มีบทความ 11 หูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1,000 บาทและ 2,000 บาทกันไปแล้ว ครั้งนี้อัพราคาขึ้นมาอีกหน่อยเพื่อเอาใจผู้ที่มีงบประมาณในการเลือกซื้อ หูฟัง True Wireless ที่สูงขึ้น และแน่นอนว่างบสูงขึ้น สินค้าที่ได้ก็จะมาพร้อมคุณภาพที่ดีขึ้น ทั้งการออกแบบที่พรีเมียมมากขึ้น, วัสดุที่เลือกสรรระดับพรีเมียม สวยงาม ทนทาน แข็งแรงมากขึ้น, ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันและสเปคภายในที่จัดเต็มมากขึ้น กับบทความ 11 หูฟัง True Wireless ที่ดีที่สุด ราคาไม่เกิน 5,000 บาท ปี 2023 ในครั้งนี้ที่ทาง Mercular.com คัดมาแต่รุ่นเด็ดที่รับรองได้เลยว่า คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแน่นอน โดยเงิน 5,000 บาทจะซื้อ หูฟังไร้สาย True Wireless รุ่นไหนได้บ้าง และรุ่นไหนที่จะถูกใจคุณมากที่สุด เรามาดูกันเลยครับ

ถ้าพูดถึงหูฟังไร้สาย SoundPeats เป็นหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป้นอย่างมาก ด้วยการออกแบบดีไซน์ที่สวย ดูพรีเมียมแต่ในขณะเดียวกันราคาไม่ได้สูง สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการออกแบบมาหลากหลายซีรีส์ และสำหรับรุ่นนี้ หูฟัง SoundPeats Air3 True Wireless ในราคาหลักพันนิดๆ เป็นหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากราคาถูกแล้ว ยังมีสเปคที่่ครบครันไม่แพ้กัน อย่างแรกที่มีความโดดเด่นนั่นคือเรื่องของขนาด เพราะมีการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ทำให้พกพาได้ง่ายและสะดวกในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงรูปทรงดีไซน์ที่ออกแบบมาให้สวมใส่ง่าย ใส่สบาย สไตล์ Earbud และมีน้ำหนักเบา สำหรับการเชื่อมต่อ รุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 โดยให้ระยะการเชื่อมต่อได้ไกลถึง 10 เมตรเลยทีเดียว

สำหรับฟีเจอร์หลักๆ ของรุ่นนี้สามารถรองรับการใช้งานแยกข้างของหูฟังได้ และยังมีเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เล่น/หยุด อัตโนมัติ และเพิ่ม Chipset ภายใน Qualcomm QCC3040 ที่จะช่วยให้การใช้งานมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น สามารถดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ได้อย่างสบาย มาถึงคุณภาพเสียง มีการรองรับ Codec คุณภาพสูง aptX และมาพร้อมไดรเวอร์​เสียงแบบ Dynamic Driver อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการใส่เพื่อใช้งานออกกำลังกายก็ไม่ต้องกังวลเพราะรุ่นนี้ออกแบบมาให้สามารถกันน้ำ กันเหงื่อได้ตามมาตฐาน IPX5 เลยทีเดียว ในราคาเพียงหลักพันนิดๆ แต่มาพร้อมการใช้งานที่ครบครันขนาดนี้ ไม่มีไม่ได้แล้ว

แม้จะมีราคาอยู่ในระดับไม่เกิน 5,000 บาทก็ตาม แต่ หูฟังไร้สาย SoundPeats H1 True Wireless รุ่นนี้นั้นเป็นหูฟังเรือธงจากแบรนด์ SoundPeats เลยทีเดียว ซึ่งโดดเด่นด้วยการพกพาเอาฟังก์ชันมาแบบจัดเต็มจนเกินระดับราคาไปไกลมาก ไม่ว่าจะเป็นไดรเวอร์เสียงแบบผสมผสาน (Hybrid) อันประกอบไปด้วย Dynamic Driver ที่โดดเด่นในย่านเสียงเบส และไดรเวอร์ Balanced Armature จากแบรนด์ดังอย่าง Knowles ที่โดดเด่นในย่านกลางใสและสูงคมทำให้เสียงที่ได้นั้นมีความยอดเยี่ยมฟังสนุกทุกแนวเพลง พูดได้ว่าหากมองหา True Wireless เสียงดีที่ราคาไม่แพงต้องห้ามพลาด

