เปรียบเทียบ Steelseries Aerox 3 Wireless VS Glorious Model D Wireless

18 พ.ย. 2564

เปรียบเทียบ Steelseries Aerox 3 Wireless VS Glorious Model D Wireless

เมาส์เกมมิ่งเปรียบเสมือนเป็นอาวุธสำหรับเหล่าเกมเมอร์ จะเหวี่ยง จะเล็ง จะเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำหรือไม่ จะเข้าหรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับเมาส์เกมมิ่งที่ตนเองถนัด ที่สำคัญ เมาส์ตัวนั้นต้องพร้อมตอบสนองการใช้งานเป็นอย่างดี เทคโนโลยีที่ทันสมัย สวิตซ์ และเซ็นเซอร์ต้องพร้อมติดตามทุกการเคลื่อนไหว


วันนี้เราได้นำเมาส์เกมมิ่งไร้สายสองตัวที่เรียกได้มาแรงเอามากๆ ในช่วงนี้ มีดีไซน์คล้ายกัน น้ำหนักเบาเหมือนกัน มาจากสองแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่ทุกคนชื่อชอบอย่าง เมาส์Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse และ เมาส์ Glorious Model D Wireless Gaming Mouse


แต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร เด่นด้านไหน เราขอแบ่งให้เห็นชัดๆ เป็นหัวข้อใหญ่ๆ เจาะลึกตั้งแต่ภายนอก ภายใน และการใช้งาน มาดูกันว่าเมาส์เกมมิ่งตัวไหนเหมาะสมจะเป็นอาวุธคู่กายตัวใหม่ของเกมเมอร์อย่างคุณ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์

สวยเด่นตั้งแต่ภายนอก

ดีไซน์


ดีไซน์ทั้งสองตัวมีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก ทั้งคู่เลือกใช้การออกแบบ Honey Comb รูขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เรียงต่อกันช่วยลดน้ำหนักของเมาส์ได้เป็นอย่างดี ทางด้าน เมาส์ Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse ลายฉลุที่เป็นรูจะกินพื้นที่ไปถึงปุ่มกด แต่เมาส์ Glorious Model D Wireless Gaming Mouse จะหยุดอยู่แค่ส่วนอุ้งมือเท่านั้น การใช้งานจริงไม่แตกต่างกันครับ


เมาส์ทั้งสองรุ่นออกแบบสำหรับการใช้งานมือขวา มีการเว้าส่วนนิ้วโป้งให้จับได้มั่นคง Aerox 3 จะเหมาะสำหรับคนที่จับเมาส์แบบ Claw และ Fingertip ในส่วนของ Model D จะเหมาะสำหรับคนจับเมาส์ แบบ Claw และ Palm ครับ เพราะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ใครที่มือค่อนข้างใหญ่ หรือชอบเมาส์ที่จับได้เต็มมือ Model D จะเหมาะมากครับ


วัสดุ


แม้จะใช้พลาสติกแข็งเหมือนกัน แต่จากการใช้งาน Aerox 3 ให้สัมผัสสากที่มากกว่า เกาะติดมือได้เป็นอย่างดี แต่ Model D จะให้สัมผัสลื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคนเลยครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์น้ำหนักเบา

น้ำหนัก


น้ำหนักของ Aerox 3 จะอยู่ที่ประมาณ 67 กรัม ส่วน Model D จะมีน้ำหนักประมาณ 69 กรัมครับ จากการใช้งานจริงก็แทบจะไม่รู้สึกของความแตกต่าง ยังคงให้ความลื่นไหล เบามือ สมกับที่เป็นเมาส์ที่เด่นเรื่องน้ำหนักเบาเป็นอย่างมากครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์มีไฟ RGB

ไฟ RGB


ทั้งสองรุ่นมีไฟ RGB ที่โดดเด่นคนละแบบครับ ทางด้านเมาส์ Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse ไฟ RGB จะส่องสว่างออกมาจากภายใน เมื่อรวมกับความใสขุ่นของวัสดุพลาสติกแข็ง มันจึงดูเหมือนว่าเมาส์จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันทุกครั้งที่เปลี่ยนไฟ ตัวไฟ RGB ปรับได้มากถึง 3 โซน ครอบคลุมทั่วตัวเมาส์เลยครับ


