ถ้าทุกคนยังจำกันได้ เมื่อ 10 กว่าปีกว่านี้จะมีกล้องอยู่ประเภทหนึ่งที่จุ่ๆ ก็ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นผู้หญิงโดยเฉพาะ นั่นก็คือ “กล้องฟรุ๊งฟริ๊ง” ด้วยชื่อสุดกิ๊บเก๋ และความสามารถที่ว่ากันว่า “ถ่ายแล้วหน้าสวย” จนเกิดเป็นกระแสการถ่ายรูปด้วยกล้องประเภทนี้ไปเลย ทั้งกลุ่มดารา ศิลปิน เซเลป ต่างก็ทำให้กล้องฟรุ๊งฟริ๊งนี้กลายเป็น Talk of The Town แห่งปี ทั้งในวงการบันเทิง และวงการกล้องถ่ายรูป แต่สิ่งที่ยังเป็นปริศนาอยู่มาจนถึงเป็นปัจจุบันนั้นก็คือ “ตัวตนที่แท้จริงของกล้องฟรุ๊งฟริ๊ง” ว่าจริงๆ แล้วมันคือกล้องอะไรกันแน่ เพราะนอกจากประเทศไทยแล้ว ก็ไม่มีที่ไหนที่พูดถึงกล้องฟรุ้งฟริ๊ง แล้วกล้องฟรุ้งฟริ๊งที่ว่ามันดีอะไร วันนี้ ทีมงาน Mercular จะมาหาคำตอบนี้ ให้กับคุณผู้อ่าน แน่นอน!!!

กล้องฟรุ้งฟริ้ง คือคำที่คนส่วนใหญ่ในตอนนั้น ใช้เรียกกล้องถ่ายรูปที่มีฟีเจอร์หลักๆ อยู่สองอย่างด้วยกัน โดยอย่างแรกคือความสามารถในการถ่ายเซลฟี่ และอย่างที่สองนั่นก็คือฟีเจอร์ “การปรับแต่งภาพถ่ายหน้าคนให้สวยขึ้น” ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความกระจ่างใสบนใบหน้า การลดฝ้าลดกระ ซึ่งทั้งสองข้อนี้เอง ที่ทำให้กล้องฟรุ้งฟริ้ง กลายเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้รักสวยรักงามทั้งหลายนั่นเอง

และถ้าพูดถึงกล้องที่มีสเปคแบบนี้ หลายๆ คนก็น่าจะนึกถึงกล้องชนิดหนึ่งอยู่แน่ เพราะว่ากล้องชนิดนี้เอง ก็เคยถูกเรียกว่ากล้องฟรุ้งฟริ๊งมาแล้ว แม้ว่ากล้องฟรุ้งฟริ้งของจริงที่คนตามหา จะไม่ใช้มันเลยก็ตอม

Mirrorless กล้องที่เคยฟรุ้งฟริ๊ง

ก่อนที่จะกลายเป็นกล้องหลักที่ใช้ถ่ายในทุกในงานเหมือนปัจจุบันนั้น ถ้าย้อนกลับไปเกือบ 10 ปีที่แล้วนั้น กล้องมิลเลอร์เลสนั้นก็แทบไม่ต่างอะไรกับกล้องคอมแพคที่เปลี่ยนเลนส์ได้เลย เพราะด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีที่ยังเทียบไม่ได้กับกล้อง DSLR ทำให้กล้อง Mirrorless นั้นจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการกล้องที่พกพาได้ง่าย และถ่ายได้แบบสวยๆ เก๋ๆ และใช่ครับ พวกเค้าเหล่านี้ก็คือผู้หญิงวัยรุ่นต่างๆ ที่อยากได้ถ่ายสุดปังของตัวเองกัน แถมกล้องมิลเลอร์เรสเหล่านี้ยังตรงคุณสมบัติที่ “ถ่ายเซลฟี่ได้” (กล้องมิลเลอร์เลสในยุคนั้นจะมีหน้าจอพับ และน้ำหนักเบาทำให้ถือง่าย) และยังสามารถ “ปรับใบหน้าให้สวยขึ้นได้” ทำให้หลายๆ คนมักจะเรียกกล้องมิลเลอร์เรสในตอนนั้นว่า กล้องฟรุ้งฟริ้ง ไปโดยปริยาย

ซึ่งกล้องมิลเลอร์เรสฟรุ้งฟริ้งที่ว่ามานั้น ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในแรงผลักดักที่ค่อยๆ ทำให้กล้องไร้กระจกกลายเป็นที่นิยมและเป็นหนึ่งในภาพจำของกล้องคนรุ่นวัย ซึ่งแบรนด์กล้องที่หันมาจับตลาดนี้ก็คือ Canon กับกล้องรุ่น M50 ที่กลายเป็นรุ่นยอดนิยมจนได้รับการสานต่อมาเป็น Canon M50 Mark II และอีกแบรนด์กล้องที่คู่กับเด็กแนวไทยแลนด์นั่นก็คือ Fujifilm ที่มีกล้องซีรีย์ XA มาแข่งสู้ด้วย แต่อย่างที่บอกที่เบอกไปว่า กล้องฟรุ้งฟริ้งตัวต้นเรื่องนั้นไม่ใช่กล้อง Mirrorless และจากการค้นหาข้อมูลของทีมงาน ทำให้เราได้รู้ด้วยว่า นอกจากจะเป็นกล้องคอมแพคแล้ว ยังมาจากแบรนด์ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเค้าก็ผลิตกล้องด้วยนะ

