มินิรีวิว Amazfit GTS 2 mini Smartwatch
4 ธ.ค. 2563
![มินิรีวิว Amazfit GTS 2 mini Smartwatch](https://mercular.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/images/articles/2020/12/mini10.jpg)
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาสำหรับนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่จาก Amazfit ที่มาในชื่อว่า Amazfit GTS 2 mini โดยเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์จากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Amazfit GTS 2 โดยมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม กะทัดรัดเป็นอย่างมาก แถมยังน้ำหนักเบา มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 220 mAh ที่สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 21 วันเลยทีเดียว มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีชมพู สีเขียว และสีดำ มีราคาอยู่ที่ 699 หยวน (ประมาณ 3,220 บาท) ขณะนี้วางจำหน่ายอยู่ภายในประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
![Amazfit GTS 2 mini Smartwatch รีวิว](https://mercular.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/images/products/2020/12/mini7.jpg)
สิ่งที่ทำให้สมาร์ทวอทช์ Amazfit GTS 2 mini แตกต่างจากรุ่นปกติคือหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.55 นิ้ว ความละเอียด 354 x 306 พิกเซล ซึ่งรุ่นปกติจะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 1.65 นิ้ว ส่วนฟีเจอร์การใช้งานอื่น ๆ ยังคงเหมือนกับรุ่นปกติ ด้วยขนาดของหน้าจอที่เล็กลง ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยการใช้งานอย่างหนัก แบตเตอรี่จะใช้งานได้ประมาณ 7 วัน ส่วนการใช้งานปกตินั้นจะอยู่ที่ประมาณ 14 วัน แต่หากผู้ใช้งานเปลี่ยนเป็นโหมดประหยัดพลังงานจะทำให้ใช้งานได้สูงสุดถึง 21 วันเลยทีเดียว การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ยังคงทำได้ผ่านเทคโนโลยี Bluetooth 5.0
ส่วนฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ ภายในตัวอุปกรณ์ สามารถทำได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ปรับเปลี่ยนได้กว่า 50 รูปแบบ ติดตั้งระบบประเมินสุขภาพ PAI, เซนเซอร์ตรวจจับสุขภาพต่าง เช่น ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ตรวจจับการนอนหลับ, ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด เป็นต้น พร้อมโหมดออกกำลังกายที่หลากหลายกว่า 70 ชนิด รองรับการใช้งาน GPS รองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่น Zepp และผ่านการรับรองมาตรฐานกันน้ำที่ระดับ 5ATM สามารถสวมใส่ขณะอาบน้ำหรือว่ายน้ำได้อย่างสบาย
![Amazfit GTS 2 mini Smartwatch ราคา](https://mercular.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/images/products/2020/12/mini8.jpg)
นอกจากนี้ Amazfit ยังได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์พร้อมกันอีกรุ่นในชื่อว่า Amazfit Pop Pro โดยมีราคาอยู่ที่ 399 หยวน (ประมาณ 1,840 บาท) ซึ่งมีดีไซน์ภายนอกที่เหมือนกับรุ่นปกติทั้งหมด (หรือในอีกชื่อคือ Amazfit Bip U) ด้วยหน้าจอขนาด 1.43 นิ้วแบบเหลี่ยม ใช้หน้าจอ LCD พร้อมโหมดออกกำลังกายกว่า 60 รูปแบบ ได้รับการรับรองมาตรฐานกันน้ำที่ระดับ 5ATM แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 9 วัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือติดตั้งชิป GPS ในตัวเพื่อความสะดวกในการใช้งานยิ่งกว่าเดิม ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป ในประเทศจีน และในขณะนี้พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ ที่สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้าได้จากด้านล่างเลยครับ