แนะนำศิลปินจีน/ไต้หวัน ที่ Audiophile โหยหา

20 ม.ค. 2560

แนะนำศิลปินจีน/ไต้หวัน ที่ Audiophile โหยหา

ใกล้เทศกาลตรุศจีนแบบนี้ เปลี่ยนบรรยากาศกันดีกว่า เริ่มจากการหาอะไรหวานๆเข้าหูเป็นศิริมงคล อย่างศิลปินจีน/ไต้หวัน ที่ทาง Mercular.com จะแนะนำต่อไปนี้ ซึ่งได้รับการยอมรับจากเหล่าออดิโอพายทั่วทุกสารทิศว่าเสียงร้องของเขา/เธอนั้น หวานเยิ้ม ได้อารมณ์สุดๆ ว่าแต่จะมีใครบ้างนั้น มาติดตามกันเลยครับ

Yao Si Ting (เหยา ซิ ถิง)

สำหรับ ”เหยา ซิ ถิง” เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1983 เป็นนักร้องจีน เสียงหวานหยดเยิ้ม เคลิบเคลิ้ม ชวนโรแมนติก อีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะเป็นชาวจีน แต่ว่าเพลงที่เธอร้องส่วนมากเป็นเพลงอินเตอร์ หลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ หรือแทบจะไม่รู้จักหน้าตากันเลย (โดยเฉพาะคอมเม้นท์ใน Youtube ส่วนใหญ่บอกว่า I don’t know her, but holy shit this is good. ฮ่าๆ) แต่ถ้าหากได้ยินชื่อเพลงที่เธอร้อง อาจจะร้องอ๋อออออ ขึ้นมาทันทีเลยก็ว่าได้ ซึ่งในบรรดาเพลงที่เธอร้องและได้รับความนิยมถึงขั้นตามหาแผ่นเสียงคุณภาพดีจากประเทศจีน ได้แก่อัลบั้ม “Endless Love VII” ประกอบไปด้วย 13 เพลง ได้แก่ Women in love, Skellig, Truly madly deeply, Happiness, Only love, Just one last dance, At your best, Last Christmas, It’s not goodbye, Hallelujah, Beauty and the beast, Without you และ Love me tender โดยในอัลบั้มนี้ มีอยู่เพลงหนึ่งที่อยู่ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Shrek ภาค 1 ด้วย ซึ่งเพลงคือเพลงลำดับที่ 10 อย่าง “Hallelujah” นั่นเอง

นอกจากนี้อีกหนึ่งอัลบั้มใน Collection Endless Love ของเธอที่น่าสนใจก็คือ “Endless Love IV” นั่นเอง ซึ่งเพลงที่ถือเป็น “The best” ของอัลบั้มนี้ก็คือเพลง Speak Softly Love โดย “Endless Love IV” ประกอบไปด้วย 13 เพลงเช่นกัน ได้แก่ Speak Softly Love, Tonight I celebrate my love, Smoke gets in your eyes, It doesn't matter, Because of you, You've got a way, How deep is your love, Be thou my vision, When i fall in love, A living prayer, Some where in time, We are One และ One more time ซึ่งแต่ละเพลงที่เธอขับร้องออกมานั้น เรียกได้ว่าทำให้หลายๆคนตกอยู่ในภวังค์แห่งเสียงอันมีเสน่ห์ของเธอเลยก็ว่า

Susan Wong (ซูซาน หว่อง)

นักร้องสาวชาวฮ่องกง “ซูซาน หว่อง” ผู้เต็มไปด้วยความสามารถในการร้องเพลงอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Bossa, Easy listening, Smooth jazz, Traditional-pop, Country, Acoustic, Folk, Ballad รวมถึง HK-Pop ด้วยเช่นกัน ย้อนกลับไปสมัยเด็กเธอเกิดที่ฮ่องกง แต่ครอบครัวได้อพยพไปอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เธอเรียนรู้เปียโนด้วยอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็เรียนไวโอลินควบคู่กันไปด้วย หลังจากที่เธอได้เข้าโรงเรียนสอนดนตรี เธอก็เริ่มเรียนรู้การร้องเพลงโดยเริ่มจากเสียง Alto เป็นลำดับแรก สำหรับจุดเริ่มต้นบนโลกแห่งเสียงเพลงนั้น เกิดขึ้นเมื่อตอนอายุ 16 ปี กับการชนะการประกวดร้องเพลงที่กรุงซิดนีย์ที่ที่เธอได้พบกับ ทีมโปรดิวเซอร์จาก TVB นั่นเอง

สำหรับอัลบั้มที่ได้รับความนิยมจากหลายๆคน คงหนีไม่พ้นอัลบั้ม Someone Like You (2007), Step Into My Dreams (2010) และ My Live Stories (2012) ซึ่งมีเพลงดังๆหลายเพลงทั้ง How deep is your love, Come softly to me, Someone like you, Sound of silence, I wanna hold your hand, Close to you, I will survive เป็นต้น ซึ่งพลังเสียงของเธอนั้นเรียกได้ว่าไม่ธรรมกันเลยทีเดียวทั้งมีเสน่ห์ เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ อย่างสำเนียงและหางเสียง ไม่แพ้ต้นฉบับเลยทีเดียว แถมแฝงไปด้วยพลังในแบบของตนเอง

Tong Li (ถงลี่)

