียงเบสที่นุ่มลึกและมีมิติ กับรุ่นการันตียอดขายทั้ง 2 ซีรีส์ ก็ไม่รอช้า ส่งหูฟัง True Wireless ออกมาตีตลาดกับเค้าด้วยเหมือนกันอีกเจ้าหนึ่ง กับหูฟังไร้สาย Jaybird Run ตัวนี้
สวมใส่แน่นและสะดวก พร้อมเคลือบสารชั้นยอดกันน้ำและกันฝุ่นแน่นอน

Jaybird Run มีการออกแบบมาให้สวมใส่ได้ง่าย และสะดวก แต่ยังคงแน่นและฟิตพอดีไม่หลุดง่ายๆแม้การเคลื่อนไหวที่รุนแรงอย่างเวลาออกกำลัง หรือทำงานที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวมากๆ ด้วยหลักการ FIT & COMFORT เพียงแค่ใส่หูฟัง Jaybird Run หรือจะเปลี่ยนขนาดของจุกหูฟังซิลิโคนที่ให้มาอย่างหลากหลายขนาด ให้เป็นขนาดที่พอดีกับหูคุณ และใช้คู่กับครีบหูฟังที่จะช่วยยึดหูฟังกับหูให้แน่นกว่าเดิม แล้วออกไปวิ่ง คุณก็จะได้สัมผัสกับประสบการณืเสียงแบบที่ว่าลืมไปแล้วว่าใส่หูฟังอยู่ จนแทบเกือบตกใจว่าทำไมมีเสียงตามมาด้วยตลอด พร้อมทั้งยังเคลือบสารแบบพิเศษ Double Hydrophobic Nano Coating ซึ่งเคลือบมาถึง 2 ชั้น ทำให้ช่วยป้องกันเหงื่อได้อย่าง 100% ซึ่งสามารถป้องกันได้มากกว่าหูฟังทั่วไปที่บอกว่ากันน้ำ เพราะด้วยสารที่เคลือบไว้จะป้องกันให้แม้แต่ละละอองน้ำก็ไม่สามารถเข้าไปในหูฟังได้ นอกจากกันเหงื่อแล้วก็ยังกันน้ำได้อีกด้วย สามารถกันน้ำได้ในระดับฝนตก หรือน้ำสาดจากรอบทิศทาง เรียกได้ว่าหมดห่วงอย่างแน่นอน
แบตเตอรี่อันยาวนานแม้หูฟังจะมีขนาดเล็ก พร้อมเคสสำหรับชาร์จและเก็บหูฟัง

หมดกังวลเรื่องการเดินทางไกลๆ แล้วแบตเตอรี่จะไม่พอ เพราะถึงแม้ว่าหูฟังจะมีขนาดเล็กแต่ภายในมีแบตเตอรี่ในตัวที่ให้พลังงานสูงสามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และสามารถชาร์จจากเคสเก็บหูฟังได้อีก 8 ชั่วโมง ซึ่งตัวเคสชาร์จนั้นรองรับระบบชาร์จเร็วที่ชาร์จเพียงแค่ 5 นาทีก็จะให้พลังงานได้ถึง 1 ชั่วโมง ทำให้คุณไม่พลาดเสียงเพลง หรือแม้แต่การเชื่อมต่อที่ Real Time ทันเวลา สำหรับตัวเคสชาร์จก็ถูกออกแบบมาให้สวยงามและมีขนาดเล็ก เล็กพอที่จะใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงของคุณ ทำให้สามารถพกพาไปด้วยได้สะดวก ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ปกป้องหูฟังและชาร์จหูฟังไปได้ด้วยภายในตัว
จากฟังก์ชั่นที่ได้รีวิวกันสั้นๆในมินิรีวิวนี้ เชื่อว่าหลายๆท่านคงมีความสนใจในตัวหูฟังไร้สายตัวนี้ไม่มากก็น้อยครับ และสุดท้ายสำหรับตอนนี้ Jaybird Run ยังไม่เข้าไทยครับ ท่านที่กำลังรอหรือมีความสนใจในหูฟังไร้สายตัวนี้อยู่อาจจะต้องรอกันอีกนิดนึง แต่รับรองว่าถ้าเข้าไทยมาเมื่อไหร่ ทางเรา Mercular.com จะรีบนำมารีวิวแบบจัดเต็มรวมถึงเรื่องแนวเสียงที่ครบถ้วนมาให้ได้อ่านกันแน่นอนครับ ซึ่งสำหรับราคาของเจ้า Jaybird Run ในปัจจุบันนั้นอยู่ที่ราวๆ $229.99 (เหรียญสหรัฐ) ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 9,240 บาทไทยเท่านั้นครับ
สำหรับวันนี้ลาไปก่อน พบกันใหม่กับมินิรีวิวหน้า สวัสดีครับ