6 ก.พ. 2563
สำหรับ Vlog หรือ Video Log คงเป็นคำที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ในยุคที่สื่อวีดีโอต่าง ๆ สามารถเข้าถึงผู้ชมและผู้ผลิตได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือ Facebook แรกเริ่มเดิมที Vlog เป็นวีดีโอเล่าเหตุการณ์ไม่ต่างอะไรจากไดอารี่ภาพ ในตอนนี้กลายเป็นรูปแบบหนึ่งในการเล่าเรื่องที่ YouTuber/Influencer นิยมใช้กันมากที่สุด โดยบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง เช่น ไลฟ์สไตล์ เหตุการณ์ต่างๆ หรือการท่องเที่ยวในแบบฉบับของตัวเอง และตัดต่อลำดับเรื่องราวออกมาให้น่าสนใจมากที่สุด ไม่ต่างจากรายการทีวีรายการหนึ่งเลย แต่การจะทำให้ประสบความสำเร็จนั้นก็ต้องใช้เทคนิคและวิธีการ ความสามารถพิเศษส่วนตัว ไปจนถึงการวางแผนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งในวันนี้ Mercular จะพาทุกคนที่สนใจไปรู้จักกับ “6 เคล็ดลับการทำ Vlog ให้มีคุณภาพ” กัน
เลือกเล่าในสิ่งที่เราอินที่สุด
ต้องบอกก่อนว่าการเลือกติดตามใครซักคนนั้นก็เหมือนการเลือกคบเพื่อน เพราะไม่ใช่แค่เนื้อหาที่โดนใจนั้น ผู้คนจะเลือกติดตาม Vlogger จากสไตล์ที่เหมือนตัวเอง หรือที่ตัวเองอยากได้ยินเหมือนกับเราอยากคบเพื่อน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสไตล์การนำเสนอของวีดีโอจำพวกนี้ ที่มีความใกล้ชิดระหว่างเจ้าของรายการกับคนดูมาก ๆ นั่นเอง ฉะนั้นเราก็ต้องถามตัวเองว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เราจะคบเพื่อนคนนึง ซึ่งอย่างหนึ่งที่หลาย ๆ คนสนใจก็คือ “ความจริงใจ” นั่นเอง ถ้าเราเป็นตัวของตัวเองจริง ๆ และเล่าเรื่องที่เราสนใจออกมาในแบบของเรา ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเกร็ง แต่พูดเหมือนกำลังเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังด้วยแพสชั่นของตัวเอง สิ่งเหล่านั้นก็จะดึงดูดให้คนติดตามเราเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเราเป็นคนพูดไม่เก่ง การ Short note หรือ เขียน Script เอาไว้ก็ถือว่าไม่ผิดอะไร แต่ระวังว่าอย่าท่องให้มากเกินไปเท่านั้นเอง
งานภาพจะดี ต้องกล้าลงทุน
ไม่ว่าคุณจะถ่าย Vlog คนเดียว สองคน หรือถ่ายด้วยอะไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ต้องมีก็คือ “ภาพที่คมชัดและไม่สั่น” กล้าลงทุนกับอุปกรณ์การถ่ายทำไม่ว่าจะเป็นกล้อง DSLR กล้อง Mirrorless หรือ Action Cam อย่าง GoPro Hero 8 และ DJI OSMO Pocket ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นกันสั่นในตัว หรือสำหรับใครที่มีมือถือระดับ Hi-end อยู่แล้วก็สามารถเปลี่ยนมือถือคู่ใจให้เป็นกล้อง Vlog มือถือได้เหมือนกัน