อีกหนึ่งศิลปินนักร้องเสียงหวาน ชาวมณฑล อานฮุย ประเทศจีน “ถงลี่” สาวน้อยผู้หลงไหลในดนตรี และการร้องเพลงตั้งแต่ยังเล็ก เธอได้รับรางวัลจากการประกวดร้องเพลงมากมายตั้งแต่เรียนอยู่ในระดับชั้นประถม จึงไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเธอโตขึ้น ความสามารถของเธอจะเฉิดฉายบนเวที จนในที่สุดก็ได้ออกอัลบั้มแรกเมื่อปี 2005 สำหรับแนวเพลงที่เธอร้องนั้น เป็นการผสมผสานระหว่างเพลงพื้นบ้านกับความทันสมัย โมเดิร์น ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เด่นที่ทำให้เธอมีชื่อชั้นขึ้นมาเลยก็ว่าได้ โดยเพลงที่เธอร้องในระยะแรกนั้น ส่วนมากจะเป็นเพลงดังในช่วงทศวรรษที่ 30 - 40 ของนักร้องระดับตำนาน อย่างเติ้ง ลี่จวิน หรือ ไช่ ฉิน เป็นต้น หากใครได้ยินเสียงเธอเป็นต้องหลงในความนุ่มนวล ไพเราะ ออดอ้อน อ่อนหวาน ใสประดุจสายน้ำที่ไหลมา จนทำให้ผู้ฟังรู้สึกเคลิ้ม ไหลไปกับสายน้ำแห่งเสียงเพลงของเธอนั่นเอง (คำเตือน: ห้ามฟังเป็นระยะเวลานาน เพราะสายน้ำไม่ไหลกลับ ฮ่าๆ)

เมื่อพูดถึง “ถงลี่” ในบ้านเรานั้น ส่วนใหญ่คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว ซึ่งเพลงของเธอที่มักถูกพูดถึงบ่อยๆก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็น เพลงเทียนมีมี่ (คุ้นหูสุดแล้ว สำหรับเด็กยุคนี้), เพลง Because I love you, เพลงชุนเจียงฮวาเย่ว์เยี่ย หรือ เมิ่งเจียงหนี่ว์ ซึ่ง 2 เพลง หลังจะเห็นได้ว่าเป็นเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของถงลี่เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเพลงที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมทั้งเก่าและใหม่ ทั้งตัวชิ้นดนตรีเองหรือตัวเนื้อเพลงก็บอกเล่าเรื่องราวในสมัยประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน หรือการนำเอาบทกวีในสมัยก่อนมาขับร้องเป็นบทเพลงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งอ่อนหวานและมีเสน่ห์ อย่างที่เกริ่นไปเมื่อตอนต้น ถ้าหากใครที่ได้ลองฟังแผ่นต้นฉบับที่มีไฟล์เสียงระดับคุณภาพต้องบอกเลยว่าเสียงร้องจะเด่น บวกกับเครื่องดนตรีทั้งกู่เจิ้งและพิณ ที่ดีดออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์สะท้อนถึงวัฒนธรรมจีนได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหาไม่ได้ลองฟังใน Youtube ก็หวานจนมดแทบขึ้นละครับ

Zhao Peng (จ้าว เผิง)

หลังจากที่เราพูดถึงศิลปินนักร้องสาวสวยกันมาถึง 3 คนแล้ว ถึงคิวของนักร้องชายผู้เป็นตำนานและได้รับฉายา ”ราชา เสียงไฮไฟ” อย่าง “จ้าว เผิง” กันบ้าง สำหรับ “จ้าว เผิง” เกิดที่มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศจีน เขาสนใจเรื่องการร้องเพลง และเริ่มเรียนรู้การแต่งเพลง จนเมื่ออายุ 16 ปี เขาก็แต่งเพลงได้สำเร็จ นับว่าเป็นก้าวแรกที่ไวมากๆสำหรับ เด็กหนุ่มจาก มณฑลเฮยหลงเจียง จนเวลาผ่านเลยไปจนมาถึงปี 2004 ที่ “จ้าว เผิง” ประกาศศักดาออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกอย่าง The Greatest Basso Vol.1 ซึ่งถือว่าเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก ถือเป็นจุดพลิกผันทำให้เขารู้จักในชื่อ “ราชา เสียงไฮไฟ” จนถึงปัจจุบันนั่นเอง

สำหรับอัลบั้มที่ถือว่าเป็นที่สุดของ “จ้าว เผิง” คงเป็น The Greatest Basso Vol.1 อย่างที่กล่าวไปเมื่อตอนต้นว่าเป็นอัลบั้มแรกของเขา โดยอัลบั้มนี้ประกอบไปด้วย 11 เพลง ได้แก่ The Moon Represents My Heart, My Grandma and Penghu Bay, The Missing Times, The Bell In Nanping, The Notturno of Green Island, The Ballad On a Boat, Your Sapid, Shining Days, So Sweet, Please Come With Me และ Shanghai At Night โดยแนวเสียงของ “จ้าว เผิง” ค่อนข้างแหลม คมชัด มีลูกคอ บริเวณปลายเสียง ค่อยๆลงต่ำอย่างช้าๆ บ่งบอกถึงความเศร้า ความเหงาของเพลงได้เป็นอย่างดี ถือเป็นเอกลักษณ์ของเขาเลยก็ว่าได้ ถ้าคนโสดได้ฟังนี่คงนอนร้องไห้ เฉาตายแน่นอนครับ T^T

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2