ในส่วนของเมาส์ Glorious Model D Wireless Gaming Mouse มีไฟ RGB บริเวณข้างตัวเมาส์ และบริเวณล้อเลื่อนเป็นเส้นเห็นได้ชัด เมื่อปรับให้ไฟวิ่งจะดูต่อเนื่องกันและสวยงามเป็นอย่างมาก

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์เกมมิ่ง

ไฟสถานะ DPI


เนื่องจากทั้งสองรุ่นสามารถปรับความเร็วได้จากตัวเมาส์เลย จึงมีไฟสถานะบอกค่า DPI ที่เรากำลังใช้งานอยู่ ตัวปุ่มปรับ DPI ของทั้งสองรุ่นจะอยู่ตำแหน่งเดียวกันคือด้านล่างของล้อเลื่อน


เมาส์ Aerox 3 เมื่อกดคลิกปรับค่า DPI ไฟ RGB ของทั้งตัวเมาส์จะเปลี่ยนสีไปตามค่า DPI ที่เราตั้งไว้ ส่วน Model-D ไฟสถานะอยู่ใต้ฐานเมาส์ ต้องยกเมาส์ขึ้นมาดูเพื่อให้ทราบว่ากำลังใช้งาน DPI ที่เราตั้งค่าไว้ที่เราเท่าไหร่ การใช้งานของทั้งสองแบบมีข้อดีข้อจำกัดแตกต่างกันไปครับ


วัสดุพื้นผิวเมาส์


เมาส์ทั้งคู่เลือกใช้วัสดุ PTFE เป็นพื้นผิวเมาส์ ทำให้เคลื่นไหวเมาส์ได้ลื่นไหล ทางด้าน Model D มีฐานเมาส์เสริมมาให้ด้วย เพิ่มความลื่นไปอีกขั้น


ปุ่มเปิดปิด


เมาส์ทั้งสองรุ่นมีปุ่มสำหรับเปิดปิดการใช้งานเมาส์ ในส่วนของ Aerox 3 ปุ่มจะเลื่อนได้ 3 จุด นั่นคือ ปิดใช้งานเมาส์, การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wireless 2.4 GHz และ การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth แต่ทางด้านของ Model-D จะมีเพียง 2 จุดเนื่องจากเชื่อมต่อไร้สายได้เพียงช่องทางเดียว จึงเหลือแค่สำหรับปิดการใช้งานเมาส์ และเปิดเพื่อเชื่อมต่อไร้สาย Wireless 2.4 GHz ครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์ไร้สาย

เจาะลึกภายใน

สวิตซ์


ต้องบอกว่าสวิตซ์ที่เมาส์ทั้งสองตัวเลือกใช้ดีไม่แพ้กันเลยครับ Aerox 3 ภายในจะเป็นสวิตซ์ SteelSeries Mechanical Switches ทางด้านของ Model D ใช้สวิตซ์ Glorious Switches โดยสวิตซ์ทั้งสองรุ่นให้สัมผัสการกดที่เหมือนกันและรองรับการกดคลิกได้มากถึง 80 ล้านครั้งเลยครับ


เซ็นเซอร์


เซ็นเซอร์ของแต่ละแบรนด์พยายามทำออกมาเพื่อตอบสนองการใช้งานของเหล่าเกมเมอร์ รู้ใจการใช้งานเป็นอย่างดี เจ้าตัว Aerox 3 จะใช้เซ็นเซอร์ TrueMove Air Optical Sensor ที่ให้ความเร็วสูงสุด 18,000 DPI


ส่วน Model D เลือกใช้ BAMF Sensor ให้ความเร็วได้สูงสุด 19,000 DPI ครับ ซึ่งการปรับความเร็วก็สามารถทำได้ทั้งในซอฟต์แวร์และตั้งค่าโปรไฟล์ความเร็วที่ชอบ และปรับได้ทันทีบนตัวเมาส์เลยครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์เล่นเกม

การใช้งานทั่วไป

การเชื่อมต่อ


ทั้งคู่เป็นเมาส์ไร้สายและสามารถใช้งานแบบมีสายได้เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงความหลากหลายในการเชื่อมต่อไร้สาย และพอร์ตการเชื่อมต่อครับ


เมาส์ Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ถึง 2 รูปแบบ นั่นคือ Bluetooth และ Wireless 2.4 GHz แต่ดองเกิลที่ให้มาจะเป็นพอร์ต USB-C ซึ่งคอมพิวเตอร์ใครมีพอร์ต Type-C ก็สบายใจกันไป แต่หากไม่มี ก็จำเป็นต้องใช้สายชาร์จและอะแดปเตอร์แปลง USB-C to USB-A มาใช้งานเพื่อให้เชื่อมต่อได้