โดยการใช้ไม้กันสั่นกิมบอลต่าง ๆ เช่น Zhiyun Smooth Q2 เป็นต้น ซึ่งกล้องเหล่านี้ก็เหมือนดวงตาของเรา ผู้ชมจะสามารถเห็น เข้าใจ หรืออินได้อย่างไร ถ้าเขาไม่ได้เห็นในสิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ ฉะนั้นใส่ใจกับ โฟกัสของภาพให้คมชัด ก่อนถ่ายทุกครั้ง และเลือกใช้อุปกรณ์กันสั่นที่ดี ความละเอียดขั้นต่ำควรจะอยู่ที่ 1080p ต่อให้จะฉายจริงไม่ถึงก็ตาม เพื่อความสะดวกในการตัดต่อ
ใช้อุปกรณ์เก็บเสียงให้เหมาะกับสถานการณ์
นอกจากภาพที่คมชัดแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คงไม่พ้นเรื่องเสียง เพราะแม้ว่าภาพจะสวยงามขนาดไหน หากเสียงทำออกมาได้แย่ รายการของเราไม่มีทางที่จะเล่าเรื่องได้เลย ซึ่งบอกได้เลยว่าไมโครโฟนหัวกล้องนั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุมแน่ ๆ และคุณคงไม่อยากให้คลิปวีดีโอที่ถ่ายมาสูญเปล่าเพราะเสียงใช้งานไม่ได้ ฉะนั้นอย่าลืมเลือกใช้ไมโครโฟนให้เหมาะสมกับสถาณะการณ์ โดยชนิดของไมค์ที่แนะนำในการถ่ายทำก็มีดังนี้
ไมค์ Wireless: มืออาชีพที่สุดเหมาะกับทุกการถ่ายทำ ไม่ว่าจะถ่ายใกล้ ไกล หรือเคลื่อนที่ไปมาตลอดเวลา เนื้อเสียงมีความสม่ำเสมอ และสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ได้ภายในตัวกล้องเลย แต่อาจจะมีราคาเริ่มต้นที่สูงหน่อยนั่นเอง
ไมค์ติดหัวกล้อง: เช่นไมค์ Cardioid หรือ Shotgun คุณภาพเสียงดีเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่จะต้องใช้กับกล้อง Mirrorless หรือ DSLR ที่รองรับการเชื่อมต่อ เหมาะกับการถ่าย Outdoor ที่เสียงรบกวนน้อย
Handy Recorder: นอกจากจะใช้เป็นเครื่องอัดเสียงได้แล้วยังชื่อมต่อไมโครโฟนได้หลายตัว ใช้งานต่อกับกล้อง หรือจะอัดแยกกับภาพก็ได้ ข้อดีคือจะช่วยทำให้คุณเชื่อมต่อไมค์ได้ตามสถานการณ์ แต่อาจจะต้องศึกษามันเล็กน้อย
ไมค์ Lavalier: เป็นตระกูลไมค์ราคาถูกที่สุด ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง แต่ขอบเขตในการใช้งานอาจจะจำกัด เหมาะกับการใช้ถ่ายสัมภาษณ์หรืองาน Indoor มากกว่า ไม่เหมาะกับการถ่ายที่มีการเคลื่อนที่บ่อยๆ
และนอกจากจะเลือกไมค์ที่ดีเหมาะกับการใช้งานตามสถาณการณ์ต่าง ๆ แล้วผู้ใช้งานก็ต้องอย่าลืมลองอัดเสียงทุกครั้ง ดูว่าการตั้งค่าใด ๆ ของเรามีปัญหารึเปล่า เพราะถ้าการถ่ายทำดำเนินไปแล้วจะกลับมาแก้ไขไม่ได้นั่นเอง
ตัดต่อไม่เป็นอย่าฝืน