และไม่เพียงแค่เรื่องเสียงที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นแต่ฟังก์ชันการใช้งานก็จัดเต็มทั้งการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ที่ภายในเลือกใช้ Chipset Qualcomm QCC3040 รองรับการส่งสัญญาณไร้สายคุณภาพสูง aptX Adaptive ลดความหน่วงขณะดูหนังออนไลน์หรือเล่นเกมออนไลน์ (Low-Latency) ได้เป็นอย่างดี จะใส่ออกกำลังกายก็ไม่กลัวเหงื่อและน้ำสาดด้วยมาตรฐาน IPX5 และแบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 60 ชั่วโมงที่นานแทบจะที่สุดของระดับราคาและในวงการขณะนี้ ไม่เพียงเท่านั้นเคสชาร์จยังรองรับการชาร์จไร้สาย (Wireless Charge) อีกด้วย

การลงมาจับตลาดหูฟังราคาเบา - กลางของแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Jabra ทำให้ หูฟัง Jabra Elite 2 True Wireless นั้นไม่เพียงจะมาในราคาไม่เกิน 5,000 บาทแต่อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชันการใช้งานจาก Jabra ที่เกินราคาไปไกลอย่างแน่นอน โดยออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ Jabra แต่มีงบไม่ถึงรุ่นเก่าๆ ที่อยู่ในระดับกลางไปถึงพรีเมียมเป็นส่วนใหญ่ มาพร้อมรูปร่างหน้าตาสุดพรีเมียม สวมใส่ง่าย กระชับและเบาสบายหู เชื่อมต่อไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดให้สัญญาณที่มีความเสถียร รับชม YouTube, Netflix, Disney+ hotstar ได้ไม่ดีเลย์

รับเสียงสนทนาได้คมชัดทุกการติดต่อตามสไตล์ของแบรนด์ Jabra ด้วยไมโครโฟนถึง 2 ตัว อีกทั้งยังตอบโจทย์สาย Sport ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP55 ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานและแนวเสียงได้อิสระผ่าน App Jabra Sound+ รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 7 ชั่วโมงและชาร์จจากเคสอีก 2 ครั้งรวมเป็น 21 ชั่วโมง เรียกได้ว่าคุ้มค่าครบครันจัดเต็มแน่นอน

ต่อกันกับ หูฟังไร้สาย True Wireless จาก Jabra อีกรุ่นที่เพิ่มเงินมาอีกนิดแต่รับรองว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เพิ่มเข้ามาอย่างแน่นอนกับ หูฟัง Jabra Elite 3 True Wireless ที่ภาพรวมนั้นมีความคล้ายคลึงกับรุ่น Jabra Elite 2 ทั้งหน้าตาและสเปคแทบทุกอย่างเปรียบดั่งกับพี่น้องคลานตามกันมา แต่ Jabra Elite 3 นั้นถือเป็นพี่ใหญ่กว่าเพราะมาพร้อมสเปคที่เหนือกว่าไม่ว่าจะเป็น ไมโครโฟนสำหรับสนทนาถึง 4 ตัว, แบตเตอรี่ที่อึดกว่าอีก 7 ชั่วโมงรวมเป็น 28 ชั่วโมง และตอบโจทย์ผู้ที่ชอบฟังเพลงคุณภาพสูงแบบไร้สายด้วยการรองรับ Codec เสียงไร้สายคุณภาพสูงอย่าง aptX รวมถึงยังมาพร้อมฟังก์ชัน Hear through สำหรับรับเสียงจากภายนอกโดยไม่ต้องถอดหูฟังออกอีกด้วย

