Master & Dynamic แบรนด์หูฟังน้องใหม่ก่อตั้งในปี 2013 จากนิวยอร์ค ประเทศอเมริกา ถือว่าเป็นแบรนด์ที่โด่งดังมาอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมจนติดอันดับหูฟังที่ขายดีที่สุดใน Apple Online Store อเมริกา โดยกลับมาคราวนี้ได้ออกหูฟังไร้สายตัวใหม่ชื่อ Master & Dynamic MW60 ซึ่งถือว่าเป็นหูฟังรุ่นท็อปต่อยอดจาก Master & Dynamic MH40 อีกที

เปิดกล่อง Master & Dynamic MW60 กันดีกว่า!

กล่องค่อนข้างมีขนาดใหญ่ทีเดียว โดยด้านหน้าจะมีรูปหูฟัง MW60 และตราโลโก้อยู่พร้อมกับคำว่า Wireless ที่ด้านหลังกล่องก็จะมีข้อความอธิบายสรรพคุณหูฟังตามระเบียบ

เมื่อสไลด์กล่องออกมาจะพบกับกล่องสีดำแข็ง ที่ด้านในเมื่อเปิดออกมาจะมีตัวหูฟังวางอยู่ พร้อมกับกล่องหนังแท้ใส่สาย ที่ด้านล่างกล่องเมื่อดึงตัวโฟมออกมาก็จะพบซองเก็บหูฟังรูดซิบได้ และซองผ้าใส่สาย พร้อมคู่มือการใช้งานวางอยู่ด้านล่าง

อุปกรณ์ในกล่องที่ให้มา

• 1 x หูฟัง Master & Dynamic MW60
• 1 x ตัวแปลง 3.5/6.3mm
• 1 x สาย Aux/3.5mm
• 1 x สายชาร์จ USB ต่อ Micro USB
• 1 x ซองผ้าสำหรับใส่หูฟัง
• 1 x กล่องหนังสำหรับใส่สายหูฟัง

ที่สุดของดีไซน์กับวัสดุระดับพรีเมี่ยมในทุกรายละเอียด

จุดเด่นที่สุดของแบรนด์ Master & Dynamic นอกจากเรื่องเสียงที่อบอุ่นคือ ดีไซน์ที่มาพร้อมกับวัสดุชั้นเยี่ยม เพราะตัวหูฟังนั้นทำมาจากวัสดุคุณภาพทั้งชิ้น ไม่ว่าจะเป็น หนังแกะ หนังวัว และอลูมิเนียมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว จนรีวิวหลายสำนักจากต่างประเทศยกเป็นหูฟังดีไซน์เยี่ยมแห่งปีกันเลยทีเดียว

ตัวหูฟัง Master & Dynamic MW60 เป็นหูฟังไร้สายแบบปิด เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth 4.1 ด้วยระบบ Apt X ซึ่งเป็นบลูทูธที่ให้เสียงได้เทียบเคียงในระดับ Lossless หรือคุณภาพระดับ CD ทีเดียว

ตัวบอดี้หูฟังทำจากอลูมิเนียมทั้งก้อนนำมากลึงและขึ้นรูปออกแบบเป็น housing ของตัวหูฟังที่ตรงกลางจะเป็นอลูมิเนียมขัดมันมาออกเป็นคลื่น มีโลโก้ M จากทางแบรนด์ประดับอยู่

ด้านในหูฟัง (Ear pads) นั้นใช้วัสดุเป็น Memory Foam ที่คืนรูปและเข้ากับสรีระได้ดีหุ้มด้วยหนังแกะให้ความสบายในการสวมใส่  โดยเราลองทดสอบใส่เป็นระยะเวลา หลายชั่วโมงก็ไม่รู้สึกว่าร้อนแต่แค่รู้สึกเพียงอุ่นๆเท่านั้น โดยรวมถือว่าใส่สบาย ไม่บีบหู สามารถใส่ฟังได้นานๆ นอกจากนี้ตัวแผ่นฟองน้ำยังสามารถถอดออกมาได้ เพื่อง่ายต่อการเปลี่ยนใหม่อีกด้วย

