มีบทความเอาใจผู้ที่กำลังมองหา หูฟัง True Wireless สาย Budget กันไปหลายบทความแล้ว ไม่ว่าจะเป็น 10 หูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1,000, 2,000 5,000 ไปจนถึงไม่เกิน 10,000 บาท ครั้งนี้ Mercular.com ขอเอาใจสายพรีเมียมหรือผู้ที่มีงบไม่จำกัด รวมถึงผู้ที่กำลังมองหาหูฟังที่ไม่เพียงแค่เสียงดี ฟังก์ชันครบครัน แต่ยังสามารถเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นก็ยังได้กันบ้าง กับการเลือกสรรค์ หูฟัง True Wireless จากหลากหลายแบรนด์ที่มีมากมายในปัจจุบัน โดยเฉพาะแบรนด์ยอดนิยมและแบรนด์เจ้าตลาด ไปจนถึงแบรนด์ที่เน้นขายความเป็น Luxury โดยเกณฑ์การเลือกคือ หูฟัง True Wireless รุ่นที่ที่มีราคาเกิน 10,000 บาทขึ้นไปกับบทความ 10 หูฟัง True Wireless เกรดพรีเมียม ปี 2023 ซึ่งงานนี้บอกเลยว่าแต่ละรุ่นที่คัดมานั้น โดดเด่น หรูหรา ฟังก์ชันจัดเต็มอย่างแน่นอน โดยจะมีรุ่นไหนบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ

เริ่มต้นกันที่รุ่นแรกจากแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Bose ที่การันตีความยอดเยี่ยมด้วยตำแหน่ง “หูฟัง True Wireless ใส่สบายที่สุด” จากบทความ รวมหูฟัง True Wireless ที่ดีที่สุดในปี 2021 - The Best True Wireless ของ Mercular.com โดยเป็นหูฟังรูปแบบ In-Ear หรือใช้แบบสอดเข้าไปในรูหู มาพร้อมกับเขี้ยวที่ช่วยให้สวมใส่ได้อย่างกระชับมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ในการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน ANC หรือ Acoustic Noise Cancelling ตามแบบฉบับของ Bose ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิททั้งภายนอกและภายใน ติดตั้งไมโครโฟนเพื่อการสนทนาที่คมชัดเป็นอย่างมาก พร้อมแบตเตอรี่อายุการใช้งานยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง สามารถชาร์จเพิ่มเติมได้ผ่านตัวเคสได้อีกกว่า 12 ชั่วโมง ผ่านการรับรองมาตรฐานกันน้ำ IPX4 การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนสามารถทำได้โดยเทคโนโลยี Bluetooth 5.1 ที่ให้ระยะการเชื่อมต่อไกลถึง 10 เมตร

ต่อกันกับ หูฟัง จากแบรนด์ยอดนิยม ขวัญใจใครหลายๆ คนอย่าง Sennheiser กับ หูฟังไร้สาย Sennheiser Momentum True Wireless 2 ที่ไม่เพียงโดดเด่นในเรื่องแนวเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ฟังง่ายตอบโจทย์หลายแนวเพลงเท่านั้น แต่ด้านฟังก์ชันการใช้งานก็อัดแน่นจัดเต็มไม่แพ้กัน โดย Momentum True Wireless 2 มาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation ในระดับท๊อปของวงการ กับรูปร่างหน้าตาที่ดูหรูหราพรีเมียม การสวมใส่ที่ออกแบบมาให้ใส่ได้สบายกระชับหู ใส่ออกกำลังกายได้ไม่กลัวน้ำและเหงื่อด้วยมาตรฐาน IPX4 เสียงที่ฟังสนุกครบถ้วนทุกย่านอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Sennheiser และแบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวๆ 28 ชั่วโมงเมื่อรวมจากตัวหูฟังและเคส ที่ต้องบอกเลยว่าถ้าใครอยากได้หูฟัง True Wireless ตัดเสียงรบกวนเสียงดีแบบจ่ายครั้งเดียวจบ ต้อง Sennheiser Momentum True Wireless 2 เลยรับรองไม่ผิดหวัง

