เปรียบเทียบ แอพฯ ดูหนัง ภาพสวย คมชัด เสียงดีที่สุด

15 มิ.ย. 2560

เปรียบเทียบ แอพฯ ดูหนัง ภาพสวย คมชัด เสียงดีที่สุด

ในปัจจุบันนี้เมื่อพูดถึงการดูหนัง เรียกได้ว่าเข้าถึงคนแทบจะทุกวัยและทุกชนชั้นอาชีพกันเลยทีเดียว เพราะว่าด้วยในปัจจุบันโรงภาพยนตร์นั้นผุดขึ้นมาแทบทุกที่ ทุกหนแห่ง ทำให้การเดินทางไปดูหนังทำได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย แต่สำหรับบางคนด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลา และการเดินทาง หรือในบริเวณใกล้เคียงยังไม่มีโรงหนัง ทำให้ไม่สามารถไปดูหนังในโรงได้ บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์จึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่เข้ามามีบทบาท ด้วยจุดเด่นคือสามารถดูบนมือถือ Smartphone Tablet ซึ่งจะดูที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่มีการเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น และการจ่ายค่าบริการจะเป็นแบบรายเดือน (ดูได้เป็นบุฟเฟต์) หรือแบบ เช่า/ซื้อ สำหรับหนังใหม่หรือหนังที่กำลังเป็นกระแส โดยในปัจจุบัน Application สำหรับดูหนังออนไลน์ หรือชมภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งนั้น เรียกได้ว่ามีหลายค่าย หลายบริษัทแข่งกันทำตลาดมากมาย แต่ค่ายไหนที่จะให้คุณภาพของภาพและคุณภาพของเสียงที่ดีและถึงตาถึงอารมณ์ที่สุดล่ะ วันนี้เรา Mercular.com จะมาเปรียบเทียบให้ทุกท่านได้ชมกันครับ

Netflix

สำหรับแอพพลิเคชั่นแรกของวันนี้ก็คือ Netflix ซึ่งถือเป็นแอพจากฝั่งอเมริกาที่เข้ามาทำตลาดในเอเชียอย่างเต็มตัว มีหน้าตา UI (User Interface) ที่ใช้งานง่าย พร้อมคำอธิบายประกอบหนังแต่ละเรื่อง และมีหน้าเมนูให้เลือกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สามารถตั้งค่าให้เลือกเล่นคุณภาพได้สูงสุดตามแพคเกจของผู้ใช้บริการ การให้บริการสตรีมภาพยนตร์พร้อมเสียงแบบ Original Soundtrack หรือเสียงดั้งเดิมนั่นเอง (ไม่มีพากย์ไทย) พร้อมด้วยซับไตเติ้ลซึ่งมีให้เลือกหลายภาษาในฝั่งเอเชีย ทั้งภาษาจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และแน่นอน ภาษาไทย โดยแอพ Netflix นั้นได้รวบรวมหนังไว้อย่างมากมายหลากหลายแนว ทั้งหนังฟอร์มใหญ่และฟอร์มเล็ก

จุดเด่นของแอพนี้ก็คือเรื่องของแพคเกจที่มีให้เลือกตั้งแต่

  1. แพคเกจคุณภาพภาพและเสียงแบบ Standard
  2. แพคเกจคุณภาพภาพและเสียงแบบ HD (1080p) พร้อมแชร์ได้ 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน
  3. แบบที่เป็นจุดเด่นของ Netflix นั่นก็คือคุณภาพภาพและเสียงแบบ UHD (4K) ซึ่งแบบนี้จะรองรับเฉพาะแอพฯ Netflix ที่โหลดขึ้นโทรทัศน์แบบ Smart TV ที่รองรับภาพและเสียงแบบ 4K เท่านั้น

เรียกได้ว่าถ้าอยากชมภาพยนตร์คุณภาพใกล้เคียงกับในโรงภาพยนตร์ Netflix ถือว่าเป็นตัวเลือกต้นๆเลยทีเดียว

ข้อดี: มีภาพยนตร์และซีรีส์ฟอร์มใหญ่ชื่อดังจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษให้เลือกมากมาย พร้อมความคมชัดขั้นสูงทั้งภาพและเสียง ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้ง Standard, HD, และ UHD

