หนึ่งในคำสอนของพ่อที่เรารู้จักกันดีคงจะเป็นเรื่องของ “เศรษฐกิจพอเพียง” อย่างไรก็ดียังมีคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของปวงชนชาวไทยอีกมากมายที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์ทั้งแบบสั้นและยาว ในบทความนี้ Mercular.com จะมาย้อนรอยระลึกถึงแนวพระราชดำริผ่านภาพยนตร์กันครับ

จากฟ้าสู่ดิน

เรื่องราวเกี่ยวกับแนวพระราชดำริในเรื่องของ “เกษตรทฤษฎีใหม่” ที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครหลักซึ่งเป็นชาวนาที่กำลังประสบปัญหาทำนาแล้วนาล่ม อารมณ์ประมาณว่าเป็นชาวนาแต่จำต้องไปซื้อข้าวกินเพื่อประทังชีวิต ในละแวกเดียวกัน ชาวนาบ้านอื่นก็ประกาศขายที่ดินกันเป็นแถว ด้วยความยากลำบากเขาถึงต้องพาลูกเมียเข้ากรุงไปหางานทำ ซึ่งสิ่งเดียวที่ทำได้คืออาชีพ “กรรมกร” ในช่วงที่ชีวิตกำลังท้อแท้ เขากลับได้ยินเพลงพระราชนิพนธ์ “ยิ้มสู้” ที่ขับร้องโดยหญิงพิการทางสายตา นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาจุดประกายที่จะกลับไปยังบ้านเกิดพร้อมกับความรู้ด้าน “เกษตรทฤษฎีใหม่” ที่ศึกษาระหว่างการเป็นกรรมกรนั่นเอง สำหรับข้อคิดสำคัญที่ได้จากภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้คือชีวิตไม่ว่าจะหนักจะเหนื่อยแค่ไหน เราก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ขนาดหญิงพิการยัง “ยิ้มสู้” แล้วคนตาดีๆอย่างเราจะยอมแพ้ได้อย่างไร?

เหรียญของพ่อ

เรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจที่ครอบครัวของ “ครูธานี” ครูดีเด่นที่ยึดพระบาทสำเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน เนื่องจากตนเองนั้นโชคไม่ดี ถูกผู้ก่อการร้ายทำให้พิการขาซ้ายขาดไป “สิทธา” ลูกชายของครูธานี รับราชการเป็นตำรวจตระเวณชายแดน ด้วยความที่ได้เลือดพ่อมาเต็มเปี่ยมทำให้สิทธาและเพื่อนร่วมงานเป็นตำรวจที่ดีเสมอมา ด้วยความที่อยากให้ประเทศไทยปลอดภัยจากสาเสพติดเขาเกือบเสียชีวิตเพราะตกอยู่กลางวงล้อมของพวกค้ายา แต่สุดท้ายรอดมาได้นั่นเอง เพราะว่ากระสุนแฉลบไปโดนเหรียญตราสัญลักษณ์ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวของครอบครัวมาโดยตลอด ถือว่าเป็นปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางวงล้อม ปิดท้ายด้วย “นุ่น” ซึ่งเป็นลูกสาวของสิทธา ได้สมัครเข้ารับราชการเป็นแพทย์อาสาทำงานรับใช้ชาติเหมือนพ่อนั่นเอง ทั้งสามคนต่างยึดมั่นในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมารักประเทศชาติและทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินนั่นเอง หลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว อยากให้ชาวไทยหันมาสำนักในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมกันทำดีเพื่อชาติต่อไปเช่นเดียวกับ ครูธานี สิทธา และนุ่น ที่ต่างมีพระองค์เป็นแรงบันดาลใจครับ

คนล่าเมฆ

เรื่องราวเกิดขึ้นในปี พุทธศักราช ๒๕๔๒ ผืนแผ่นดินแห้งแล้งจัด การทำฝนหลวงก็เป็นไปได้ยากด้วยสภาพอากาศที่แห้งมาก จีงเป็นหน้าที่ของทีมปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษที่มีหัวหน้าทีมคือ “ปริญญา” พร้อมกับนักบินอีกสองคนคือครูม้าและครูบอย ทุกคนในทีมต้องพยายามกันหนักมากแต่กลับไม่สามารถทำได้เสียที ท้ายที่สุดแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับฝนหลวงออกมาช่วย จนอุปสรรคก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี สร้างความปลื้มปิติให้กับเจ้าหน้าที่และนักบิน รวมถึงประชาชนเป็นอันมาก สิ่งสำคัญที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้คือการที่ในหลวงท่านไม่เคยทอดทิ้งประชาชน พระองค์ติดตามงานในพระราชดำริอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้อยู่ดีกินดีนั่นเองครับ

อาม่า

การนำเสนอแบบเรียบง่ายของภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องผ่าน “อาม่า” ผู้หอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อประมาณหกสิบปีที่แล้ว “อาม่า” ย้อนความทรงจำเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ “อาหมวย” ฟังว่าครั้งหนึ่งตนเคยเข้าไปอยู่ในโรงเรียนสอนภาษาแล้วพบว่ายังมีคนไทยอีกมากที่ยังไม่รู้ควาหมายของเพลงสรรเสริญพระบารมี และการยืนตรงก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ แต่ยืนเพียงเพราะเป็นมารยาทเท่านั้นเอง อาม่าได้เล่าเรื่องราวความสุขสบายภายในร่มเงาพระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งพระองค์เหนื่อยยากเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยเป็นอย่างมาก จากนั้นอาหมวยก็เล่าให้อาตี๋ฟังจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้อาตี๋ซาบซึ้งและไม่อยากให้พระองค์เหนื่อยอย่างที่เคยเป็นมา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่ายผ่านตัวละครทั้งสามคน แต่เมื่อดูจบแล้วกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น แต่โชคดีที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทยอย่างยิ่งครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ทางเราได้นำเสนอไปในบทความนี้ อย่างไรก็ดียังมีภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเรื่องอื่นๆที่เรายังไม่ได้นำมาเสนออีกมากไม่ว่าจะเป็น ราชประชานุเคราะห์, แผ่นดินของเรา, ด้วยเกล้า. ภาพยนตร์ชุด ปิดทองหลังพระ, ว่ายน้ำข้ามทะเลดาว, เพลงของพ่อ และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับผู้อ่านท่านใดอยากเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจของภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเรื่องอื่นๆ สามารถแนะนำ แบ่งปันเข้ามาได้ที่ Facebook: Mercular.com ครับ สำหรับเรื่องอื่นๆนั้น ถ้ามีโอกาสทางเราจะนำมาเล่าให้ฟังกันแน่นอนครับ