มาถึงหูฟังไร้สาย True Wireless จากแบรนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหรูหราและพรีเมียมกันบ้างกับ หูฟังไร้สาย B&O BEOPLAY EQ True Wireless ที่รุ่นนี้แม้จะมาพร้อมราคาระดับพรีเมียมแต่ด้านความสามารถและฟังก์ชันก็จัดเต็มไม่แพ้กัน รวมไปถึงแนวเสียงมียังคงจุดเด่นของแบรนด์เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน โดย B&O BEOPLAY EQ มาพร้อมรูปร่างหน้าตาสุดหรู​ ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง โดดเด่นด้วยฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ซึ่งนับเป็นรุ่นแรกของทาง Bang & Olufsen และด้วยหน้าตาที่หรูหราล้ำสมัยทำให้สวมใส่แล้วให้ความรู้สึกที่เป็นมากกว่า หูฟัง True Wireless ทั่วๆ ไป และยังใส่ง่ายสบายกระชับหูอีกด้วย ใส่เล่นกีฬาและออกกำลังกายได้ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 รวมถึงแบตเตอรี่ที่เมื่อรวมเคสแล้วใช้งานได้นานถึง 20 ชั่วโมง ที่สำคัญตัวเคสยังรองรับการชาร์จไร้สายอีกด้วย

ต่อกันที่หูฟัง True Wireless จากแบรนด์หรูอย่าง B&O กันอีกสักรุ่นกับ หูฟังไร้สาย B&O Beoplay E8 Sport True Wireless ที่รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สาย Sport ที่ต้องการหูฟังเล่นกีฬาที่มีความหรูหราพรีเมียม ซึ่งรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์นั้นแบบจัดเต็มด้วยฟังก์ชันที่ใส่มาแบบครบถ้วน โดย B&O Beoplay E8 Sport เป็นหูฟังไร้สาย True Wireless เลือกใช้วัสดุระดับพรีเมียมทั้ง Aluminium, Polymer และ Silicon มีน้ำหนักที่เบามากๆ เพียงข้างละ 6.4 กรัมเท่านั้น

ส่วนของการเชื่อมต่อในรุ่นนี้เลือกใช้เป็น Bluetooth 5.1 รองรับการส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงแบบไร้สายผ่าน Codec aptX ควบคุมได้สะดวกด้วยปุ่มแบบ Multi-Function รวมถึงสนทนาได้อย่างคมชัดไม่พลาดในทุกการติดต่อด้วยไมโครโฟนแบบ Beamforming ถึง 4 ตัว และไม่ว่าจะน้ำ ฝน เหงื่อ หรือฝุ่นก็ทำอันตรายใดๆ ไม่ได้ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP57 ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 7 ชั่วโมง มาพร้อมเคสสำหรับชาร์จที่มีรูปทรง Sport ทรงสี่เหลี่ยม ชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มให้ตัวหูฟังได้อีกรวมเป็น 30 ชั่วโมง และเคสรุ่นนี้รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi อีกด้วย

หูฟัง B&W PI7 True Wireless By Bowers & Wilkins เป็นหูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ In-Ear ที่มาพร้อมรูปร่างหน้าตาสุดหรูและพรีเมียมตามสไตล์ของแบรนด์ B&W จุดเด่นของ B&W PI7 คือฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวน Adaptive noise cancelling ที่สามารถตัดเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมโหมดรับเสียงจากภายนอกที่ให้เสียงที่คมชัด ด้านการสนทนาโทรศัพท์ก็สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัดและตัดเสียงแทรกได้เป็นอย่างดี ด้วยไมโครโฟนภายในตัวที่ B&W PI7 ให้มามากถึง 6 ตัว ด้านการเชื่อมต่อ B&W PI7 ก็ให้มาแบบครบถ้วน โดยใช้การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับการส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงผ่าน Codec aptX Adaptive สามารถใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ

และฟังก์ชันพิเศษสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย B&W PI7 สามารถใช้สาย USB C to AUX/3.5 mm. เสียบเข้าที่เคสและนำด้าน AUX/3.5 mm. กับเข้ากับอุปกรณ์เล่นเพลง ตัวเคสจะทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณแบบไร้สายไปยังหูฟังให้โดยอัตโนมัติ ใช้งานขณะออกกำลังกายได้สบายๆ ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP54 ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 4 ชั่วโมง ชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 3 ครั้งรวมแล้วใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 16 ชั่วโมง รวมถึงตัวเคสยังรองรับการชาร์จไร้สายอย่างรวดเร็วอีกด้วย