แต่ไม่ใช่ว่ากล้องอะไรก็ได้ที่สามารถถ่ายเซลฟี่กับแต่งรูปได้จะเป็นกล้องเซลฟี่ทั้งหมด เพราะแท้จริงแล้วกล้องฟรุ้งฟริ้งจริงๆ ที่เป็นกระแสคนถ่ายกันทั้งเมืองนั้น แท้จริงแล้วแล้วก็คือกล้องของ Casio แบรนด์นาฟิกาชื่อดังที่เคยเป็นหนึ่งในผู้นำกล้องดิจิตอลในอดีต โดยกล้องที่ว่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นกล้องในซีรีย์ TR ที่ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด พกพาได้ง่าย มีกล้องสำหรับถ่ายเซลฟี่ และโหมดปรับแต่งใบหน้าแบบ “บิวตี้โหมด” ที่ทำมาเจาะลูกค้าวัยรุ่นและผู้หญิงโดยเฉพาะ แถมเจาะได้เป็นอย่างดีซะด้วย

เชื่อเลยว่าหลายคนก็คงสงสัยไม่น้อยว่าทำไม แบรนด์นาฬิกาชื่อดัง (และเปียโนคีย์บอร์ด) อย่าง Casio ทำไมถึงได้ทำกล้องเจ๋งๆ ออกมาได้ แต่เชื่อเลยว่าหลายคนคงไม่รู้มาก่อน ว่าที่จริงแล้ว Casio ก็เคยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตกล้องดิจิตอลที่มีอิทธิพลมากที่สุดเจ้าหนึ่งเลยทีเดียว อย่างเช่น Casio QV-10 กล้องดิจิตอลจากปี 1994 ที่เป็นกล้องตัวแรกที่มีจอ LCD และฟีเจอร์ Live View ที่ยังใช้กันอยู่แทบจะทุกกล้องในปัจจุบัน โดยฟีเจอร์ชูโรงที่เป็นเอกลักษณ์เลยก็คือการถ่ายโหมด Best Shot ที่รวมรูปแบบสารพัดการถ่ายให้กับคุณ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพกลางคืน ภาพพลุ หรือภาพคู่ กล้อง Casio ก็มีโหมดเหล่านี้รองรับ แถมไม่ได้มีแค่โหมดสองโหมด แต่ยัดมาทีเป็น 100 กว่าโหมดเลยก็มี ทำให้ในช่วงยุค 90s จนถึงต้นปี 2000s Casio ก็แทบจะเป็นพี่ใหญ่ของวงการกล้องดิจิตอลไปแล้ว

แต่แน่นอนว่ามีขึ้น ก็ต้องมีลง เมื่อแบรนด์กล้องถ่ายรูปส่วนใหญ่ผันตัวจากยุคฟิล์มเข้าสู่ยุคดิจิตอลแล้ว Casio ก็แทบจะไม่สามารถเทียบชั้นกับกล้องรุ่นอื่นๆ ได้เลย จนกระทั้งการมาของกระแสกล้องฟรุ้งฟริ้งนี้เอง ที่ทำให้ Casio กลายมาเป็นที่พูดถึงในวงการกล้องอยู่บ้าง แต่สุดท้ายในปี 2561 Casio ก็ได้ยุติบทบาทในการพัฒนาและผลิตกล้องอย่างถาวร หลังการมาของผู้เล่นใหม่อย่าง “สมาร์ทโฟน” ปิดตำนานกล้องดิจิตอลรุ่นเดอะในที่สุด

จนเวลาล่วงเลยผ่านไป กล้องฟรุ้งฟริ้ง ก็ถูกแทนที่ด้วยกล้องสมาร์ทโฟน ที่สามารถทำได้หลากหลายกว่ามาก รวมถึงคุณภาพของรูปถ่ายที่ดีพอๆ กับกล้องถ่ายรูปทั่วไป และยังมีโปรแกรมแต่งภาพให้เลือกอีกเป็นร้อยเป็นพัน จึงทำให้กล้องฟรุ้งฟริ้งเองค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงในที่สุด แต่แม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนหากล้องฟรุ้งฟริ้งกันอยู่เรื่อยๆ และส่วนหนึ่งก็คงอยากจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว ไอกล้องฟรุ้งฟริ้งมันคืออะไร ก็หวังว่าทุกคนน่าจะได้คำตอบจากบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว ก็หวังทุกคนคงจะพอเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดไม่มากก็น้อย และสุดท้ายนี้เอง ไม่ว่าคุณจะถ่ายกล้องฟรุ้งฟริ้งหรือกล้องอะไรก็แล้วแต่ ก็หวังว่าทุกคนจะไม่ลืมความสนุกในการถ่ายรูปกันก่อนหล่ะ ส่วนใครที่กำลังอยากเริ่มถ่ายรูป หรือหากล้องถ่ายเซลฟี่เผื่ออยากรำลึกถึงกล้องฟรุ้งฟริ้งอยู่ ก็ลองแวะมาที่หมวดหมู่ ถ่ายรูป ของทาง Mercular ได้เลย ส่วนบทความหน้า จะเป็นเรื่องราวอะไรบ้างนั้น รออ่านกันได้เลย