ที่ก้านหูฟังทำมาจากอลูมิเนียมเช่นกัน โดยมีหนังวัวดิบหุ้มด้านนอก ที่ด้านในใช้หนังแกะทำให้เวลาคาดบนหัวก็รู้สึกสบาย ตัวก้านหูฟังยังสามารถปรับระดับเข้าออกเผื่อใครที่หัวใหญ่หรือเล็ก นอกจากนี้หูฟังยังพับเก็บเข้ามาด้านในได้อีกต่างหาก ทำให้ง่ายต่อการพกพา เมื่อพับเก็บเข้ามาแล้วก็หยิบใส่ซองได้ทันที

ที่ด้านล่างหูฟังจะมีปุ่มควบคุมอยู่โดยด้านขวาจะมีปุ่ม ทั้งหมด 3 ปุ่ม ด้านซ้ายขวาคือปุ่มเพิ่มและลดเสียง ส่วนตรงกลางคือปุ่มเล่นหรือหยุดเพลง โดยถ้าปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงค้างไว้จะเป็นการเปลี่ยนเพลงไปถัดไปหรือย้อนกลับไปฟังเพลงเก่าได้ ส่วนที่ด้านล่างสุดจะเป็นช่องเสียบสาย usb ไว้ชาร์จไฟ

ด้านขวาจะเป็นปุ่มสวิตซ์เปิดปิดหูฟัง ที่จุดสีแดงคือหูฟังปิด ถัดมาปุ่มขาวคือเปิดหูฟัง และเมื่อเลื่อนออกมาด้านนอกสุดคือหาสัญญาณบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อ โดยหาคำว่า “MW60”

แบตเตอรี่

ใช้ได้นานประมาณ 16 ชม. โดยประมาณ จากที่เทสลองใช้จริงแล้วใช้ได้ประมาณ 14-16 ชม. สามารถดูสถานะแบตเตอรี่ผ่านมือถือได้

การเชื่อมต่อ

หลักๆเชื่อมต่อได้ผ่าน 2 วิธีคือ

• Bluetooth AptX – เชื่อมต่อได้โดยกดปุ่มบลูทูธ เชื่อมต่อได้ไกลถึงประมาณ 20- 30 เมตรทีเดียว นอกจากนี้หูฟังตัวนี้น่าจะเป็นหูฟังตัวแรกๆที่เชื่อมต่อแบบไร้สายแล้วเสียงกลับดีกว่าแบบมีสาย ซึ่งเราจะมาว่ากันที่จุดนี้อีกที
• 3.5 mm หรือ AUX – สายเชื่อมต่อเพื่อฟังเพลงกับอุปกรณ์ โน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต

เสียง Master & Dynamic MW60 คำว่า Rich and Warm คือคำที่ใช่!!

มาที่เรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องเสียงซึ่งเพลงที่ใช้ในการทดสอบจะมีด้วยกันหลากหลายแนวได้แก่

• Charlie Puth – อัลบั้ม Nine Track
• Norah Jones –อัลบั้ม Come Away with Me
• Olivia Ong – อัลบั้ม Best of Olivia
• Calvin Harris – อัลบั้ม Best of Calvin Harris
• อะตอม ชนกันต์ – อ้าวเฮ้ย, ทางของฝุ่น

ภาพรวมเสียงของ MW60 ให้โทนเสียงที่กลมกล่อม ฟังเพลิน โดยมีจุดเด่นที่ความอิ่มและหนา หรือ Rich and Warm คือโทนเสียงที่อบอุ่นไม่บาดหู เสียงกลางจะเด่นมากกว่าเสียงย่านอื่นเล็กน้อย และที่สำคัญคือมันไม่จับผิดเพลงหรือ file เพลงแต่อย่างใด มุ่งเน้นการให้สุนทรียภาพในการฟังมากกว่า สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือถ้าใช้สายฟัง เสียงที่ได้มีความบางลงและไม่กลมกล่อมเท่า ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากที่หูฟังไร้สายกลับทำได้ดีกว่าใช้สายซะอีก

• เสียงกลาง : เริ่มจากเสียงร้องซึ่งเป็นจุดเด่นของ MW60 สิ่งที่สัมผัสชัดเจนมากคือเพลง Olivia Ong ทุกคำที่เปล่งออกมานั้น อิ่ม มีมวล ออกหวานเล็กๆ ฟังชัดทุกถ้อยคำ เสียงร้องนั้นจะเขยิบออกมาด้านหน้าของชิ้นดนตรีเล็กน้อย โดยมีโฟกัสที่นักร้อง  ในส่วนเพลงไทยอย่าง อะตอม เพลง อ้าวเฮ้ย เสียงของอะตอมก็เด่นชัด ฟังสนุก และเพลิดเพลิน คำว่า อ้าวเฮ้ย ที่ออกมารู้สึกถึงความรู้สึกว่าอ้าวเฮ้ย!! จริงๆ โดยมีเสียงกลองชัดทุกจังหวะที่ชัดเจน
• เสียงสูง : สามารถทอดเสียงไปได้ไกล ปลายเสียงนั้นมีประกายเล็กๆ อย่างในเพลง Don’t know why ของ Norah Jones นั้นเราจะสามารถได้ยินเสียงเปียโนที่ประกอบจังหวะ อยู่ตลอด เป็นสูงที่มีความหนา ออกเป็นโทนอบอุ่นไม่บาดหู แต่เต็มไปด้วยรายละเอียด ซึ่งรายละเอียดต่างๆก็ถือว่าออกมาครบครัน สามารถฟังนานๆได้ไม่ล้าหูแน่นอน
• เสียงเบส : เบสที่ได้เป็นเบสที่มีเบสช่วงที่ชัดเจน ทุกจังหวะกลองนั้นเป็นลูก เก็บตัวได้เร็วพอเหมาะ เป็นเบสที่สามารถไล่น้ำหนักหรือไดนามิค รายละเอียดของเบสช่วงกลางถึงบนได้ดี ฟังแล้วสนุก รู้สึกโยกไปกับจังหวะได้สบายๆ ส่วนเบสช่วงล่าง หรือ Deep-bass นั้นพอมีให้เห็นบ้างแต่ไม่มากเท่าไร ในด้านอิมแพคอย่าง เพลง Summer ของ Calvin Harris นั้นมีบ้างเป็นเบสที่นุ่มแต่ฟุ้งมากลบย่านอื่นแต่อย่างใด
• เวทีเสียง : ให้เวทีเสียงกว้างในระดับทั่วไป สามารถแยกแยะชิ้นดนตรีออกมาได้ชัดเจน ส่วนการระบุตำแหน่งนั้นยังทำได้ดีในด้านกว้าง แต่ไม่ถึงขนาดหลับตามองเห็นภาพเพราะเสียงค่อนข้างมาอยู่ที่ตรงกลางเพื่อเน้นแนวเสียงอิ่มหนาและวอร์มมากกว่า
• แนวเพลงที่เหมาะสม : สำหรับหูฟังตัวนี้ถือเป็นหูฟังสบายๆใช้งานได้ตลอดไม่เลือกมากเรื่องไฟล์เสียง เหมาะกับเพลง เน้นเสียงร้องเช่น เพลงไทยสากล/Pop/R&B/EDM/Vocal/Jazz ที่เน้นเสียงร้อง หรือ Blue เป็นต้น ส่วน Rock/Easy Listening ก็ทำได้ดีเช่นกัน แต่ถ้าจะไป Jazz/Classic/Audiophile อาจจะไม่ใช่แนวเท่าไร

สรุป Master & Dynamic MW60 เหมาะกับใคร?

หูฟัง Master & Dynamic MW60 ราคาสมเป็นหูฟังระดับท็อปจากแบรนด์ ใช้ใส่ประดับก็ดูดี มีสไตล์ พร้อมทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องสายให้เกะกะ สามารถพกเดินทางได้ไปทุกที่หรือนั่งฟังอยู่บ้านก็ได้ โดยมีเสียงยอดเยี่ยมที่ฟังแล้วมีเสน่ห์ กลมกล่อม ฟังสนุก สบาย นับว่าเป็นตัวเลือกแรกๆสำหรับหูฟังแบบไร้สายในระดับท็อปเลยก็ว่าได้