เมื่อใช้งานจริงร่วมกับคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีช่อง Type-C การเชื่อมต่อต้องใช้หลากอุปกรณ์พร้อมกัน ทั้งตัวแปลงพอร์ต ดองเกิล และสายเชื่อมต่อ หากเก็บสายได้ไม่ดี ก็มีเกะกะบ้าง แต่มีข้อดีตรงที่เราสามารถลากสายที่มีดองเกิลติดอยู่มาไว้บนโต๊ะได้ให้อยู่ใกล้เมาส์มากที่สุด เพื่อเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่อครับ


เมาส์ Glorious Model D Wireless Gaming Mouse ตัวนี้จะมีการเชื่อมต่อไร้สายเพียงแบบเดียว นั่นคือ Wireless 2.4 GHz ดองเกิลที่ให้มาเป็นพอร์ต USB-A จึงไม่ต้องใช้ตัวแปลงเหมือนกับ Aerox 3 แต่เมื่อไม่มี Bluetooth จึงลดความหลากหลายของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้


ภายในกล่องยังมีตัวรับสัญญาณมาให้ด้วย หากกลัวความไม่เสถียรเนื่องจากระยะดองเกิลและเมาส์ไกลหรือมีสิ่งกีดขวางมากเกินไป ก็สามารถใช้สายและตัวขยายสัญญาณ เสียบเข้ากับดองเกิลและลากขึ้นมาบนโต๊ะได้เช่นเดียวกับ Aerox3 เลยครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์เกมมิ่ง

แบตเตอรี่


รูปแบบการเชื่อมต่อก็มีผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่เหมือนกันครับ ทางฝั่ง Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse ที่มีการเชื่อมต่อไร้สาย 2 รูปแบบ ทำให้มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่มากกว่าในโหมด Bluetooth ที่ใช้ได้นานถึง 200 ชั่วโมง และโหมด Wireless จะใช้งานได้ 80 ชั่วโมงครับ


ในส่วนของ Glorious Model D Wireless Gaming Mouse ที่มีเพียง Wireless จะใช้งานได้สูงสุดเพียง 71 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งข้อแตกต่างนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนเลยทีเดียว


มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น


อาจมีกังวลกันอยู่บ้างเนื่องจากเมาส์ทั่งคู่เลือกใช้ดีไซน์ Honey Comb ที่เป็นลายฉลุเพื่อให้น้ำหนักเบา แต่มีเมื่อช่องก็อาจกังวลเรื่องฝุ่น เหงื่อ หรือละอองน้ำกันอยู่บ้าง ตัว Aerox 3 มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 ใช้งานได้อย่างสบายใจเลยครับ แต่น่าเสียดายที่ Model D จะไม่กันน้ำกันฝุ่น การใช้งานจริงอาจต้องระวังกันสักนิดนึงครับ

ซอฟต์แวร์ปรับแต่งภายใน

ไม่ว่าจะปรับแสงไฟ RGB ปรับความเร็วเมาส์ ปรับตั้งปุ่มมาโคร ก็สามารถทำได้ภายในซอฟต์แวร์ที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน แต่ละตัวปรับแต่งอะไรได้บ้าง มาดูกันครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless ซอฟต์แวร์

Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse


ใช้ซอฟต์แวร์ SteelSeries Engine เมื่อทำการติดตั้งและเสียบใช้งานเมาส์ โปรแกรมจะหาอุปกรณ์ให้อัตโนมัติ ภายในสามารถปรับแต่งได้หลายส่วนได้แก่ ความเร็วของเมาส์ที่มีโปรไฟล์มาให้ปรับมากถึง 5 โปรไฟล์ด้วยกัน, ปรับแต่งคำสั่งเมาส์รวมไปถึงการตั้งค่ามาโคร, การตั้งค่าประหยัดพลังงาน, ปรับตั้งรูปแบบการลากเมาส์ และปรับตั้งค่าไฟ RGB ครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์ปรับแต่งมาโคร

Glorious Model D Wireless Gaming Mouse


ตัวเมาส์ Model D จะใช้ซอฟต์แวร์ของตนเองเช่นกันอย่าง GLORIOUS CORE ตัวโปรแกรมสามารถปรับแต่งได้เยอะไม่ต่างจาก Aerox 3 เลยครับ ทั้งการปรับแต่งคำสั่งปุ่ม, การปรับตั้งค่ามาโคร, ตั้งค่าสีไฟ RGB, ตั้งค่าความเร็วเมาส์ โดยทางด้าน Model D สามารถปรับได้ 4 โปรไฟล์ และยังสามารถปรับสีที่แสดงโปรไฟล์ได้อีกด้วยครับ

