Fitness Tracker จำเป็นสำหรับการออกกำลังกายหรือไม่

18 พ.ย. 2561

Fitness Tracker จำเป็นสำหรับการออกกำลังกายหรือไม่

ในปัจจุบันเป็นยุคที่ว่าไม่ว่าใครก็ต้องการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งการที่จะมีสุขภาพที่ดีก็จำเป็นที่จะต้องมีการออกกำลังกาย หรือไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง ยกน้ำหนัก หรือว่ายน้ำ ซึ่งหลายๆคนก็อาจจะเบื่อการเข้าฟิตเนสแบบเดิมๆ จึงทำให้มีการคิดค้น Fitness Tracker ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนที่ชื่นชอบในการรักษาสุขภาพและต้องการความสะดวกสบายนั่นเอง และก็คงเป็นเป็นความชินตาเข้าไปทุกทีที่ไม่ว่าใครก็เริ่มมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สวมใส่บนร่างกายทั้งที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงเพื่อทดแทนนาฬิกาข้อมือ หรือ Wristbands ทั่วไป ซึ่งหลายๆคนก็คงจะมีคำถามอยู่ในใจว่ามีไว้ทำไม แล้วมันจำเป็นต่อการออกกำลังกายหรือไม่ วันนี้เราจะมาตอบคำถามนี้นั่นเอง

Fitness Tracker มาในหลายรูปแบบฟังก์ชั่น และราคา ที่ใครๆก็ซื้อมาครอบครองได้ แต่ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคน จำเป็นหรือไม่จึงเป็นคำตอบที่คุณต้องถามใจตัวเอง จะมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลย

1. คุณออกกำลังกาย บ่อยแค่ไหน?

ถ้าหากคุณไม่ออกกำลังกายเลย ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อ Fitness Tracker สักอัน หากคุณกำลังเริ่มจะออกกำลังกาย ก็ขอแนะนำให้คุณออกสตาร์ทอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 40 นาทีให้ได้เสียก่อน เริ่มใช้แอปพลิเคชัน Fitness ต่างๆ ใน Smartphone เพราะบางทีมันก็มีประโยชน์เหมือนกัน ซึ่งถ้าคุณออกกำลังกายเป็นประจำแล้วจะซื้อเจ้าตัวนี้ซักตัวก็ถือว่าคุ้มค่านั่นเอง

2. คุณออกกำลังกาย แบบไหน?

คุณอาจจะออกกำลังเป็นประจำ แต่แบบไหนล่ะ ถ้ายกเวท ว่ายน้ำ  โยคะ ยิงธนู คุณคงใช้ Fitness Tracker ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะมันทำงานด้วยการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ นับระยะทางการวิ่ง ความเร็ว มาคำนวนเป็นแคลลอรีที่เราใช้ไป ฉะนั้นมันจึงเหมาะกับการวิ่ง เต้นแอโรบิก และการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอมากกว่า คุณอาจจะสนใจอุปกรณ์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์การเล่นกีฬาของคุณมากกว่า เช่น Smart Rope และ Smart Mat เชือกกระโดดนับรอบเองได้ เป็นต้น

3.ตั้งเป้าหมาย

คุณจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้การออกกำลังกายสนุก มีประสิทธิภาพ มันยังทำให้คุณมองเห็นภาพชัดขึ้นว่า Fitness Tracker แบบไหนที่ตอบโจทย์คุณที่สุดจะลดน้ำหนัก หรือสร้างกล้ามเนื้อ Tracker แต่ละตัวก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน ถ้าเราไม่มีเป้าหมายเราก็จะไม่รู้ว่าเราออกกำลังกายไปเท่าไหนแล้วอาจจะทำให้การลดน้ำหนักของเราไม่มีประสิทธิภาพนั่นเอง

4. สำรวจตัวเอง และเริ่มหาข้อมูล

ถ้าตอนนี้คุณกลายเป็นคนที่ใส่ใจสุขภาพและออกกำลังกายอย่างจริงจังและสม่ำเสมอตลอด 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้เวลาคิดถึงตัวช่วยสักที คุณคงจะรู้ตัวเองแล้วว่าอะไรที่คุณต้องการ Heart Rate จำเป็นไหม, GPS, Bluetooth, การจับเวลานอน, ความสามารถในการจัดการเรื่องอื่นๆ นอกจากสุขภาพล่ะ ถ้าคำตอบคือจำเป็นคุณก็ควรที่จะซื้อมาซักตัว ซึ่งมันก็จะมีหลายรูปแบบให้เลือกว่าเราอยากได้แบบไหนนั่นเอง

5.ตั้งงบประมาณ และสำรวจตลาด

มาถึงขั้นนี้ถ้าคุณอยากได้มันมากจริงๆ  ก็กำเงินแล้วออกไปสำรวจตลาดได้เลย อย่าลืมตั้งงบประมาณที่คุณสามารถซื้อได้เองโดยไม่เดือดร้อน  ที่สำคัญอย่าลืมว่าของอย่างนี้ต้องลองเองถึงจะรู้ Fitness Trackerบางรุ่นอาจจะดูดีในกล่อง แต่อาจจะใส่ไม่สบายบนข้อมือของคุณ หรือหากคุณอยากจะออกกำลังกายจริงจัง แต่ก็อยากจะดูดีในวันที่ต้องใส่ชุดสูท ถ้างบประมาณไม่ใช่ข้อจำกัดเราก็แนะนำให้ใส่ Smart watch สวยๆ ไปเลยเป็นต้น

ดังนั้นถ้าจะถามว่า Fitness Tracker นั้นจำเป็นไหม เราก็ควรสำรวจความต้องการของตัวเองให้แน่ชัดว่า “เป้าหมายหลักในการใช้งาน” ของเรานั้นคืออะไร เช่น ใช้เพื่อตรวจวัดระดับสุขภาพเฉยๆ หรือว่าจะใช้กับการออกกำลังกาย เล่นกีฬา แล้วถ้าเป็นอย่างหลัง เราออกกำลังกายรูปแบบไหน เล่นฟิตเนส หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น วิ่ง หรือปั่นจักรยาน เป็นต้น หรือเราอยากติดตามข้อมูลการเล่นกีฬาชนิดใดเป็นพิเศษไหม? อย่างเช่น ว่ายน้ำ วิ่งมาราธอน หรือไตรกีฬาทั้งนี้ ก็เพราะว่าคุณสมบัติของแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์นั้นมีความสามารถแตกต่างกัน โดยอาจมีความสามารถพื้นฐานทั่วไป เช่น การนับก้าว คำนวนปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ในแต่ละวัน และวัดคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ต้องการข้อมูลที่เป็นพิเศษอย่างอื่น ฟังก์ชั่นเพียงเท่านี้ก็อาจเพียงพอแล้ว นอกจากนี้แล้วถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว Fitness Tracker หรืออุปกรณ์ออกกำลังกายอื่นๆ ก็คงไม่ได้จำเป็นสำหรับคุณสักเท่าไรเพราะถึงคุณมีก็คงไม่ได้ใช้อย่างคุ้มค่านั่นเอง

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2