มาต่อกันกับ หูฟัง True Wireless Huawei แบรนด์ดังที่ไม่ได้มีที่ยอดเยี่ยมเพียงแค่ Smartphone เท่านั้น แต่ส่วนของ หูฟัง True Wireless ก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้กันกับ หูฟังไร้สาย Huawei FreeBuds 4i True Wireless หูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ In-Ear ตัวนี้ที่แม้จะมาพร้อมราคาเบาๆ แต่กลับโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบเดียวกับหูฟังเรือธงจากทางแบรนด์ พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันทั้งขนาดที่กะทัดรัดและน้ำหนักที่เบาเพียง 5.5 กรัม ควบคุมด้วยระบบสัมผัสและเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ สามารถตั้งค่าคำสั่งได้ผ่าน App Huawei AI Life

ด้านการเชื่อมต่อใช้ Bluetooth 5.2 รุ่นใหม่ล่าสุด ใช้งานแยกข้างได้อย่างอิสระเก็บอีกข้างที่ไม่ใช้เข้าเคสได้ตลอดเวลา ด้านการตัดเสียงก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม ถ้าเปิด ANC และเปิดเพลงที่ระดับเสียง 40-50% ก็แทบไม่ได้ยินเสียงรอบข้างแล้ว ส่วนโหมดรับเสียงภายนอกให้เสียงผ่านเข้ามาได้ถึง 80% ใช้สนทนาได้ปกติโดยไม่ต้องถอดหูฟังออก ภายในให้ไมโครโฟนมาข้างละ 2 ตัว รับเสียงได้คมชัดและยังสามารถตัดเสียงแทรกได้ดี

เป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตา และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในขณะนี้กับ ZMI ที่นอกจากหูฟัง True Wireless รุ่น ZMI PurPods จะทำได้ยอดเยี่ยมแล้ว เพิ่มงบขึ้นมาหน่อยกับ หูฟัง ZMI PurPods Pro True Wireless รับรองได้ว่าคุ้มเกินราคาอย่างแน่นอน เพราะมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติมที่จัดเต็มในระดับที่ว่าหากมีงบไม่เกิน 5,000 บาทก็ต้องมีรุ่นนี้เป็นตัวเลือกด้วยอย่างปฏิเสธไปไม่ได้ โดย ZMI PurPods Pro โดดเด่นด้วยฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะการตัดเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยม ลดเสียงรบกวนลงไปได้ถึง 35 dB เชื่อมต่อไร้สายได้เสถียร

ควบคุมที่ง่ายดายผ่านปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัสพร้อมด้วยเซนเซอร์เล่น/หยุดอัตโนมัติตามการสวมใส่ ใช้งานสนทนาได้อย่างคมชัดด้วยไมโครโฟนถึง 6 ตัว ตอบโจทย์สาย Sport ด้วย มาตรฐานกันละอองน้ำและเหงื่อ IPX4 ฟังเพลงสนุกทุกสถานการณ์และสภาพแวดล้อมด้วยระบบ EQSmart ที่จะปรับเสียงตามเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง รวมถึงยังรองรับการใช้งานร่วมกับ App ZMI Hear สำหรับปรับตั้งค่าเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการ มาพร้อมฟังก์ชันชาร์จเร็วโดยใช้เวลาในการชาร์จ 5 นาทีใช้งานได้ถึง 2 ชั่วโมง และเคสชาร์จรองรับการชาร์จไร้สาย

