วิธีเลือกซื้อ Soundbar

13 ธ.ค. 2564

วิธีเลือกซื้อ Soundbar

หากว่าคุณพึ่งจะซื้อทีวีจอยักความคมชัดระดับ 4k มาที่บ้านแต่ว่าพอดูหนังแล้วกลับรู้สึกไม่สะใจเท่าที่ควรเพราะว่าลำโพงที่ติดมากับตัวทีวีนั้นให้คุณภาพเสียงที่เรียกได้เลยว่ากากสุดๆ ดังนั้นการซื้อลำโพงมาต่อแยกกับทีวีจึงน่าจะตอบโจทย์ที่มากกว่า ซึงหากว่าคุณกำลังมองหาลำโพงสำหรับการเชื่อมต่อกับทีวีแล้วละก็ คุณอาจจะนึกถึงชุดเครื่องเสียงลำโพงบ้านหรือว่า home theater ที่หากว่าจัดมาครบชุดแล้วละก็มันช่างแพงซะเหลือเกิน นอกจากจะมีราคาที่ค่อนข้างแพงแล้วยังมีควาวยากในการจัดวางตำแหน่งของลำโพงอีกด้วยเนื่องจากจำเป็นที่จะต้องมีลำโพงหลายตัวเพื่อให้ได้เสียงที่สมจริงที่สุด เช่นการใช้ลำโพง 6 ตัว วางเป็นระบบเสียงแบบ 5.1 เพื่อให้เสียงแบบ surround อ่านมาขนาดนี้แล้วเพื่อนๆบางคนก็อาจจะคิดว่ากลับไปใช้ลำโพงทีวีเหมือนเดิมก็ได้ แต่เดี๋ยวก่อน! เราลองมาดูลำโพง soundbar กันก่อนดีกว่าเพราะว่าลำโพง soundbar นั้น มีราคาที่ถูกกว่าชุดเครื่องเสียง home theater และยังมีขนาดที่เล็กประหยัดพื้นที่กว่าอีกด้วย เรียกได้ว่าเหมาะสุดๆสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในการติดตั้งอุปกรณ์ ซึ่งวันนี้ทาง Mercular จะพาคุณไปชมกับวิธีเลือกซื้อ Soundbar กันว่าจำเป็นจะต้องดูอะไรบ้าง 

ขนาด

สิ่งแรกเลยที่ต้องคำนึงถึงเมื่อเลือกซื้อ Soundbar ก็คือขนาดของตัว Soundbar ว่าอยากได้ขนาดที่ใหญ่หรือเล็กซึ่งขนาดที่ใหญ่ก็จะมีเสียงที่ดังกว่าตามขนาดของมัน ซึ่งจะเหมาะสำหรับการใช้ในห้องที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง ซึ่งโดยทั่วไปนั้นเพื่อนๆสามารถเลือกขนาดของ Soundbar ได้จากขนาดทีวีเลย โดยพยายามเลือก Soundbar ที่มีขนาดพอๆกับความยาวของทีวีของเพื่อนๆ เพียงแค่นี้เพื่อนๆก็จะได้ soundbar ที่มีขนาดที่เหมาะสมแล้วครับ

จำนวนลำโพง

ถึงแม้ว่า Soundbar นั้น จะโดดเด่นในเรื่องของความประหยัดพื้นที่เนื่องจากมีแค่ตัวลำโพงเพียงชิ้นเดียว แต่ว่าใน Soundbar บางรุ่นนั้นก็จะมาพร้อมกับ (หรือซื้อแยก) Subwoofer และลำโพงด้านข้าง (surround) ที่ช่วยให้มีคุณภาพของเสียงดียิ่งขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆต้องการแบบไหน ระหว่าง Soundbar ตัวเดียวประหยัดพื้นที่ หรือเพิ่ม Subwoofer ให้เสียงเบสกระหึ่ม หรือเพิ่มลำโพงด้านข้างให้ได้เสียงแบบ surround 


Soundbar เดี่ยวแนะนำ : Dali Katch One

Soundbar + Subwoofer แนะนำ : Klipsch BAR 40

Soundbar + Subwoofer + Surround แนะนำ : JBL Bar 5.1

แชนแนลเสียง

แชนแนลเสียงของ Soundbar เป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนของลำโพงภายใน Soundbar ว่ามีกี่ตัว โดยจะมีให้เลือกหลากหลายตามงบในกระเป๋าของผู้ซื้อ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจำนวนแชนแนลที่มากกว่าก็จะให้เสียงที่ดีและสมจริงกว่า การเขียนระบุแชนแนลจะใช้ตัวเลขระบุว่ามีจำนวนกี่แชนแนลส่วนตัวเลขทศนิยมจะใช้แทน subwoofer ถ้ามีจะใช้ .1 หากไม่มีใช้ .0

2.0 หรือ 2.1 : ซ้าย ขวา (ซัพวูฟเฟอ)

3.0 หรือ 3.1 : กลาง ซ้าย ขวา (ซัพวูฟเฟอ)

5.0 หรือ 5.1 : กลาง ซ้าย ขวา หลังซ้าย หลังขวา (ซัพวูฟเฟอ) โดยเป็นระบบเสียงที่เป็นมาตรฐานของ home theater มาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี 

7.0 หรือ 7.1 : กลาง ซ้าย ขวา หลังซ้าย หลังขวา ข้างซ้าย ข้างขวา (ซัพวูฟเฟอ)

5.1.4 หรือ 7.1.4 : กลาง ซ้าย ขวา หลังซ้าย หลังขวา ข้างซ้าย ข้างขวา บนซ้าย2 บนขวา2 ระบบนี้อาจเรียกอีกอย่างได้ว่า Dolby Atmos โดยมีการเพิ่มลำโพงด้านบนช่วยให้เสียงมีความเป็น 3 มิติ และสมจริงมากขึ้น 

9.1(.4) หรือ 11.1.4 : หากเพื่อนๆกำลังเลือกซื้อ Soundbar ก็อาจจะเห็น Soundbar บางตัวที่มีแชนแนล 9.1 หรือแม้กระทั้ง 11.1.4 ซึ่งก็อาจจะทำให้ว้าวมากๆ แต่น่าเสียดายที่ระบบ 9.1 หรือ 11.1 นั้นเป็นเพียงแค่การตลาดเท่านั้น โดยแชนแนลที่แท้จริงของ Soundbar พวกนี้จะเป็น 5.1 หรือ 7.1 ซึ่งตัวเลข 9.1 และ 11.1 มาจากที่ทางแบรนด์เอาแชนแนวด้านบนมาบวกเพิ่มทำให้จาก 5.1.4 และ 7.1.4 กลายเป็น 9.1.4 และ 11.1.4


Soundbar 5.1 แนะนำ : JBL Bar 9.1

Soundbar 7.1 แนะนำ : Samsung HW-Q950A

รองรับ Dolby Atmos, DTS, DTS:X

ระบบเสียง Dolby Atmos, DTS, และ DTS:X ต่างก็เป็นระบบเสียงแบบ 3 มิติ ที่ช่วยให้เสียงมีความสมจริงยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ฟังได้รับประสบการที่ดีขึ้นจากการฟังโดยข้อแตกต่าง ระหว่าง Dolby Atmos และ DTS,DTS:X ก็คือ Dolby Atmos นั้นถูกพัฒนาเพื่อใช้ในโรงหนังก่อนที่จะนำมาใช้สำหรับที่บ้านทำให้จำเป็นต้องมีลำโพงที่มีแชนแนล 5.1.2 ขึ้นไปถึงจะสามารถรองรับระบบนี้ได้ แต่ในทางกลับกันระบบ DTS,DTS:X นั้น พัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับการดูหนังในบ้านก่อนจึงค่อยนำไปใช้กับโรงหนังทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ลำโพงที่มีแชนแนล 5.1.2 ก็สามารถใช้ระบบนี้ได้ โดยหากจะถามว่าระบบไหนดีกว่าก็คงจะตอบยากเนื่องจากมีข้อดีที่ต่างกันออกไป Dolby Atmos มีจุดเด่นที่การใช้ลำโพงหันขึ้นฟ้าเพื่อให้เสียงสะท้อนกับเพดานลงมาทำให้ได้เสียงที่มีความสูงต่ำ แต่ DTS,DTS:X เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นกว่าในด้านของอุปกรณ์ที่ใช้ ทั้งยังสามารถปรับ EQ เสียงต่างๆได้รวมถึงปรับความดังของเสียงพูดคัยในหนังได้อีกด้วย


Soundbar รองรับ Dolby Atmos/ DTS, DTS:X แนะนำ : Bose Soundbar 700, Samsung HW-Q600B XT, Samsung HW Q990B XT

การเชื่อมต่อ

HDMI (ARC,eARC): ในปัจจุบันนั้นการถ่ายโอนข้อมูลสัญญาณดิจิดอลทำได้เพียงแค่ใช้สาย HDMI ARC หรือ eARC ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อจากทีวีไปยัง Sounbar นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายด้วยสายเพียงเส้นเดียว

Bluetooth: ฟังชั่นการเชื่อมต่อแบบ bluetooth นั้นจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณหากว่าต้องการที่จะสตรีมเพลงจากโทรศัพย์ือถือหรือแม้กระทั้งจากโน้ตบุ้คและคอมพิวเตอร์ก็ทำได้ผ่านทางการเชื่อมต่อ bluetooth นี้

WIFI: หนึ่งในฟังชั่นที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบอุปกรณ์ประเภท Smart Home โดย Soundbar ที่สามารถต่อ wifi ได้มักจะมาพร้อมกับ Google Assistant หรือ Alexa ที่ทำให้คุณสั่งการต่างๆได้ผ่านทาง Soundbar ของคุณ


Smart Soundbar แนะนำ : Sonos Arc

แบรนด์

คงจะไม่พูดถึงไม่ได้เกี่ยวกับยี่ห้อหรือแบรนด์ที่ทำ Soundbar รุ่นนั้นๆ โดยการเลือกยี่ห้อนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ซึ่งในตลาดบ้านเราก็มี Soundbar อยู่หลายแบรนด์ที่น่าสนใจ เช่น JBL ที่เด่นในเรื่องของความคุ้มค่าของราคา Samsung Soundbar ที่เด่นด้านฟังชั่นที่อัดแน่นมาให้ Sonos ที่มีจุดขายที่ความสวยงามและระบบ smart system และแบรนด์ดังอื่นๆอย่าง Sony, Bose, Klipsch, Harman Kardon ที่เรียกได้ว่าการันตีคุณภาพเสียงที่ดีแน่นอน

สรุป

จบไปแล้วกับวิธีการเลือกซื้อ Soundbar ซึ่งทาง Mercular ได้จัดทำมาให้เพื่อนๆได้เลือกซื้อ Soundbar กันได้ตามที่ต้องการ ก็หวังว่าเพื่อนๆจะสามารถเลือกซื้อ Soundbar ได้อย่างถูกใจนะครับสวัสดีครับ 

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2