ในโลกที่ สัญญาณอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าสัญญาณวิทยุ ถ้าทุกคนจำกันได้ดีว่ามีช่วงนึงที่รายการไร้ภาพเหล่านี้แทบจะหายไปจากชีวิต การฟังเพลงที่สามารถหาฟังได้ทุกที่โดยไม่ต้องพึ่งสถานีใด ๆ อีกต่อไป เมื่อรายการวิทยุเป็นสิ่งที่เข้าถึงยาก และไม่สะดวกสบายเท่ากับ Youtube หรือ Internet แล้วเหล่า DJ และผู้จัดรายการวิทยุจะเอาตัวรอดกันยังไง นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดสิ่งที่เรียก Podcast หรือรายการเสียงผ่านการสตรีมมิ่ง หรือทำการบันทึกไว้และเผยแพร่ภายในโลกอินเตอร์เน็ตขึ้นมานั่นเอง หลาย ๆ คนอาจจะคิดถึงรายการวิทยุที่เราเปิดคลอไปกับเพื่อนในขณะขับรถ หรือยามทำงาน เสน่ห์ของรายการเหล่านั้นปัจจุบันนี้ได้ถูกถ่ายทอดมายังรายการเสียงยุคใหม่เหล่านี้ถูกเรียกว่า “พ็อดคาสท์ (Podcast)” หรือรายการวิทยุออนไลน์ที่เกิดขึ้นมาจากผู้จัดอิสระที่มีทั้งไทยและเทศนั่นเอง และเชื่อได้เลยว่า ยุคสมัยของ ‘รายการเสียง’ ยังไม่ได้จบลง มันกลับถูกบุกเบิกและเติบโตอย่างช้า ๆ แต่แข็งแรงภายในพื้นที่อินเตอร์เน็ตเช่นเดียวกับการย้ายแพลตฟอร์มของซีรีย์ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ออนไลน์มากขึ้นนั่นเอง

Podcast ให้อะไร

ปัจจุบันนี้รายการประเภท Podcast กระจายกันออนแอร์อยู่ทั่วทุกมุมโลก ถ้าเกิดว่าเป็นรายการวิทยุทั่ว ๆ ไป เราคงจะสามารถฟังได้แค่รายการที่ถูกจัดขึ้นในพื้นที่ของเราเองเท่านั้น แน่นอนรายการเหล่านั้นไม่ใช่ไม่ดี เพราะมันดึงเอาความเป็นท้องถิ่นที่พยายามปรับตัวกับ Life-Style ของผู้ฟังในละแวกนั้นอย่างเต็มที่ การฟังผู้จัดรายการพูดไปเรื่อยผ่านมุมมอง หรือแนวคิดอย่างคนละแวกนั้นก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเปิดวิทยุท้องถิ่นฟังเวลที่คุณเดินทางไกล แต่การเข้ามาของอินเตอร์เน็ตทำให้คุณสามารถฟังได้ไกลกว่านั้นโดยไม่ต้องออกเดินทาง และนอกเหนือจากวิธีชีวิตของคนในพื้นที่ มันก็พัฒนาและต่อยอดกลายเป็นรายการที่มีความหลากหลาย และเสน่ห์ที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นรายการเพลง การเงิน วิทยาศาสตร์ ยันเรื่องจิปาถะประจำวัน หรือกระทั่งเรื่องเล่าแนวต่าง ๆ บ้างก็สนุกโปกฮา บ้างก็เศร้าเคล้าน้ำตา ไปจนถึงเรื่องราวสยองขวัญชวนขนหัวลุก ทำให้ปัจจุบัน Podcast มีความหลากหลายและช่วยคุณเปิดโลกได้โดยไม่ต้องใช้ตามอง ซึ่งการเข้ามาของเนื้อหาแบบสุ่มที่คาดเดาไม่ได้นั้นก็เป็นเสน่ห์หนึ่งของรายวิทยุมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว มันยังช่วยพาเราไปรู้จักความรู้ใหม่ ๆ และเพลงที่เราอาจจะไม่รู้จักหรือเคยได้ยินมาก่อนด้วยนั่นเอง

ทำไมต้องฟัง Podcast

ถ้าจะพูดว่ารายการ Podcast เหล่านี้เป็น Trend ที่ไม่ควรพลาดเทรนด์หนึ่งก็ดูจะสั้นเกินไป ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันถึงข้อดีของ Podcast ข้ออื่น ๆ กันดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นรายการที่ไม่มีภาพมีแต่เสียงนั้นสามารถสร้างสมาธิให้คุณได้ดีกว่าการเปิดทีวีค้างเอาไว้ เพราะแสงที่มันเคลื่อนไหว หรือการรับรู้ของสมองว่าเสียงที่เราฟังอยู่นั้นมีภาพประกอบด้วยอาจจะดึงดูดความสนใจให้เผลอละสายตาจากงานไปได้ มิหนำซ้ำการไม่เห็นภาพยังเป็นการพัฒนาจินตนาการได้ดีกว่าการดูเสียอีก เทียบได้กับการอ่านหนังสือที่จะทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงจินตนาการของตนเองได้มากกว่าการดูหนังทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตามได้นั่นเอง นอกจากนั้นการเล่าเรื่องของ Podcast ยังเป็นการเล่าเรื่องที่เตรียมพร้อมกำหรับการเล่าเรื่องแบบไม่มีภาพประกอบตั้งแต่ต้น ทำให้สามารถสื่อสารได้ตรงจุดกว่าการเปิดทีวีค้างเอาไว้นั่นเอง และอย่างสุดท้ายในช่วงที่ฝนตกหนัก ๆ อย่างช่วงหน้าฝนแบบนี้ เขาว่าเสียงที่เข้ากับเสียงฝนที่สุดก็คงไม่พ้นเสียงของคนนั่นเอง เพราะการฟังคนพูดพร้อม ๆ กับเสียงฝน จะช่วยสร้างสมาธิ และเสริมการรับรู้ และการจดจำของเราให้ดีขึ้นนั่นเอง ยิ่งใช้งานร่วมกับหูฟัง Over-Ear ที่ให้เสียงโอบล้อมก็จะทำให้ได้ความรู้สึกสบาย ๆ ที่แตกต่างออกไป

เมื่อรู้จักกับ Podcast แล้วการหามันมาฟังไม่ได้ยากครับแค่เสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตก็มีมาให้ทุกอย่างแล้ว โดยจะใช้แอพพลิเคชั่นอย่าง Apple Music หรือ Youtube เปิดก็ได้ หรือจะใช้แอปอย่าง Spotify ก็มี Podcast ให้ฟังเหมือนกัน แต่ถ้าอยากจะได้ตัวเลือกมากกว่านั้นก็อาจจะลองแอปสำหรับฟังโดยเฉพาะอย่าง Radio Public หรือ Castbox แต่อาจจะเน้นไปที่รายการของเมืองนอกเป็นหลัก ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่รสนิยมของผู้ที่สนใจแล้วล่ะครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้ลำโพงซาวน์บาร์หรือลำโพงอัจฉริยะทั่ว ๆ ไป ก็สามารถ Live Podcast เองได้เลยด้วยซ้ำผ่านการเชื่อมต่อ Chrome Cast นั่นเอง สุดท้ายนี้สำหรับใครที่อยากจะผ่านหน้าฝนนี้อย่างมีสไตล์ก็ลองหา Podcast เยี่ยม ๆ มาฟังกันนะครับ