การหัดใช้โปรแกรมตัดต่อไม่ใช้เรื่องยาก สามารถเรียนรู้ได้ แต่การตัดต่อนั้นแทบจะเป็นทั้งหมดของ Vlog ที่จะดึงดูดผู้ชมของเรา ศิลปะในการตัดต่อย่างจังหวะไม่เร็วไป ไม่ช้าไป ไม่ออกทะเล มีเอฟเฟคและลูกเล่น สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเรียนรู้หรือเป็นได้เองในเวลาอันสั้น ฉะนั้นสำหรับผู้เริ่มทำคลิปใหม่ ๆ อาจจะจ้างตัดต่อซัก 1 หรือ 2 ครั้งเพื่อดูแนวทางของวีดีโอของเราว่าสำหรับมืออาชีพแล้ว แนววีดีโอแบบไหนที่เหมาะกับเรา ดูว่าคนตัดต่อมองเห็นเสน่ห์หรือสิ่งที่เราอยากนำเสนอไหม นอกจากจะได้แนวทางว่าถ้าเราจะกลับไปตัดเองในคลิปต่อ ๆ ไปแนวทางที่เหมาะกับเราจะเป็นอย่างไร ยังได้ตรวจสอบอีกว่าสำหรับคนนอกรู้สึกหรือมองวีดีโอของเราเป็นอย่างไรอีกด้วย เพราะใคร ๆ ก็อยากจะให้ Vlog ของตัวเองดังและเป็นกระแสให้เร็วที่สุด
รู้จักการเลือกใช้เพลง
การเลือกใช้เพลงหรือ Score เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะดึงผู้ชมให้อินกับเรื่องราวของเราที่จะเล่า ฉะนั้นก็ต้องเลือกเพลงที่มีแนวที่ช่วยส่งเสริมเรื่องราวที่เรากำลังจะเล่า เช่นดนตรีมันส์ ๆ สำหรับรายการลุย ๆ หรือทำนองที่ฟังสบายสำหรับรายการที่ดูชิล และถ้ามีงบหน่อย ก็อาจจะทำหรือซื้อ Score เป็นธีมประจำรายการของเราไปเลย แต่เหล่า Youtuber ต้องจำเอาไว้เลยว่า Vlog ของเราไม่ใช่วีดีโอไม่แสวงหาผลประโยชน์ฉะนั้นขอบเขตการใช้เพลงของเราก็จะแคบลงไป เจ้าของ Vlog ต้องระวังเอาไว้ให้ดีไม่งั้นอาจจะถูกฟ้อง และกลายเป็นว่าคุณอาจจะเสียเงินจำนวนมหาศาล ฉะนั้นพยายามหาเพลงที่เป็น Free Use หรือซื้อเอาตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่ง Score เหล่านี้ถูกรวมไว้ใกล้ตัวกว่าที่คิดเช่นใน Facebook และ Youtube music library นั่นเอง
ต้องดูรู้เรื่อง เรียบง่าย ตรงประเด็น และ สนุก
ปิดท้ายด้วยเคล็ดลับสุดท้าย เมื่อทำทุกย่างเสร็จอย่าลืมตรวจดูว่าคลิปของเรานั้นเป็นอย่างไรบ้าง สนุกไหม และได้เล่าเรื่องที่เราอยากจะเล่ารึเปล่า ต้องแน่ใจว่าคนดูจะได้อะไรกลับจาก Vlog ของเราไม่มากก็น้อย ให้ประเด็นจบในตอนอย่าค้างคา ถ้า Vlog มีหลายตอนหรือ Part ก็ควรหาประเด็นที่จบในตอนมาเล่าด้วยดีกว่าจะตัดจบไปดื้อ ๆ บาลานซ์ระหว่างข้อมูล ความรู้สึก ความบันเทิงของเราที่ใส่เข้าไปนั้นน่าเบื่อหรือไม่ พยายามให้คนที่ไม่สนิทกับเราดูเยอะ ๆ จะได้คำวิจารณ์จากคนที่เป็นคนนอกมากกว่าเพื่อนสนิทที่เขาอาจจะเข้าใจเราดีอยู่แล้ว ถ้าเกิดรายการสามารถให้ข้อมูลที่เราอยากพูดถึงได้ชัดเจน และไม่น่าเบื่อ เชื่อได้เลยว่า Vlog ของเราจะต้องโดนใจคนอีกมากนั่นเอง
เป็นอย่างไรบ้างกับเคล็ดลับดี ๆ ที่ Mercular นำมาฝากในวันนี้ น่าจะช่วยให้เหล่า Vlogger/Youtuber ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ในวงการได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อย และแน่นอนว่าบทความดี ๆ อย่างนี้ยังมีอีกเรื่อย ๆ ถ้าใครสนใจก็สามารถหาอ่านได้ใน www.mercular.com ได้เลย