การใช้งานจริง

จากที่ลองใช้งานทั่งคู่เล่นเกมและใช้งานทั่วไป บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวัง เอาเรื่องสำหรับการเป็นเมาส์เล่นเกมที่เด่นเรื่องน้ำหนักเบาเลยครับ การตวัด การเหวี่ยงเมาส์ทำได้ง่าย ไม่หนักมือ เมาส์คลิกได้สนุก การเคลื่อนไหวเมาส์ทำได้ไม่ดีเลย์แม้จะเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สาย 


ขนาดของทั้งคู่มีความใกล้เคียงกัน แต่สำหรับ Aerox 3 จะเล็กกว่า ทำให้ใช้งานได้สบายมือ เหมาะสำหรับคนมือเล็ก หรือคนชอบเมาส์ที่ไม่ใหญ่มาก ทางด้าน Model D แม้จะใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังจับได้ถนัดมืออยู่ สำหรับคนมือเล็กก็อาจจะรู้สึกว่ามันใหญ่ไม่พอดีมือ


ในเรื่องของผิวสัมผัสที่มีความแตกต่างกัน ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของแต่ละคน ใครที่ชอบสากหน่อยให้หนึบมือ Aerox 3 จะตอบโจทย์กว่าครับ ส่วนใครชอบผิวสัมผัสเรียบๆ ก็จะเหมาะกับฝั่ง Model D

เปรียบเทียบเมาส์เกมมิ่งไร้สายทั้งสองรุ่น

จากที่อ่านกันมา เราขอสรุปให้เห็นภาพชัดๆ ทั้งความเหมือนและความแตกต่างเพื่อช่วยให้การเลือกซื้อง่ายขึ้นครับ

steelseries aerox 3 wireless vs glorious model d wireless เมาส์

เมาส์เกมมิ่งไร้สายสุดเบาสำหรับเหล่าเกมเมอร์

จบไปกันแล้วสำหรับการเปรียบเทียบเมาส์เกมมิ่งไร้สายตัวแรงที่น่าจับตามอง ทั้งสองตัวมีความคล้ายกันอย่างมาก ดีไซน์ที่ทั้งคู่ทำออกมาโดดเด่นเฉพะตัว การเลือกซื้อสักตัวควรดูความต้องการและความเหมาะสมต่อการใช้งานเป็นหลัก


เมาส์ Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse จะเด่นเรื่องการเชื่อมต่อที่หลากหลาย น้ำหนักเบา ตัวเล็ก มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นไม่ต้องให้เราเป็นกังวลมากนัก ใช้งานลื่น ดีไซน์ทำออกมาได้น่าใช้งาน ปรับแสงไฟ RGB แต่ละทีเหมือนได้เมาส์สีใหม่ทุกครั้ง


คลิกที่นี่เพื่อไปหน้าสินค้า Steelseries Aerox 3 Wireless Ghost Gaming Mouse


เมาส์ Glorious Model D Wireless Gaming Mouse จะเด่นเรื่องการเชื่อมต่อที่ง่าย ด้วยพอร์ต USB-A ที่เป็นมาตรฐาน Plug and Play ไม่ต้องกดเชื่อมต่อให้ยุ่งยาก ไฟ RGB แบบเส้นเชื่อมต่อให้ไฟวิ่งเปลี่ยนสีอย่างสวยงาม น้ำหนักเบา จับได้ถนัดสำหรับผู้ที่ขนาดมือใหญ่  


คลิกที่นี่เพื่อไปหน้าสินค้า Glorious Model D Wireless Gaming Mouse


ใครที่กำลังเล็งเมาส์ทั้งสองตัวนี้อยู่ หรือกำลังมองหาเมาส์เกมมิ่งตัวอื่น สามารถเข้ามาดูเพิ่มเติมได้ใน Mercular ทางเรามีสินค้าให้เลือกอีกเพียบ คัดสรรมาเป็นอย่างดีจากผู้เชี่ยวชาญ รู้ใจเกมเมอร์เป็นอย่างดี สินค้าจากแบรนด์ชั้นนำ มีการรับประกันหลังการขายที่ชัดเจน

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2