ข้อสังเกต: ราคาสูง หนังจากค่ายใหญ่อย่าง Disney, Universal และ Warner Bros Pictures ยังไม่ค่อยมีให้เลือกเท่าไหร่นัก

iFlix

สำหรับ iFlix นั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของนักดูหนังคนไทยก็ว่าได้ด้วยการที่แอพนั้นตั้งใจจะเปิดตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว พร้อมลงมาซัพพอร์ตหนังเพื่อคนไทยอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ UI แอพที่ทำออกมาได้สวยงาม มินิมอล น่าใช้ และเลือกภาษาเมนูได้ทั้งไทยและอังกฤษ ตัวเลือกของหนังที่มีให้เลือกทั้งพากย์ไทย หรือจะเป็นพากย์เสียงอังกฤษบรรยายไทย ก็มีให้เลือกเช่นกัน ในส่วนของหนังก็มีให้เลือกอย่างมากมาย ทั้งฟอร์มเล็กและฟอร์มใหญ่ โดยมีหนังฟอร์มใหญ่ให้เลือกบ้าง แต่ก็อาจจะไม่มีในส่วนของหนังที่เป็นกระแสในบ้านเราในปัจจุบัน ทั้งจากจาก Disney, Universal และ Warner Bros Pictures เช่นกัน โดย iFlix มี 1 แพคเกจให้เลือกคือ 100 ดูได้ทุกเรื่องในแอพ เป็นเวลา 30 วัน คุณภาพ Standard เท่านั้น

ข้อดี: มีหนังและซีรีส์ให้เลือกมากมาย มีภาษาให้เลือกทั้งพากย์อังกฤษบรรยายไทย และแบบพากย์ไทย และราคาเป็นมิตร (เดือนละ 100 บาท)

ข้อสังเกต: ไม่สามารถเลือกคุณภาพของภาพและเสียงได้ ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น โดยเมื่อเน็ตแรงที่สุดคุณภาพที่ได้เป็นแบบ Standard เท่านั้น

Hollywood TV

มาถึงแอพ Hollywood TV กันบ้าง ซึ่งชื่อเดิมของแอพคือ Hollywood HDTV เป็นแอพที่พูดได้เลยจริงๆว่ารวบรวมหนังไว้มากที่สุดในบรรดาแอพที่กล่าวมาข้างต้น โดยเมื่อเทียบกับ Netflix แล้ว Netflix จะเน้นไปที่ซีรีส์ แต่สำหรับ Hollywood TV นั้นจะเน้นในเรื่องของหนังชื่อดัง หนังที่กำลังฮิตและเป็นกระแส ซึ่งมีหน้าตาที่สวยงาม ใช้งานง่าย ค้นหาง่าย และมีเมนูทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งนอกจากจะมีหนังให้ได้เลือกชมกันแล้ว ยังมี TV Online จากช่องต่างๆให้ได้เลือกชมกันอีกด้วย โดยสำหรับการดูหนังจะแบ่งแพคเกจเป็น 2 ประเภทคือ

  1. แบบบุฟเฟต์ดูหนังได้ไม่อั้น 30 วัน (ซึ่งจะไม่รวมหนังที่กำลังเป็นกระแส หนังที่มีภาคต่อกำลังฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ และหนังใหม่)
  2. เช่าหรือซื้อ จะมีหนังที่เป็นหนังใหม่ หนังฟอร์มใหญ่ หนังที่กำลังเป็นกระแส หรือหนังที่มีภาคต่อซึ่งกำลังฉายในโรงภาพยนตร์ โดยจะต้องทำการเช่าหรือซื้อเป็นเรื่องๆไปเท่านั้น ไม่มีรวมในบุฟเฟต์

สามารถเลือกคุณภาพการสตรีมมิ่งภาพและเสียงได้ (เมื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร) ถึง 3 ระดับ คือ ระดับ HD ระดับ Standard และคุณภาพต่ำ

