การปรับเปลี่ยนภายใน

เปิดตัวกันไปเรียบร้อยเมื่อคืนนี้ครับ กับ iPhone ตัวใหม่จาก Apple ซึ่งครั้งนี้มากันถึง 3 รุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นตัวอัพเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อนอย่าง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในที่เด่นๆอย่าง วัสดุตัวเครื่องที่ใช้เป็นกระจกคุณภาพสูงครอบทับทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ชิปภายในแบบใหม่ที่เป็น A11 Bionic ถึง 6 Core ทำให้การประมวลผลภายในนั้นทำได้เร็วกว่าเดิมถึง 70% เลยทีเดียวครับ ซึ่งชิปนี้จะมาช่วยสนับสนุนเทคโนโลยี Machine Learning และ AR แบบ 3 มิติให้ทำงานได้อย่างอัจฉริยะและราบรื่นมากขึ้นครับ

และในส่วนของรุ่นใหม่ทั้งหมดอย่าง iPhone X

ในส่วนของ iPhone X หรือชื่อไทยคือ iPhone Ten มีการปรับเปลี่ยนในด้านรูปทรงให้มีขนาดเล็กลง แต่จอมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นครับ โดยใช้วิธีตัดปุ่ม Home ออกไป และยืดจอให้เต็มขอบแทน ส่วนด้านบนของหน้าจอจะมีแผงกล้องกินเนื้อที่จอเข้ามาเล็กน้อยครับ ภายในของ iPhone X มีสเป็คและชิปเช่นเดียวกับ iPhone 8 และ 8 Plus ครับ

จอแบบใหม่ สีสันสดใส ละเอียดชัดเต็มตา

บน iPhone X นอกจากจะมีการอัพเกรดเรื่องรูปทรงแล้ว จอ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ โดยมาพร้อมกับจอภาพแบบ Super Retina HD ที่มาพร้อมความละเอียดถึง 2436x1135 พิกเซล (458ppi) สูงขึ้นกว่าที่เคยมีมา พร้อมวัสดุจอที่เปลี่ยนไปใช้แบบ OLED ทำให้สีสันที่ได้เป็นไปอย่างคมชัดและสมจริงมากยิ่งขึ้น

กล้องที่ดีขึ้น และชัดขึ้น แม้พิกเซลเท่าเดิม

ส่วนของกล้องหลังของทั้ง 3 รุ่น ภายในยังคงความละเอียดที่ 12 เมะพิกเซลเช่นเดิมครับ มีการปรับปรุงในส่วนของเซนเซอร์ภายในให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นซึ่งพัฒนาโดย Apple เองทำให้สามารถถ่ายรูปได้ชัดขึ้น โฟกัสได้ดีขึ้นแม้ในที่แสงน้อย และยังมีฟังก์ชั่นการถ่าย Portrait ที่อัพเกรดขึ้นมาอย่าง Portrait Lighting ที่สามารถละลายพื้นหลังได้ทั้งหมด หรือจะเป็นการคอนทัวร์แสง หรือคอนทัวร์หน้าก็ยังได้เช่นกัน

กล้องหน้าที่เป็นมากกว่ากล้องถ่ายรูป

สำหรับกล้องหน้าของ iPhone X จะทำหน้าที่แสกนใบหน้าหรือ Face ID ที่มาแทน Touch ID บนปุ่ม Home ที่ถูกตัดออกไป นอกจากนั้นยังสามารถถ่าย Portrait Lighting ได้เช่นเดียวกับกล้องหลังด้วยครับ

ลำโพงที่ให้เสียงที่มีมิติมากขึ้น พร้อมมาแบบสเตอริโอ

เป็นอีกจุดหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าคือการเป็นลำโพงสเตอริโอที่มีเสียงที่ดังกว่าเดิมถึง 25% พร้อมเบสที่นุ่มและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่า Apple เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องเสียงกันแบบจริงจังมากขึ้นอีกด้วย

การเชื่อมต่อรุ่นใหม่ล่าสุดผ่าน Bluetooth 5.0

ความสามารถของ Bluetooth รุ่นใหม่คือการเชื่อมต่อได้ไกลมากขึ้น สัญญาณมีความแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งในเวอร์ชั่น 4.2 ก็เรียกได้ว่าทำได้มากแล้วไม่ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณเสียงคุณภาพแบบ CD หรือโค้ด apt-X พร้อมทั้งการประหยัดพลังงานที่ดี แต่ในเมื่อ Apple ปล่อย 5.0 เข้ามาในตลาดแล้ว แน่นอนว่าในอนาคตจะต้องมีเทคโนโลใหม่ๆ ที่รอการเปิดตัวและค้นพบขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน

การมาถึงของระบบชาร์จไร้สาย

สำหรับในเรื่องของการชาร์จ ทั้ง 3 รุ่นได้เพิ่มการรองรับการชาร์จแบบไร้สาย และยังชาร์จได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วยครับ

แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิม

ถึงแม้ว่าจะเข้าสู่ความเป็นเทคโนโลยีไร้สายที่มากขึ้น แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งการเชื่อมต่อแบบเดิมนั่นคือผ่านสาย Lightning ซึ่งยังคงมีอยู่ใน iPhone ทุกรุ่น แม้จะตัดการเชื่อมต่อแบบ AUX/3.5 mm. ไปแล้วก็ตาม นั่นคือการเชื่อมต่อผ่าน DAC บางชนิดจึงยังคงทำได้อยู่ผ่านการแปลงสาย Lightning to Port ต่างๆเช่นเดิมครับ แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกก็เป็นได้

เตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคของ Truly Wireless ที่แท้จริง

จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เปิดตัว iPhone 7 ที่ได้ทำการตัดช่องต่อหูฟัง AUX/3.5 mm. ออกไปพร้อมทั้งเปิดตัวเทคโนโลยีไร้สาย True Wireless ผ่านหูฟังของตัวเองอย่างเจ้า AirPods ที่ถึงแม้จะมีบางแบรนด์ผลิตออกมาบ้างแล้ว แต่การเปิดตัว AirPods ก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เรียกได้ว่า เหมือนโยนหินก้อนใหญ่ลงแม่น้ำที่แท้จริง

การปรับตัวของหูฟังจากค่ายต่างๆ

หลายแบรนด์ที่เป็นยักษ์ใหญ่ตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากการที่ในปีที่ผ่านมา มีการออกรุ่นหูฟังที่เน้นการเชื่อมต่อ Bluetooth ไร้สายอย่างมากขึ้น และโดยเฉาพะในงาน IFA 2017 ที่พึ่งจัดไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีการออกหูฟังที่เป็นประเภทไร้สายออกมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบ In-Ear หรือเป็นแบบ Over-Ear ก็ตาม และภาพที่เห็นชัดที่สุดคงไม่พ้นการที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ อย่าง SONY, JBL และ B&O ต่างแข่งกันออกหูฟังแบบ True Wireless แบบไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว พร้อมชูจุดเด่นที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ตนเองออกมากันอย่างเต็มที่

อนาคตของวงการหูฟังจะเป็นอย่างไร

การมาถึงของ iPhone X แน่นอนว่าสะเทือนมาถึงวงการหูฟังอย่างแน่แท้และพิสูจน์ได้แน่นอน ทั้งเรื่องของหูฟัง True Wireless ที่ตื่นตัวกันอย่างคึกคัก หรือจะเป็นในเรื่องของ DAC ต่างๆที่คงต้องออกรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่ออย่างไร้สายกันมากขึ้น ด้วย Bluetooth 5.0 ที่ส่งข้อมูลได้มากขึ้น ไกลขึ้น เสถียรขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น ต้องจับตาดูกันดีๆว่าอนาคตจะไปในทิศทางไหน แต่มั่นใจได้กว่า 80% ครับ ว่างวงการไร้สายในอนาคตอีกไม่เกิน 2 ปี จะต้องคึกคักมากขึ้น และสนุกอย่างแน่นอนครับ

และสำหรับผู้ที่มองหาหูฟังไปใช้ร่วมกับ iPhone ทางเรา Mercular.com มีหูฟังไร้สายหลากหลายแบบและหลากหลายแบรนด์ให้เลือกครับ กดเข้าไปเลือกชมกันได้เลยครับ