เบื้องหลังความสำเร็จของบทเพลง La La Land

14 ม.ค. 2560

เบื้องหลังความสำเร็จของบทเพลง La La Land

สำหรับใครที่ได้ไปชมภาพยนตร์ La La Land “นครดารา” มาแล้วคงรู้สึกถึงความงดงามที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังของทั้งตัวนักแสดงเอง หรือโปรดักชันในเรื่องของแสง สี เสียง ที่อลังการ และที่สำคัญคือบทเพลงประกอบภาพยนตร์อันแสนไพเราะ ซึ่งล่าสุดในงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 74 ภาพยนตร์ La La Land ก็ได้รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้ Mercular.com จะนำแฟนหนัง แฟนเพลงทุกท่านมารู้จัก บุคคลที่ถือเป็นเบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้อย่าง “จัสติน เฮอร์วิตซ์” กันครับ

lalaland soundtrack

“จัสติน เฮอร์วิตซ์” เป็นนักประพันธ์เพลงชาวอเมริกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยประพันธ์เพลงประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่อง “Whiplash” ร่วมกับผู้กำกับเพื่อนซี้อย่าง “ดาเมี่ยน ชาเซลล์” และได้รับรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเวที Grammy Award มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยตรงนี้จะขอเล่าย้อนไปถึงสมัยเป็นนักศึกษา ซึ่งทั้งคู่นั้นพบกันที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้ตั้งวงดนตรีร่วมกันตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียน ซึ่งทั้ง “จัสติน เฮอร์วิตซ์” และ “ดาเมี่ยน ชาเซลล์” ต่างก็ชื่นชอบการแสดงแบบย้อนยุค จึงวางแผนจะทำภาพยนตร์สักเรื่องด้วยกันตั้งแต่ตอนนั้น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมากถึง ปี 2014 ที่ “ดาเมี่ยน ชาเซลล์”  กำกับภาพยนตร์ เรื่อง “Whiplash” จนได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงในวงกว้าง โดยต้องยอมรับว่าความสำเร็จในครั้งนั้นส่งผลให้ทั้งคู่มีโอกาสทำตามความฝันเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษา คือต้องการสร้างภาพยนตร์ย้อนยุคที่มีการแสดงทั้งการร้องและการเต้นร่วมกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “นครดารา” อย่างที่เรารู้จักกันในชื่อ La La Land ในวันนี้นั่นเอง

lalaland soundtrack

ในส่วนของทำนองเพลง “จัสติน เฮอร์วิตซ์” ได้แต่งบทเพลงเดโมไว้ด้วยกันทั้งสิ้นกว่า 1,900 เดโม เพื่อให้ได้เมโลดี้ที่ดีที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของ La La Land ยังมี “เบนจ์ พาเซ็ก” และ “จัสติน พอล” โดยทั้งคู่ช่วยกันแต่งเนื้อร้องให้เข้ากับทำนองที่ “จัสติน เฮอร์วิตซ์” แต่งขึ้น จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นบทเพลงที่เราได้รับฟังในโรงภาพยนตร์อย่าง เพลง “City of Stars” ที่ร้องคู่กันระหว่าง “ไรอัน กอสลิ่ง” กับ “เอ็มมา สโตน” ในขณะเดียวกัน “จัสติน เฮอร์วิตซ์” ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องบทเพลง “City of Stars” ว่า “ผมแต่งบทเพลงจากอินเนอร์หรืออารมณ์เป็นหลัก โดยผสมผสานเข้ากับโทนของบทเพลงเข้าไว้ ซึ่งโทนของเพลงจะบ่งบอกถึงความหวัง ประกอบกับความเศร้าในเวลาเดียวกัน และมีการพักเสียงระหว่างคอร์ดเมเจอร์กับไมเนอร์ เพื่อให้เสียงเพลงสะท้อนถึงช่วงเวลาที่ดีและช่วงเวลาที่ไม่ดี ที่เราเห็นอยู่ในเรื่องราวในลอสแอนเจลิสนั่นแหละ”

ได้เห็นเบื้องหลังที่เปี่ยมล้นไปด้วยแรงบันดาลใจอย่างนี้แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพยนตร์เรื่อง La La Land เป็นภาพยนตร์มิวสิคัล ที่งดงามทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง เลยทีเดียวครับ ซื้อบัตรเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์กี่รอบ ก็คุ้มค่าสำหรับเรื่องนี้ เพราะอย่างที่เคยเล่าไว้ในบทความ [ส่องหนัง “La La Land” กับรางวัลลูกโลกทองคำ 2017] ว่าการได้ฟังเพลงมิวสิคัลในโรงภาพยนตร์ที่มีระบบเสียงรอบทิศทาง แค่เข้าไปได้นั่งฟังเฉยๆไม่ดูหนังก็ฟินละครับ แต่ก็เช่นเคยสำหรับใครที่ยังไม่ได้โหลดเพลง หรือโหลดเพลงคุณภาพดีอย่างถูกลิขสิทธิ์มาแล้ว ต้องมีหูฟังดีๆสำหรับฟังเพลงแนวแจ๊สแบบนี้สักตัว หากยังไม่มีละก็มา ช้อปหูฟัง/ลำโพง ได้เลยครับ สุดท้ายนี้ถ้าชอบบทความอย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2