ข้อดี: มีให้เลือกระดับการสตรีมมิ่งทั้งระดับ HD สำหรับคนที่ชื่นชอบภาพและเสียงชัดเจน คุณภาพสูง และระดับ Standard สำหรับคนที่มีอินเทอร์เน็ตไม่เร็วมากนัก อีกทั้งยังมีหนังใหม่ที่เป็นที่นิยมในขณะนั้นให้เลือกมากมาย

ข้อสังเกต: หนังฟอร์มใหญ่ ส่วนมากต้องซื้อขาดหรือเช่าเท่านั้น โดยราคาซื้อขาด มีตั้งแต่ 199 บาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าแพงพอสมควร เพราะเทียบกับราคาบุฟเฟต์แล้ว ราคาเท่ากันที่ 199 บาท

AIS Play

แอพพลิเคชั่นน้องใหม่จากค่ายเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ชั้นนำ AIS ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง AIS กับช่องทีวีชั้นนำมากมายจากอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นช่อง HBO ช่องกีฬาอย่าง Fox Sports และค่ายหนังชั้นนำอย่าง Warner Bros. Pictures ซึ่งทำให้ AIS Play มีคอนเทนต์ที่เป็นจุดเด่นกว่าแอพอื่นๆ เช่น ซีรีส์ Game of Thrones ทั้ง 6 ซีซั่น หนังใหม่ของค่าย Warner Bros. Pictures เช่น Batman vs. Superman โดยมีหน้าตาการใช้งานที่สวยงาม ใช้งานง่าย มีให้เลือกเป็นหมวดหมู่และสามารถเลือกภาษาของเมนูได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ มีช่องทีวีสดให้เลือกชมอย่างล้นหลามแบบเอ็กซ์คลูซีฟเจ้าเดียวในประเทศไทย สำหรับคุณภาพการสตรีมมิ่ง มีให้เลือกตั้งแต่แบบ Standard (480p) ไปจนถึง Full HD (1080p) ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (เชื่อมต่อด้วย Wi-Fi ได้ทุกเครือข่าย แต่ถ้าเป็นสัญญาณมือถือ ได้แค่ค่าย AIS เท่านั้น)

ข้อดี: มีหนังและซีรีส์ที่เป็น Exclusive หาดูไม่ได้จากแอพอื่นๆอย่าง Game of Thrones ทุกซีซั่น และให้คุณภาพคมชัดระดับ Full HD ทั้งภาพและเสียง ซึ่งรวมอยู่ในแพคเกจบุฟเฟต์แล้วด้วย ในราคาเพียงเดือนละ 299 บาท

ข้อสังเกต: ต้องใช้สัญญาณมือถือของระบบ AIS เท่านั้นในการสมัครสมาชิก (เว้นแต่ว่าจะเชื่อมสัญญาณ Wi-Fi) โดยเป็นแอพเดียวที่ดูบนคอมพิวเตอร์ไม่ได้

จบไปแล้วนะครับ สำหรับบทความที่เราได้นำมาเปรียบเทียบให้เห็นกันว่าแต่ละแอพลิเคชั่นดูหนังมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง และแอพฯไหนให้ภาพและเสียงดีที่สุด โดยแต่ละแอพฯก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของราคา ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้บริโภคอย่างเราๆนี่แหละที่จะเป็นคนตัดสินว่าแอพดูหนังอันไหนเหมาะสมกับเราที่สุด (เช่นถ้าเราชอบดูซีรีย์ฝรั่งอย่าง Game of Thrones ต้องบอกเลยว่า AIS Play เป็นตัวเลือกแรกๆที่ตัวผมเองก็อยากจะย้ายค่ายไปดูเลยทีเดียวเชียวครับ อย่างไรก็ดีหากการดูหนังผ่านสมาร์ทโฟนอาจให้เสียงไม่ดีเท่าใช้หูฟัง หรือ ลำโพงนะครับ (หรือใครต่อสมาร์ทโฟนกับเข้า Smart TV ก็สามารถช้อปลำโพง Sound Bar และ ลำโพงคอมพิวเตอร์ได้เลยครับ) สุดท้ายนี้หากขาดแอพไหนตกหล่นไปสามารถคอมเม้นท์ไว้ที่เฟซบุ๊ก Mercular.com ได้เลยครับ :)

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2