หลายๆคนที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายก็คงอยากจะซื้อ Fitness Tracker เป็นของตัวเองซึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าอุปกรณ์เพื่อสุขภาพแบบสวมใส่อย่าง Fitness Tracker จะได้รับความนิยมมากพอสมควรจากผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งที่เน้นสำหรับเช็กสุขภาพจริง ๆ หรือใส่ตามกระแส รวมถึงใส่เป็นเครื่องประดับ เนื่องจากปัจจุบัน มีให้เลือกเยอะมาก จนทำให้คนที่คิดจะ ซื้อ Fitness Tracker ไม่รู้ว่าต้องเลือกแบบไหน ถึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด เพราะเวลาจะออกกำลังกายทั้งที ก็อยากรู้ว่าเผาผลาญแคลอรี่ไปเท่าไร ออกกำลังมากี่ชั่วโมงแล้ว จะให้หยิบโทรศัพท์มาดูทุกครั้งก็ไม่สะดวก จะดีกว่ามั้ยหากมีอุปกรณ์ที่คอยดูการออกกำลังกายของเราได้ตลอดเวลา ใช้งานง่ายๆ แค่สวมใส่ข้อมือเหมือนนาฬิกา แถมใส่แล้วยังดูดีด้วยนะ ดูแพงไปอีก มาดูกันว่ารุ่นไหนที่ดีไม่แพงและน่าสนใจกัน

เริ่มต้นที่ Fitness Tracker แบรนด์ Echo

รุ่นนี้มาพร้อมกับจุดเด่นที่กันน้ำ ไม่ต้องกลัวแม้มีเหงื่อ และสวมลงน้ำได้เพราะกันน้ำในระดับ IP65 ลงน้ำได้ลึกถึง 1.5 เมตร รุ่นนี้วัดอัตราการเต้นหัวใจได้ มีการแจ้งการขึ้นบันไดโดยแจ้งเป็นจำนวนชั้นด้วยเทคโนโลยี Barometric altimeter บันทึกช่วงเวลาของการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง INTENSITY MINUTES หน้าจอสีระบบสัมผัส ความละเอียดสูง มองเห็นชัดแม้กลางแดดจ้าเป็นหน้าจอ OLED Screen:Touch button ปุ่มสัมผัส ติดตามข้อมูล Activity Tracker รองรับกิจกรรมการ วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน สามารถแจ้งเตือนและแสดงชื่อผู้โทรเข้า แสดงข้อความการแจ้งเตือน SMS, Line, Facebook ได้ และอีกฟีเจอร์คือระบบสั่นแจ้งเตือนเมื่ออยู่นิ่งนานจนเกินไป เพื่อให้เคลื่อนไหวร่างกาย

Fitbit แบรนด์คุณภาพที่ใครๆก็ถามหา

พูดถึง Fitbit ใครๆ ก็รู้จัก เพราะเป็นแบรนด์คุณภาพและขึ้นชื่อเรื่อง Fitness Tracker มานาน สำหรับรุ่นนี้มีจุดเด่นหลักๆ ที่ติดตามชีพจรตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเทคโนโลยี PurePulse® Heart Rate มี Sleep Stage ใช้ระดับชีพจรเพื่อตรวจวัดคุณภาพการนอนหลับ ติดตามการนอนหลับอัตโนมัติเพียงแค่ใส่ขณะนอนหลับ และติดตามกิจกรรมตลอดวัน นับก้าว คำนวณแคลอรี่และระยะทาง แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุดถึง 7 วัน ระบบแจ้งเตือน สายเรียกเข้า ข้อความ และ ปฏิทิน เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน และประกันศูนย์ไทยถึง 1 ปี ซึ่งถือว่าเป็นประกันที่นานเลยทีเดียว

Fitness Tracker แบรนด์ Xiaomi น้องใหม่มาแรง

สำหรับแบรนด์นี้ใครๆ ก็รู้จักดี เพราะนอกจากจะทำ Smartphone แล้ว ก็ยังมี Fitness Tracker ของตัวเองด้วย สำหรับรุ่นนี้มีจุดเด่นที่วัดอัตราหัวใจ วัดการหลับได้ มาพร้อมจอ OLED แสดงผล สีสด กันน้ำระดับ IP67 ใส่ลงน้ำได้สบาย พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 20 วัน ใครที่ชอบแบตทนๆก็ควรจะซื้อตัวนี้เลย

Nanotech Fitness Tracker รุ่นเก๋า

สำหรับรุ่นนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงมานาน มีจุดเด่นที่วัดอัตราการเต้นหัวใจ ฟิตเนสได้ แถมยังมีระดับการป้องกันน้ำ IP67 ใส่ว่ายน้ำได้ ไม่ต้องกลัวเหงื่อด้วย มาพร้อมหน้าจอ OLED Screen 0.96 นิ้ว เป็น Touch button ปุ่มสัมผัส ติดตามข้อมูล Activity Tracker รองรับกิจกรรมการ วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน แจ้งเตือนและแสดงชื่อผู้โทรเข้า มีโหมดการออกกำลังกายการเคลื่อนไหวแบตเตอรี่ 90mah ลิเธียมไอออนโพลิเมอร์ ชาร์จแล้วสามารถนำมาใช้ประมาณ 10 วัน ซึ่งถือว่ามีคุณสมบัติที่ค่อนข้างครบเลยทีเดียว

ตัวสุดท้าย Fitness Tracker แบรนด์ Under Armour

เป็นแบรนด์กีฬาชื่อดังร่วมมือกับ HTC พัฒนาสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพรุ่น UA Band ออกมา โดยภายนอกเป็นสีดำและด้านในตกแต่งด้วยสีแดงซึ่งมีดีไซด์ที่สวยงาม มีฟีเจอร์ต่าง ๆ ครบครัน ทั้งการนับก้าว ตรวจสอบการนอน บันทึกข้อมูลการออกกำลัง เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth เพื่อควบคุมการเล่นเพลงและรองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน ทั้งยังกันน้ำได้ 20 เมตรอีกด้วย

เป็นยังไงกันบ้างตัดสินใจได้แล้วหรือยังว่าอยากจะซื้อ Fitness Tracker แนวไหนอกจากความเท่ ความเก๋ความหรูหราที่ใครๆก็อยากจะได้แล้ว สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าจะช่วยทุกคนประหยัดได้มากกว่า นั่นก็คือการเลือกตามจุดประสงค์การใช้งาน ตามความเหมาะสม ไม่ต้องเลือกที่แพงเกินความจำเป็นเพราะจะทำให้อาจจะผิดจุดประสงค์การใช้งานนั่นเอง นอกจากจะประหยัดได้อีกแล้ว ยังเป็นการฝึกนิสัยการใช้เงินที่ดีกับตัวเองอีกด้วย นับว่า Fitness Tracker แต่ละรุ่นที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ดูน่าใช้มากเลยทีเดียว เพราะมีทั้งความโดดเด่นในเรื่องของงานออกแบบและการใช้งานมากเลยทีเดียว ใครที่คิดจะซื้อ Fitness Tracker หรือ Wearable Device อื่นๆก็ลองพิจารณาถึงความต้องการของตัวเองให้ดี ๆ จะได้ซื้อแบบที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้ใช้ได้อย่างยาวนานนั่นเอง