ต่อกันด้วยรุ่นรองลงมาจาก หูฟัง B&W PI7 True Wireless By Bowers & Wilkins แต่ก็อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็มไม่แพ้กันกับ หูฟัง B&W PI5 True Wireless By Bowers & Wilkins B&W PI5 ที่โดดเด่นด้วยรูปร่างหน้าตาสุดหรูหรา มาพร้อมฟังก์ชันเด่นอย่างการตัดเสียงรบกวน Advanced noise-cancelling ที่ตัดเสียงได้ยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆ ของวงการ ด้วยไมโครโฟนภายในถึง 4 ตัวที่นอกจากจะรับเสียงรบกวนจากภายนอกเพื่อประมวลผลการตัดเสียงรบกวนแล้วยังใช้รับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัด ตัดเสียงแทรกได้ดีไม่พลาดทุกการติดต่อ สำหรับการเชื่อมต่อ B&W PI5 ใช้การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ใช้งานฟังเพลงคุณภาพสูงแบบไร้สายได้ด้วยการรองรับ Codec เสียงไร้สายอย่าง aptX รวมถึงยังรองรับการใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระ ยังตอบโจทย์การใช้งานสวมใส่ออกกำลังกายด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 และส่วนของแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมง จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสชาร์จได้อีกรวมเป็น 20 ชั่วโมง และตัวเคสชาร์จยังรองรับการชาร์จไร้สายได้อย่างรวดเร็วด้วย

ต่อกันกับหูฟังไร้สายจากอีกแบรนด์ที่สายพรีเมียมน่าจะรู้จักกันอย่างดีกับ หูฟังไร้สาย Master & Dynamic MW08 True Wireless ที่รุ่นนี้มีดีตรงที่การตัดเสียงรบกวนที่มีให้เลือก 2 โหมดคือ All Day ANC สำหรับใช้งานตัดเสียงรบกวนในชีวิตประจำวันและ ANC Max หรือตัดเสียงรบกวนอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่ในความเงียบตลอดวัน และตัวหูฟังยังสามารถตัดเสียงลมได้อีกด้วย ส่วนโหมดรับเสียงภายนอกก็มีทั้ง Awareness Mode สำหรับรับเสียงภายนอกเพื่อความปลอดภัย และ Voice Mode สำหรับสนทนากับบุคคลรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟัง

ด้านการเชื่อมต่อในรุ่นนี้เลือกใช้เป็น Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด รองรับการส่งสัญญาณเสียงไร้สายคุณภาพสูงอย่าง aptX ด้านการสนทนาก็สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัดด้วยไมโครโฟนภายในตัวที่ให้มาถึง 6 ตัว สำหรับแบตเตอรี่ให้พลังงานที่ยาวนานมากๆ โดยใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมงเมื่อเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนและ 12 ชั่วโมงเมื่อไม่เปิด ANC และชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 30 ชั่วโมงรวมแล้วใช้งานได้นาน 42 ชั่วโมง และสำหรับสายออกกำลังกายก็สบายใจได้ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX5 ในรุ่นนี้

หูฟัง Klipsch T5 II ANC Mclaren Edition True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless รุ่นเรือธงจากแบรนด์ลำโพงชั้นนำอย่าง Klipsch ที่เสริมความหรูหราด้วยการร่วมมือกับแบรนด์รถแข่งชื่อดังอย่าง Mclaren ทำให้ตัวหูฟังมีสีสันที่ดูเท่ หรูหรา โดย หูฟัง Klipsch T5 II ANC Mclaren Edition True Wireless มาพร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ANC พร้อมด้วยการออกแบบลวดลายและวัสดุแบบพิเศษในสไตล์ของแบรนด์รถแข่งชั้นนำอย่าง Mclaren และมาพร้อมแท่นชาร์จไร้สายลิขสิทธิ์พิเศษภายในชุด

