วัดกันหมัดต่อหมัด หูฟัง AUX VS Lightning ใครมีดีกว่ากัน!
31 ต.ค. 2559
ยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่องสำหรับ iPhone 7 โดยเฉพาะในบ้านเราที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายๆคนเริ่มทยอยได้ iPhone 7 มาใช้จริงๆกันบ้างแล้ว แน่นอนว่าเรื่องที่ยังเป็นประเด็นร้อนสำหรับคนที่ชื่นชอบเสียงเพลงแบบมีคุณภาพ คือการหายไปของช่องหูฟัง AUX และถูกแทนที่มาด้วยช่อง Lightning เพียงช่องเดียว โดยในบทความที่ผ่านมาเราได้นำเสนอข้อดีของหูฟัง Lightning กันไปแล้ว ใครที่สนใจก็สามารถตามไปอ่านกันได้ที่ “ข้อดีของหูฟังสาย Lightning ที่คนคาดไม่ถึง” ซึ่งบทความนี้เราจะมีทำการเปรียบเทียบกันชัดๆไปเลยว่าระหว่าง Lightning VS AUX หรือ หูฟังสาย Lightning กับหูฟังสาย AUX อันไหนดีกว่ากัน โดยเราจะมองในมุมต่างๆดังนี้
1. ความสะดวกสบายในการใช้งาน
ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการฟังเพลงแบบพกพาจริงๆ คำว่า "ความสะดวกสบาย" ในที่นี้คือ เราสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องพกของพะรุงพะรัง อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม จุดสำคัญที่ต้องมาเปรียบเทียบ คือ สามารถชาร์จโทรศัพท์ระหว่างฟังเพลงได้ไหม ?
สำหรับหูฟังสาย AUX นั้นที่ผ่านมาทำได้โดยไม่มีปัญหาเพราะช่องหูฟังนั้นแยกกับช่องชาร์จไฟขาดจากกัน แต่ในส่วนของหูฟังสาย Lightning นั้น ณ จุดนี้ ไม่สามารถทำได้เลย จะต้องชาร์จโทรศัพท์ให้เต็มแล้วค่อยฟังเพลง ยกเว้นผู้ใช้จะซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มช่องสาย Lightning ซึ่งผู้ใช้จะต้องพกตัวแปลงเพิ่มเติมทำให้การพกพาลำบากขึ้น ดังนั้นสรุปง่ายๆประเด็นนี้สาย Lightning แพ้หูฟัง AUX แบบขาดลอยเลยทีเดียว
ยกที่ 1 : หูฟัง AUX ชนะ ได้ไป 1 คะแนน
2. ฟังก์ชั่นและลูกเล่นเสริม
โดยปกติหูฟังที่ใช้สาย AUX นั้น มักจะไม่มีลูกเล่นหรือฟังก์ชั่นเสริมอะไรมากมาย ส่วนมากจะเป็นการเสียบหูฟังกับโทรศัพท์แล้วฟังเพลงซะมากกว่า ซึ่งฟังก์ชันที่เสริมขึ้นมาส่วนใหญ่มักจะนำระบบ Noise-Canceling เข้ามา โดยเพิ่มกระเปาะ หรือระบบควบคุมการตัดเสียง (Noise-Canceling) ไว้ที่สายหูฟัง ซึ่งมักจะทำให้หูฟังใหญ่ขึ้นและเทอะทะขึ้นเล็กน้อย
ในทางกลับกันหูฟังสาย Lightning ที่เริ่มทยอยออกมานั้น มักจะเสริมลูกเล่นต่างๆเพิ่มเข้ามา ด้วยความที่เป็นระบบ Digital จึงทำให้การใช้ลูกเล่นนั้นทำได้หลากหลายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การปรับ EQ (ในหูฟัง AUX บางตัวก็มี) ผ่าน Application โดยตรงของผู้ผลิตเอง หรือฟังก์ชั่นพิเศษ จากการใช้ระบบตัดเสียงผ่านตัวควบคุมมาเป็นผ่าน Application บนโทรศัพท์ขึ้นโดยตรง ตัดความเทอะทะและใหญ่ของตัวควบคุมออก และยังสามารถควบคุมหรือกำหนดระดับการตัดเสียงผ่านโทรศัพท์ได้ทันที อำนวยความสะดวก และใช้ฟังก์ชั่นได้ยืดหยุ่นและหลากหลายขึ้น หรือแม้กระทั่งหูฟังออกกำลังกายบางตัวที่มีระบบการ Tracking ระยะการวิ่ง สามารถนับอัตราหัวใจเต้นได้ เป็นต้น
โดยภาพรวมแล้วต้องบอกว่าทางผู้ผลิตพยายามอัดฟังก์ชั่นเสริมเพิ่มเติมเข้าไปในหูฟัง Lightning ซึ่งเราคาดว่าในอนาคตน่าจะมีลูกเล่นอื่นๆเพิ่มเข้ามาอีก จากภาพรวม ณ ตอนนี้เราจึงมองว่าหูฟัง Lightning มีการแทรกลูกเล่นมากกว่า อาจจะเป็นเพราะความใหม่กว่าของเทคโนโลยีเช่นกัน จึงทำให้หูฟัง Lightning ชนะไป
ยกที่ 2 : หูฟัง Lightning ชนะ ได้ไป 1 คะแนน
3. เสียง เสียง และเสียง Lightning VS AUX ใครดีกว่ากัน?
