เปรียบเทียบ รีวิว Creative G6 VS G5 ต่างกันอย่างไร?
26 ธ.ค. 2561
หลังข่าวการเปิดตัวการ์ดเสียงตัวท็อปอย่าง Creative Sound BlasterX G6 เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดเป็นกระแส ทำให้ใครหลายๆคนต่างเฝ้ารอว่าเจ้า Sound BlasterX G6 รุ่นใหม่ จะมีฟังก์ชันการใช้งานอะไรเด็ดๆบ้าง และมีการพูดคุยกันไปต่างๆ นาๆ ภาพตัดกลับมาที่ปัจจุบันซึ่ง Creative G6 การ์ดเสียงตัวท็อปได้วางขายอย่างเป็นทางการแล้วในราคา 5,790 บาท โดยราคานี้แทบไม่ได้มากหรือน้อยไปกว่ารุ่นเดิมอย่าง Creative Sound BlasterX G5 เลย หลายๆคนจึงสงสัยว่ารุ่นใหม่อย่าง G6 จะมีฟังก์ชันเด่นๆเพิ่มเติมหรือไม่? บทความนี้ทีมงาน Mercular.com เตรียมคำตอบ พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Creative G6 และ G5 มาให้เรียบร้อยแล้วครับ มาติดตามกันเลย
ทำความรู้จัก Creative G6 กันก่อน
สำหรับซาวด์การ์ด Creative G6 ต้องบอกเลยว่ามีการอัพเกรดขึ้นมาจากเดิมค่อนข้างเยอะ แม้รูปร่างหน้าตาจะเหมือนเดิม แต่ฟังก์ชันภายในถือว่าอัดมาให้ค่อนข้างเต็ม เริ่มจากตัวชิปเสียง (DAC) ภายใน ที่ให้ความละเอียดได้สูงสุด 32-bit/384kHz มาพร้อมตัวขับเสียง (AMP) ซึ่งทางแบรนด์เรียกเป็นเทคโนโลยี Xamp ที่จะช่วยขับเสียงได้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถขับความต้านทานได้ตั้งแต่ 1 ohm ถึง 600 ohm เลยทีเดียว ซึ่งการ์ดเสียงในตลาดทั่วไป จะเริ่มต้นขับที่ ประมาณ 2.2 ohm เท่านั้นเอง ตรงนี้จะช่วยให้เราได้ยินเสียงรายละเอียดได้ชัดเจนมากขึ้น หูฟังตัวไหนขับยาก มาเจอตัวนี้ก็ขับได้หมด โดยรวมแล้วเฉพาะเรื่องเสียงอย่างเดียวมาครบทั้งภาค DAC และ Amp เลยนั่นเอง
นอกจากนี้ Creative G6 ยังมาพร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Audio ที่ช่วยให้การถอดรหัสเสียงมีความสมจริง จำลองเสียงรอบทิศทาง ทั้งแบบ 5.1 channel และ 7.1 channel เลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้จะให้เสียงบรรยากาศโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต้องใช้คำว่า “สมบูรณ์แบบ” เลยทีเดียว เพราะจากที่ทดสอบ เสียงฝีเท้า เสียงปืน (รวมถึงการเปลี่ยนกระสุน) มาครบ และแม่นยำ ในขณะเดียวกันเสียงอื่นๆที่อาจเป็นตัวแปรในการเปลี่ยนเกมอย่างพวกเสียงเปิดกระป๋องน้ำ (เกม PUBG) เองก็มา ถ้าเข้าระยะแล้วฝั่งตรงข้ามกำลังดื่มน้ำละก็...ไม่พลาดแน่นอนจ้า
จบเรื่องเสียงกันไปแล้ว มาถึงโหมดการใช้งานบ้าง...Creative G6 ซาวด์การ์ดตัวท็อปยังคงมี Scout Mode เช่นเดิม ที่จะช่วยให้เราได้ยินเสียงรายละเอียดดีขึ้น ไกลขึ้น อีกทั้งยังใช้งานร่วมกับโปรแกรม Sound Blaster Connect เพื่อปรับเสียงได้อีกด้วย เด็ดดวงจริงๆ สำหรับใครที่ไม่ได้เล่นคอมพิวเตอร์ หรือ PC บ่อย ไม่ต้องน้อยใจไป เพราะรอบนี้ทางแบรนด์จัดมาให้สมใจอยาก สามารถเชื่อมต่อ Creative G6 ได้หลายแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น PC, Xbox One, PS4 หรือ Nintendo Switch นั่นเอง
ความแตกต่างระหว่าง Creative G6 VS G5
มาถึงหัวข้อที่หลายๆคนรอคอย...ซาวด์การ์ด G6 และ G5 ต่างกันตรงไหนบ้าง อย่างแรกเลยคงหนีไม่พ้นเสียง ด้วยเสียงที่มีรายละเอียดดีกว่า จำลองทิศทางได้สมจริงกว่าด้วย Dolby Digital และชิปเสียงระดับ Audiophile Grade ที่มาพร้อม Xamp ยังไงก็ต้องยกให้ G6 เด่นกว่า G5 ในเรื่องเสียงจริงๆ นอกจากนี้ในเรื่องของการเชื่อมต่อดูเหมือนว่าจะไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ เพียงแต่ G6 จะสามารถต่อ Nintendo Switch ได้นั่นเอง ส่วนอื่นๆที่นอกเหนือจากนี้ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ปุ่มกด ช่องเชื่อมต่อ รวมถึงฟังก์ชัน Scout Mode ซึ่งเราสรุปความแตกต่างออกมาได้ดังนี้ครับ
- ย่านการขับเสียง G6 ทำได้ 32-bit/384kHz แต่ G5 ได้เพียง 24-bit / 192kHz
- กำลังขับ G6 ทรงพลังและหมดจดกว่า ด้วย Xamp บวกกับการทำงานร่วมกับภาค DAC
- ทิศทาง ความสมจริง แน่นอนว่า G6 ยังคงแม่นยำกว่า เพราะการเข้ามาของ Dolby Digital นั่นเอง
- การเชื่อมต่อใกล้เคียงกัน แต่ G6 สามารถต่อ Nintendo Switch ได้
สรุป
สำหรับทีมงานเอง มองว่าการ์ดเสียง Creative G6 เป็นการอัพเกรด ระหว่าง G5 และ E5 รวมกันมากกว่า เพราะสามารถใช้งานได้ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลงเลยทีเดียว เนื่องจากสเปคภายในค่อนข้างโหดอยู่ โดยรวมแล้วค่อนข้างครบเครื่องกว่าเดิม ใครกำลังมองหา Sound Card ที่ตัวเดียวจบ สามารถใช้งานได้ครบ Creative Sound BlasterX G6 ราคาเพียง 5,790 บาท อาจเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการตัดสินใจก็เป็นได้ หากให้เทียบตัวอื่นๆในตลาด คงจะมีเพียง Sennheiser GSX 1000 เท่านั้นที่พอจะสู้ได้ แต่จากราคาและสเปคแล้ว ยังไงทีมงานก็มองว่า G6 ได้เปรียบและมีความคุ้มค่ากว่าเยอะครับ
อย่างไรก็ดีเร็วๆนี้ ทีมงานจะทำ VDO Review Creative G6 ออกมา หากเพื่อนๆสนใจจะให้ทดสอบกับหูฟังตัวไหนเป็นพิเศษสามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ Facebook: Mercular.com ครับ ถ้าตัวไหนน่าสนใจ ทีมงานก็จะเทสให้ดูเลยนั่นเองครับ สำหรับบทความนี้หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย
