เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ
7 ต.ค. 2565

ท่ามกลางการแข่งขันของบิรการ Streaming เพลงมากมายหลายบริการในตลาด ณ ปัจจุบัน เชื่อว่าชื่อของบริการ Streaming ยอดฮิตอย่าง Spotify และ Apple Music น่าจะขึ้นมาเป็นในใจผู้ใช้งานเป็นอันดับต้นๆ กันอย่างแน่นอน ด้วยความโดดเด่นของทั้ง 2 บริการที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ จำนวนเพลงที่มีมากมายหลาย 10 ล้านเพลงให้เลือก, ค่าบริการที่ไม่สูงมากและเบาสบายกระเป๋าใกล้เคียงกันซึ่งทำให้สามารถสมัครบริการได้ทุกเพศทุกวัย, การรองรับในการฟังเพลงทุกที่ทุกเวลา และหน้าตาการใช้งานหรือ UI ที่มีความสวยงาม ใช้งานง่าย ไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก เปิดมาก็สามารถใช้งานได้ในทันที และแม้ทั้ง 2 บริการจะมีความคล้ายคลึงกันมากก็ตาม แต่ก็พูดได้ว่าทั้ง 2 บริการก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน พูดได้ว่าได้อย่างก็เสียอย่สง ทำให้บรรดาผู้ใช้บริการเกิดความลังเลใจว่าควรจะเลือกใช้บริการใดถึงจะคุ้มค่าและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุดนั่นเอง
และในครั้งนี้เพื่อเป็นการเอาใจผู้ที่สนใจในบริการ Streaming ของ ทั้ง Spotify และ Apple Music ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน และไม่รู้ว่าควรเลือกใช้บริการของค่ายใดให้เหมาะกับตนเองมากที่สุดดี รวมถึงบริการใดจะตอบโจทย์ชีวิตประจำวันหรือไลฟ์สไตล์มากที่สุด ในครั้งนี้ mercular.com ก็ได้รวบรวมเอา ข้อแตกต่างระหว่าง Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ มาแนะนำกันในบทความนี้แล้ว โดยบริการใดจะโดดเด่นในด้านไหน และทั้ง 2 บริการจะแตกต่างกันตรงไหนบ้าง บริการใดจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานเช่นคุณมากที่สุด รวมถึงค่าบริการจะถูกหรือแพงแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ

รายละเอียดทั่วไปของบริการ Streaming Spotify
- จำนวนเพลงในคลัง: 82 ล้านเพลง
- ระบบปฏิบัติการที่รองรับ: Windows, macOS, iOS, Android
- ความละเอียดไฟล์เพลง: สูงสุดที่ 320 kbit/s (เทียบเท่า MP3)
- อัตราค่าบริการ: ทดลองใช้บริการฟรี 1 เดือนเฉพาะผู้ที่ไม่เคยใช้งาน Spotify มาก่อน(ไม่มีโฆษณา) จากนั้นมีค่าบริการดังนี้
- ฟรี มีโฆษณาแทรก เล่นได้เฉพาะเพลงแบบสุ่มใน Playlist ที่มีให้เลือกแบบสุ่มเท่านั้น และเลือกเล่นเพลงเองได้เพลงได้ใน Playlist ที่ไม่มีตัวเลือกแบบสุ่ม
- แบบปกติ (Individual) 129 บาท/เดือน ใช้งานได้ 1 คน
- แบบคู่หู (Duo) 169 บาท/เดือน ใช้งานได้ 2 คน
- แบบครอบครัว (Family) 209 บาท/เดือน ใช้งานได้ 6 คน
- แบบนักเรียน (Student) 69 บาท/เดือน ใช้งานได้ 1 คนเฉพาะผู้ที่เป็นนักเรียนนักศึกษา
รายละเอียดทั่วไปของบริการ Apple Music
- จำนวนเพลงในคลัง: 75 ล้านเพลง
- ระบบปฏิบัติการที่รองรับ: Windows, macOS, iOS, Android
- ความละเอียดไฟล์เพลง: Hi-Res Lossless (24Bit/192kHz)
- ระบบเสียงรอบทิศทาง Spatial Audio, Dolby Atmos: รองรับ
- อัตราค่าบริการ: ทดลองใช้บริการฟรี 1 เดือนเฉพาะผู้ที่ไม่เคยใช้งาน Apple Music มาก่อน(ไม่มีโฆษณา) จากนั้นมีค่าบริการดังนี้
- แบบปกติ 129 บาท/เดือน ใช้งานได้ 1 คน
- แบบครอบครัว (Family) 199 บาท/เดือน ใช้งานได้ 6 คน
- แบบนักเรียน (Student) 79 บาท/เดือน ใช้งานได้ 1 คนเฉพาะผู้ที่เป็นนักเรียนนักศึกษา
เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ

1. ราคา
ข้อแรกในการ เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ กับเรื่องของราคาที่ต้องบอกเลยว่าทั้ง 2 บริการนั้นมีระดับราคาที่ใกล้เคียงกันมากๆ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้งานบริการใดบริการหนึ่งได้ไม่ยากนัก โดยมีข้อแตกต่างที่ยกนี้ก Spotify ได้เปรียบไปตรงที่ มีระดับราคาให้เลือกหลากหลายกว่า ตั้งแต่ฟรีแต่มีโฆษณา, ราคาแบบใช้งาน 2 คนที่จะถูกกว่าแบบครอบครัว และราคาแบบนักเรียนที่ถูกกว่า Apple Music อยู่ 10 บาทครับ ตรงกันข้ามแม้ Apple Music จะมีไม่กี่ราคาให้เลือก แต่ราคาระดับครอบครัวกลับถูกกว่า Spotify อยู่ 10 บาทครับ ตรงนี้ชื่นชอบราคาไหน พร้อมจ่ายแพคเกจไหน ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแล้ว เพราะไม่แตกต่างกันมากครับ
2. จำนวนเพลง
สำหรับข้อที่ 2 ในการ เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ เป็นเรื่องของจำนวนเพลง ที่ในยกนี้ Spotify ก็เอาชนะไปด้วยจำนวนเพลงที่มากกว่าอยู่ที่ 82 ล้านเพลง ในขณะที่ Apple Music นั้นมีเพลงอยู่ที่ 75 ล้านเพลงเท่านั้น แม้ตัวเลขจะต่างกันถึง 7 ล้านเพลง แต่ก็ต้องบอกเลยว่าทั้ง 2 บริการนั้นมีเพลงให้ได้เลือกฟังกันอย่างครบครันจากทุกภาษาทั่วโลก ซึ่งด้วยความที่ตัวเลขเพลงของ Spotify นั้นมีมากกว่า ซึ่ง Spotify ก็เป็นบริการที่เปิดมาก่อน Apple Music ด้วย ทำให้ในยกนี้ Spotify เอาชนะไปด้วยจำนวนเพลงที่มากกว่านั่นเองครับ ซึ่งหากผู้ใช้งานต้องการความมั่นใจมากกว่า ว่าจะต้องมีทุกเพลงที่ต้องการฟังด้วยจำนวนเพลงที่ Spotify มีมากกว่าถึง 7 ล้านเพลงจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ
3. คุณภาพของไฟล์เพลง
ต่อกันที่ข้อที่ 3 ในการ เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ กับ คุณภาพของไฟล์เพลง ที่ในยกนี้ทางด้าน Apple Music เป็นฝ่ายเอาชนะไป ด้วยคุณภาพของไฟล์เพลงที่มีให้เลือกตั้งแต่ระดับ Lossy, Lossless ไปจนถึง Hi-Res Lossless ที่ความละเอียด 24Bit/192kHz กันเลยทีเดียวซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความละเอียดที่สูงมาก เป็นรองก็แค่ MQA จาก Tidal เพลงเท่านั้น ในขณะที่ไฟล์เพลงของ Spotify นั้นมีความละเอียดสูงสุดที่ 320 kbit/s เท่านั้น หรือก็คือความละเอียดแบบ Lossy ระดับเดียวกับไฟล์ MP3 ที่เป็นเทคโนโลยีที่มีมาเกือบ 20 ปีแล้วก็ว่าได้ ดังนั้นหากผู้ใช้งานชื่นชอบในคุณภาพเสียงที่สมจริงใกล้เคียงต้นฉบับ และมีความละเอียดที่สูงมากก็ขอแนะนำ Apple Music เลยครับ แต่ถ้าไม่ได้สนใจอะไรหรือแยกรายละเอียดไม่ออก ไม่ได้หูทองอะไรขนาดนั้น ในราคาเท่ากันก็เลือกบริการของ Spotify ได้ตามสะดวกเลยครับ

4. ระบบเสียงรอบทิศทาง Spatial Audio / Dolby Atmos
ข้อที่ 4 ในการ เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ กับระบบเสียงรอบทิศทางหรือ Spatial Audio / Dolby Atmos ที่ยกนี้ก็เป็นชัยชนะของ Apple Music ด้วยเช่นกันกับระบบเสียงรอบทิศทางที่ติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะที่นอกจากจะให้เสียงรอบทิศทางเหมือนอยู่ในสถานที่จริงแล้วนั้น ตัวเสียงยังหมุนตามทิศทางการหมุนของศีรษะได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นระบบเสียงที่สร้างความแปลกใหม่และให้ประสบการณ์การฟังเพลงบนหูฟังที่แตกต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิงเลยจริงๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องเล่นเพลงดิจิตอลในขณะเดียวกัน Spotify ก็ยังคงหยุดอยู่ที่ความละเอียดที่ MP3 แบบเกือบ 20 ปีที่แล้วไม่ได้ขยับไปไหน หากใครที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ และอยากเปลี่ยนประสบการณ์การฟังให้ต่างจากเดิมก็ขอแนะนำ Apple Music เลยครับ
5. บริการฟรี
ข้อสุดท้ายในการ เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ กับหมวดของบริการฟรี ที่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะส่วนของ Apple Music และ Spotify นั้นมีช่วงทดลองการใช้งานเช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันตรงที่เมื่อหมดอายุช่วงทดลองใช้งานฟรีแล้ว ทางฝั่ง Apple ต้องจ่ายเงินเท่านั้นถึงจะใช้งานได้ ในขณะที่ฝั่ง Spotify นั้นมีบริการแบบฟรีที่แลกมากับการมีโฆษณาคั่นและไม่สามารถข้ามเพลงไปมาได้ จะเป็นการเล่นเพลงแบบสุ่มเท่านั้น ซึ่งตรงนี้พูดได้ว่าสำหรับผู้ที่ต้องการอิสระในการฟังเพลงที่ต้องการเลือกเพลงเอง ฟังเพลงซ้ำๆ ย้อนกลับข้ามไปมาได้อย่างอิสระ บริการฟรีของ Spotify คงไม่สามารถตอบโจทย์ได้ แต่ในขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่ไม่ได้ซีเรียสหรือแคร์อะไรมากนักมีเพลงอะไรให้ฟังก็ฟัง ฟังไปเรื่อยๆ ผ่านลำโพงไม่ได้ข้ามเพลงหรือย้อนกลับไปมา รวมถึงโฆษณาเข้ามาก็ไม่ได้สนใจอะไร คล้ายๆ กับการฟังเพลงบนคลื่นวิทยุสมัยก่อนที่ฟรีและมีเพลงให้ฟังด้วย บริการฟรีของ Spotify ก็จะตอบโจทย์ตรงนี้มากที่สุดครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ เปรียบเทียบ Spotify vs Apple Music บริการใดที่เหมาะกับคุณ ที่นำมาแนะนำกันในครั้งนี้ จะเห็นได้เลยว่าทั้ง 2 บริการนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หรือก็คือแอปหนึ่งมีในสิ่งที่อีกแอปหนึ่งไม่มี เช่น บริการ Spotify จะมีในส่วนของค่าบริการให้ได้เลือกหลากหลายกว่า ทำให้มีอิสระในการใช้งานมากกว่า รวมถึงมีบริการในรูปแบบฟรีให้ได้เลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีงบแต่รักในเสียงเพลง ในขณะเดียวกันทางฝั่ง Apple นั้นมาพร้อมระบบเสียงคุณภาพเสียงอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำอย่าง Spatial Audio / Dolby Atmos ให้ได้เลือกฟังเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์การฟังเพลงไปโดยสิ้นเชิงอีกด้วย ถึงตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแล้วล่ะครับ ว่าชอบแบบไหน และบริการใดที่จะตอบโจทย์ได้มากที่สุดครับ
และสำหรับครั้งนี้ mercular.com ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลนี้จะช่วยผู้อ่านในการ ตัดสินใจในการเลือกใช้งานบริการ Streaming เพลงระหว่าง Spotify vs Apple Music ได้ไม่มากก็น้อยครับ และในครั้งหน้าหากมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์อีกก็จะรีบนำมาแนะนำกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