มาถึงเรื่องที่ถกเถียงกันมากที่สุด...ว่าเสียงของใครดีกว่ากัน? ระหว่าง Lightning VS AUX เรามาดูกันว่าทั้งคู่มีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างไร?
- หูฟัง AUX นั้นต้องยอมรับว่ามีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งเสียงหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์เสริม ไม่ว่าจะมี DAC/Amp แยกหรือจะเสียบตรงเข้ากับเครื่องเล่นก็ทำได้ จึงทำให้หูฟังสาย AUX เป็นที่นิยมมาก เพราะมีความยืดหยุ่นและสะดวกสบาย
- หูฟัง Lightning นั้นจะมีจุดที่แตกต่างในหูฟังราคาสูงๆบางตัว ย้ำว่าบางตัวนะครับ ที่มักจะมี Amp ที่จูนเสียงให้เข้าหูฟังตัวนั้นโดยเฉพาะเช่นหูฟังยี่ห้อ Audeze Sine หรือว่า Audeze EL-8 ซึ่งทำให้เสียงนั้นถูกจูนและปรับแต่งมากับหูฟังโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ดีในเรื่องของเสียงนั้น ปัจจัยที่ทำให้หูฟังตัวนั้นเสียงดีมีหลายปัจจัยมากเริ่มตั้งแต่ คุณภาพของหูฟัง ไดร์เวอร์ และการออกแบบ มากกว่าแค่เรื่องของสาย AUX VS Lightning ดังนั้นปัจจัยเรื่องของหูฟัง Lightning หรือ หูฟัง AUX เสียงดีกว่าในราคาเท่ากันนั้นจึงเป็นเรื่องที่ ขึ้นอยู่กับบุคคล และที่สำคัญที่สุด หูฟังที่ราคาสูงกว่ามักจะคุณภาพของวัสดุที่ดีกว่าจึงมักจะให้เสียงที่ดีกว่า ดังนั้นเราจึงมองว่า เรื่องของเสียงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของหูฟังโดยตรง ยกนี้จึงต้องบอกว่ากินกันไม่ลงและให้เสมอไปน่าจะเหมาะสมที่สุด
ยกที่ 3 : หูฟัง Lightning เสมอ หูฟัง AUX
4. ความยืดหยุ่นในการใช้งานหูฟังในโอกาสอื่นๆ
เรื่องนี้ถ้าพูดให้เห็นภาพคือ การที่เราซื้อหูฟังมา สิ่งสำคัญคือความยืดหยุ่นในการใช้งาน หมายความว่าเราสามารถที่จะนำหูฟังไปใช้กับอุปกรณ์อื่นๆได้หลากหลาย เพราะหลายๆคนซื้อหูฟังตัวโปรดมาไม่ได้ใช้แค่ฟังผ่านโทรศัพท์แต่ยังมองไปถึงการฟังผ่านคอมพิวเตอร์ PC หรือ Laptop ด้วย หรือฟังวิทยุบนเครื่องบิน หรือแม้กระทั่งฟังผ่าน DAC/Amp แน่นอนที่สุด สำหรับหูฟัง Lightning นั้นข้อนี้ถือเป็นจุดด้อยอย่างแท้จริงเพราะหูฟัง Lightning นั้นถูกกำหนดมาตายตัวว่าต้องใช้กับ iPhone หรืออุปกรณ์ของค่าย Apple เท่านั้น ดังนั้นจึงแทบไม่มีโอกาสที่ใช้งานด้านอื่นๆเลย ถ้าไม่ใช่แฟนหรือสาวกของ Apple ในขณะที่หูฟัง AUX นั้นยังมีอุปกรณ์ที่รอบรับอยู่แทบทั้งสิ้น ยกนี้จึงต้องให้หูฟัง AUX ชนะไปอย่างขาดลอย
ยกที่ 4 : หูฟัง AUX ชนะ ได้ไปอีก 1 คะแนน
สรุปหูฟัง AUX ชนะ หูฟัง Lightning ด้วยคะแนน 2 ต่อ 1 คะแนน
ถ้าอย่างนั้น เราควรใช้หูฟังแบบไหนกันดีละ ?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คงไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละคน ถ้าใครที่เป็นแฟน Apple และใช้อุปกรณ์ที่รองรับสาย Lightning แทบทุกชิ้น หรือ ใครที่ใช้หูฟังกับ iPhone7 อย่างเดียว หูฟัง Lightning ก็คงตอบโจทย์การใช้งานอย่างแน่นอน เสริมด้วยฟังก์ชั่นลูกเล่นใหม่ๆ แต่ในทางกลับกัน ถ้าใครที่เน้นการใช้งานที่หลากหลาย ยืดหยุ่น หรือคอ Audiophile ท่านใดที่มีเครื่องเล่น DAP หรือกระทั่ง DAC/Amp คู่ใจแยกแล้ว หูฟัง AUX ยังน่าจะตอบโจทย์ท่านแน่นอน แต่ถ้าใครที่เป็นแฟน Apple แต่ต้องการอุปกรณ์ที่ยืดหยุ่น สะดวกสบาย หูฟังไร้สายหรือหูฟังบลูทูธ ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีหรือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเช่นกัน
สุดท้ายนี้เราคงต้องมาดูว่าอนาคตของหูฟังสาย Lightning จะเป็นอย่างไร และผลตอบรับคนจะนิยมเพิ่มขึ้นไหม เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ชนะใจลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่กำหนดทิศทางของตลาดต่อไปนั่นเอง...
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Macworld UK, Cambridgeaudio