อีกรุ่นที่อยากมาแนะนำกันในระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาท กับ หูฟัง Edifier TWS 330 NB True Wireless รุ่นนี้จากแบรนด์ Edifier นั้นโดดเด่นในเรื่องของการตัดเสียงรบกวน ที่ตัดเสียงได้เงียบสนิทและสามารถตัดเสียงจากภายนอกได้มากถึง 38dB เลยทีเดียว และนอกจากจะตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีแล้ว ยังสามารถตัดเสียงแทรกหรือเสียงรบกวนขณะคุยโทรศัพท์ได้เป็นอย่างดีด้วย AI Phone Call Noise-Cancellation ที่ทำให้สนทนาได้อย่างชัดเจนทุกสถานณการณ์ ส่วนการเชื่อมต่อนั้นใช้เล่นเกมได้ลื่นไหลไม่ดีเลย์ด้วย Game Mode ที่ลด Latency หรือความหน่วงให้เหลือเพียงเสี้ยววินาทีหรือ 80ms เท่านั้น ใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ไม่กลัวทั้งเหงื่อ ละอองน้ำ รวมถึงฝุ่นด้วยมาตรฐาน IP54

มาต่อกันด้วยหูฟัง True Wireless ที่เป็นเหมือนรุ่นลูกของ Sony WF-1000XM4 กับ หูฟัง Sony WF-C500 True Wireless ที่มาพร้อมรูปร่างหน้าตาแบบเดียวกับรุ่นเรือธง จะแตกต่างก็ตรงที่วัสุด สีสัน และฟังก์ชันการใช้งานภายในที่แม้จะไม่เท่ารุ่นเรือธง แต่ก็ต้องบอกเลยว่าจัดเต็มไม่แพ้กัน โดย Sony WF-C500 พกพาเอาฟังก์ชันเด่นมาแบบอัดแน่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบที่คำนึงถึงหลักสรีรศาสตร์ และผลจากการวิจัยมานานหลายปีทำให้ได้รูปทรงที่สวมใส่สบายมากที่สุด รวมถึงยังมาพร้อมขนาดที่เล็กกะทัดรัดใส่ในกระเป๋าเสื้อได้สบายๆ พร้อมสีสันสดใสให้ได้เลือกกันถึง 4 สี

ด้านการเชื่อมต่อนั้นจะเป็น Bluetooth 5.0 ที่เชื่อมต่อได้ง่ายทั้ง Android และ Windows ด้วย Google Fast Pair และ Swift Pair ใช้งานแยกข้างซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระรวมถึงใช้ ดูหนัง เล่นเกม ได้ลื่นไหลไม่ดีเลย์ ส่วนของไมโครโฟนรับเสียงได้คมชัด รองรับการสั่งการผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ รองรับการใช้งานร่วมกับแอปฯ Sony | Headphones Connect รวมถึงมาพร้อมเทคโนโลยีปรับปรุงเสียงให้ใกล้เคียง Hi-Res อย่าง Digital Sound Enhancement Engine (DSEE) และยังสามารถปรับ EQ ได้อย่างอิสระ ใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ด้วยมาตรฐานกันละอองน้ำและเหงื่อ IPX4 และแบตเตอรี่ที่ให้มาแบบจุใจ ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 10 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 10 ชั่วโมงรวมทั้งหมดเป็น 20 ชั่วโมง

เพียงแค่ชื่อแบรนด์ก็รู้ได้เลยว่ามาพร้อมฟังก์ชันสุดล้ำจัดเต็มแน่นอนกับแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Sennheiser กับ หูฟัง Sennheiser CX200 True Wireless ที่รุ่นนี้เรียกได้ว่าครบถ้วนจบในตัวเดียว ด้วยฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็มตามสไตล์แบรนด์ Sennheiser ทั้งเรื่องเทคโนโลยี สเปค และแนวเสียงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของแบรนด์ Sennheiser ด้วยไดรเวอร์แบบพิเศษซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะอย่าง TrueResponse Transducer พร้อม Equalizer สำหรับปรับเสียงให้เข้ากับแนวเพลงที่ฟังอยู่ภายในตัวแบบ Built-In รวมถึงฟังก์ชัน Bass Boost เพิ่มเบสให้กระหึ่มถึงใจ

ใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องคอยชาร์จบ่อยๆ ด้วยแบตเตอรี่ที่มีระยะการใช้งานรวมทั้งหูฟังและเคสชาร์จนานถึง 27 ชั่วโมง ควบคุมสะดวกเพียงปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส เชื่อมต่อเสถียรรองรับ Codec เสียงไร้สายคุณภาพสูงเทียบเท่ากับการฟังจาก CD อย่าง aptX สวมใส่แน่นกระชับสบายหูด้วยการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ตอบโจทย์สายออกกำลังกายด้วยมาตรฐานกันละอองน้ำและเหงื่อ IPX4 เรียกได้ว่าเป็น หูฟัง True Wireless ที่ฟังก์ชันครบแบบที่พลาดไม่ได้

ถ้าพูดถึง หูฟังไร้สาย True Wireless ในระดับราคาไม่เกิน 5,000 บาทแล้วจะไม่พูดถึงหูฟังรุ่นที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ก็คงไม่ได้กับ หูฟัง Marshall Minor III True Wireless หูฟัง True Wireless ที่หลายๆ คนรอคอยและต่างหลงรักกับความโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาที่ผสมผสานความทันสมัยและความคลาสสิคเอาไว้ภายในตัว รวมถึงด้านฟังก์ชันการใช้งานก็ทันสมัยและครบถ้วนไม่แพ้รุ่นไหนๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งก็พูดได้ว่าเป็นเพราะมาตรฐานของแบรนด์ Marshall ที่หลายๆ คนหลงรักนั่นเอง ด้านรายละเอียด หูฟัง Marshall MINOR III True Wireless มีขนาดเล็กกะทัดรัดสวมใส่สบาย เชื่อมต่อไร้สายทันสมัยดูหนังออนไลน์ไม่ดีเลย์ เล่นเกมลื่นไหลสบายๆ แทบไม่ดีเลย์ ไมค์รับเสียงคมชัด ควบคุมสะดวกเพียงปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส และยังมาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ ตอบโจทย์สายออกกำลังกายด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX4 และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวๆ 5 ชั่วโมง รวมเคสชาร์จเป็น 25 ชั่วโมง งานนี้ใครเป็นแฟนมาร์แชลและอยากได้ True Wireless เสียงดีฟังก์ชันครบถ้วนสักตัว ห้ามพลาด!

และรุ่นสุดท้ายจากแบรนด์ Anker ที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้ว่านอกจาก Power Bank หรืออุปกรณ์เสริมมือถือที่ได้รับความนิยมมากๆ แล้วนั้น ด้านหูฟัง True Wireless ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาและทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ไม่แพ้แบรนด์และรุ่นไหนๆ อย่างแน่นอน โดย Anker Soundcore Liberty Air 2 Pro มีน้ำหนักที่เบาเพียงข้างละ 5.2 กรัมเท่านั้น ใส่ได้สบายมากๆ เชื่อมต่อไร้สายได้อย่างลื่นไหลใช้งานแบบแยกข้างซ้าย-ขวาได้อิสระ โดดเด่นในด้านการตัดเสียงรบกวนที่ตัดเสียงรอบข้างออกไปได้เงียบสนิทและไม่ทำให้หูอื้อ ปรับเปลี่ยนโหมดได้ถึง 3 โหมด

ด้านการควบคุมก็ง่ายดายด้วยระบบสัมผัส เพิ่ม-ลดเสียงได้ที่ตัว พร้อม Wearing Detection เล่น-หยุดเพลงตามการสวมใส่ มาพร้อมไมโครโฟนถึง 6 ตัวทำหน้าที่ทั้งส่วนของการตัดเสียงรบกวนและส่วนของการรับเสียงสนทนาพร้อม Uplink Noise Reduction ที่จะตัดเสียงแทรกที่ไม่ต้องการออกไปให้เหลือเพียงเสียงสนทนาที่คมชัด สำหรับสาย Sport หรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายก็หมดห่วงด้วยฟังก์ชันกันละอองน้ำและเหงื่อมาตรฐาน IPX4 และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานถึง 7 ชั่วโมง ชาร์จเพิ่มจากเคสได้เป็น 26 ชั่วโมงรวมถึงเคสยังรองรับการชาร์จไร้สาย Wireless Charge อีกด้วย