โดดเด่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่จัดเต็มทั้งการควบคุมได้สะดวกผ่านการเคลื่อนไหวศีรษะ ด้วยการจับมือกับแบรนด์ True Wireless อัจฉริยะในตำนาน Bragi Move รวมไปถึงยังเป็น True Wireless รุ่นแรกของโลกที่มาพร้อม Dirac® HD Sound เทคโนโลยีปรับจูนเสียงไร้สายให้ยอดเยี่ยม ทรงพลัง สมจริงใกล้เคียงต้นฉบับ รับเสียงสนทนาได้คมชัดด้วยไมโครโฟนที่ทำงานทั้งตัดเสียงรบกวนและรับเสียงพูดมากถึง 6 ตัว และแบตเตอรี่ที่อึดสุดๆ ใช้งานได้ยาวนาน 5 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC ที่สำคัญยังตอบโจทย์ผู้ที่รักการออกกำลังกายด้วยมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IP67 พูดได้เลยว่าสาวก Mclaren ห้ามพลาดเลยจริงๆ

อีกรุ่นจากแบรนด์ Klipsch กับ หูฟัง Klipsch T5 II ANC True Wireless ที่เหมือนเป็นรุ่นรองลงมาจาก Mclaren Edition แต่ยังคงโดดเด่นด้วย ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนเช่นเดียวกัน มาพร้อมรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างจากเดิมนัก สวมใส่เบาสบายหูด้วยน้ำหนักเพียงข้างละ 5.5 กรัม ด้านฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ตัดเสียงรบกวนได้สูงถึง 25dB ด้วยไมโครโฟนคู่แบบ Hybrid ประมวลผลเสียงจากทั้ง 2 ทาง Feedforward และ Feedback พร้อม Transparency Mode ที่รับเสียงจากภายนอกได้อย่างคมชัดโดย

ล้ำสมัยไปอีกขั้นด้วยการจับมือกับ Bragi แบรนด์หูฟัง True Wireless อัจฉริยะ โดยมาพร้อม Bragi Move ควบคุมผ่านการเคลื่อนไหวของศีรษะทั้งพยักหน้าและส่ายหน้า โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องใช้มือแตะหูฟังให้ยุ่งยาก และยังมาพร้อมไมโครโฟนสำหรับสนทนาแบบ Beamforming ที่ทำงานร่วมกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน รับเสียงสนทนาได้คมชัด รวมแล้วมีไมโครโฟนถึง 6 ตัว ด้านแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 5 ชั่วโมงเมื่อเปิดฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ANC จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวม 20 ชั่วโมง ตัวเคสพิเศษด้วยการรองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi รวมถึงตัวหูฟังยังใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX4

และรุ่นสุดท้ายของบทความนี้กับหูฟัง True Wireless จากแบรนด์ RHA กับ หูฟังไร้สาย RHA TrueControl ANC True Wireless ที่มาพร้อมรูปร่างหน้าตาสุดเท่ และน้ำหนักที่เบามากๆ เพียงข้างละ 8 กรัมเท่านั้น ด้านการตัดเสียงรบกวนต้องยอมรับเลยว่าตัดเสียงได้เงียบ ไม่แพ้เจ้าตลาดอย่างแน่นอน ด้วยไมโครโฟนภายในที่ทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวนถึง 2 ตัวที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีจากแบรนด์ RHA และยังมาพร้อมฟังก์ชั่น Ambient modes ที่สามารถเลือกโหมดการรับเสียงให้เข้ากับสถานการณ์การใช้งานมากที่สุด ให้เสียงที่คมชัดแทบไม่ต่างกับขณะที่ไม่ใส่หูฟังอยู่เลยทีเดียว

ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายด้วยฟังก์ชั่นกันน้ำมาตรฐาน IPX4 ใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ รองรับ Codec ไร้สายคุณภาพสูงอย่าง aptX รวมถึงยังปรับปรุงในส่วนของการประมวลเสียงจากไมโครโฟนขณะสนทนาโทรศัพท์ ตัดเสียงแทรกได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ส่วนของแบตเตอรี่อึดพอตัว โดยใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมง ชาร์จเพิ่มจากเคสได้รวมเป็น 20 ชั่วโมง และเคสยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายอีกด้วย