4 วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งาน

27 ม.ค. 2566

4 วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งาน

ใครที่กำลังอยากรู้เรื่องของเมมโมรี่การ์ด อยากทำความเข้าใจ และเรียนรู้ว่ามีกี่ประเภท การหาตัวที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราจะใช้งานต้องเลือกจากตรงไหน อย่างไรบ้างนั้น Mercular มาพร้อมกับคำตอบอย่าง 4 วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งาน รับรองเลยว่าคุณจะสามารถได้สิ่งที่จะตอบสนองคุณได้อย่างแน่นอนหลังจากที่อ่านบทความนี้จบลง

เมมโมรี่การ์ดคืออะไร ใช้ทำอะไร

วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่

สำหรับ เมมโมรี่การ์ดนั้น ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่ามันคือ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ถูกติดตั้งอยู่ข้างในอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊ค กล้องถ่ายรูปและกล้องวีดีโอ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการหน่วยความจำในการทำงานเพื่อเก็บหรือบันทึกข้อมูลเนื้อหาไม่ว่าจะเป็นรูป วิดีโอ หรือแม้แต่ไฟล์ต่าง ๆ ซึ่งตัวเมมโมรี่การ์ดนั้นดั่งเดิมทางแบรนด์จะใส่มาให้อยู่แล้ว แต่ว่าเรานั้นสามารถทำการซื้อเปลี่ยนได้หากอยากได้ความจำที่มากขึ้นกว่าเดิม โดยตัวเมมโมรี่การ์ดนั้นก็จะมีขนาดที่เล็ก สามารถพกพาและเปลี่ยนได้อย่างสะดวก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องพกติดตัวเอาไว้ไม่ต่างกับแบตเตอรี่ของอุปกรณ์เลยทีเดียว

ประเภทของเมมโมรี่การ์ด

สำหรับประเภทเมมโมรี่การ์ดนั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ ถึง 4 ประเภทด้วยกัน ซึ่งทั้ง 4 ประเภทที่มีอยู่ในบทความนี้นั้นก็ได้แก่


1. SD Card

2. Micro SD Card

3. CF Card

4. XQD Card


เพราะฉะนั้นมาเรียนรู้ว่าแต่ละประเภทนั้นมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน ไปดูกันเลย

1. SD Card

มาเริ่มกันที่ตัวแรก อันเป็นเมมโมรี่การ์ดที่คุ้นหน้าคุ้นตา และผ่านการสัมผัสมามากมายที่สุด นั่นก็คือ SD Card นั่นเองครับ ซึ่งสำหรับเจ้าการ์ดแบบนี้มีชื่อเต็มว่า Secure Digital Card คือเมมโมรี่การ์ดที่ได้รับการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และยังมีประเภทแยกย่อยอีก 3 แบบ นั่นก็คือ 


1. SD หรือชื่อเต็มว่า Secure Digital Standard Capacity ให้ความจุตั้งแต่ 2GB ลงไป

2. SDHC หรือชื่อเต็มว่า Secure Digital High Capacity ให้ความจุตั้งแต่ 4 - 32GB

3. SDXC หรือชื่อเต็มว่า Secure Digital eXtended Capacity ให้ความจุตั้งแต่ 32GB - 2TB


ซึ่งตัวเมมโมรี่นั้นก็ให้ Class ความเร็วที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้ใช้งานก็สามารถทำการเลือก Class ที่เรานั้นต้องการได้อีกด้วย ซึ่ง Class ที่สามารถเลือกได้นั้นก็คือ 


Class 2 ให้ความเร็วในการเขียนขั้นต่ำ 2MB/s 

Class 4 ให้ความเร็วในการเขียนขั้นต่ำ 4MB/s

Class 6 ให้ความเร็วในการเขียนขั้นต่ำ 6MB/s

Class 10 ให้ความเร็วในการเขียนขั้นต่ำ 10MB/s


เพราะฉะนั้นก่อนจะเลือกซื้อไปใช้งานนั้นก็ควรดูให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ก่อนว่าเมื่อใส่แล้ว ตัวความเร็วของการ์ดจะช่วยให้อุปกรณ์ของเรานั้นสามารถแสดงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้หรือไม่


เหมาะกับการใช้งานอะไร


สำหรับ SD Card นั้น ก็เหมาะที่จะนำไปใช้งานร่วมกับกล้องได้เกือบทุกรุ่นทุกยี่ห้อกันเลยล่ะครับ เรียกได้ว่าใครที่อยากเป็นตากล้องไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือวิดีโอ เจ้า SD Card นั้นคือ ตัวรับจบ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิทัล, วิดีโอ และกล้องอื่น ๆ ก็ตาม หากดูขนาดช่องเสียบการ์ดว่าเป็น SD Card แล้วล่ะก็ จัดมาเลยทีเดียวจบ


วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่

2. Micro SD Card

ต่อมากับ Micro Secure Digital Card หรือชื่อที่เรียกกันติดปากว่า Micro SD Card ถือว่าเป็นการ์ด SD Card ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตัวพื้นฐานทั่วไป ซึ่งทางด้านความจุของตัวการ์ดนี้ก็ไม่ได้เล็กลงตามขนาดตัว ถือว่าเป็นรุ่นที่สามารถซื้อได้ง่ายเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมาพร้อมกับตัวอะแดปเตอร์ที่ช่วยให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่ไม่มีช่องสำหรับ Micro SD Card อีกด้วย โดยสำหรับประเภทย่อยและ Class ความเร็วนั้นก็เหมือนกันกับ SD Card ทุกอย่างเลย เพียงแต่ขนาดเล็กลงเท่านั้นครับ ซื้อมาแล้วอย่าลืมหาที่เก็บให้เข้าที่เข้าทาง เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะสูญหายได้ง่าย ๆ ครับ


เหมาะกับการใช้งานอะไร


สำหรับการใช้งาน Micro SD Card นั้น มักจะถูกนำไปใช้กับ โดรน, สมาร์ทโฟน, กล้อง GoPro ต่าง ๆ หรือแม้แต่กล้องดิจิตอลทั่วไป ถ้ารุ่นไหนสามารถรองรับ ก็สามารถใช้งานเจ้า Micro SD Card ได้เช่นกัน และอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น นั่นก็คือ ตัวการ์ดชนิดนี้ มาพร้อมกับ อะแดปเตอร์ ที่ช่วยให้สามารถนำไปเสียบใช้งานกับอุปกรณ์ที่ใหญ่ขึ้นอย่างคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คได้อีกด้วยครับ

วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่

3. CF Card

ตัวต่อมานั่นก็คือ CF Card เมมโมรี่การ์ดที่มีรูปแบบเป็นสี่เหลี่ยม สามารถเลือกใช้งานได้ถึง 2 ชนิด ซึ่งการดูชนิดนั้นก็จะดูจากความหนาของตัวเมมว่ามีขนาดเท่าไหร่ โดยทั้ง 2 ชนิดสามารถแบ่งได้ตามนี้ครับ 


Type I มีความหนา 3.3 มิลลิเมตร

Type II มีความหนา 5 มิลลิเมตร


เหมาะกับการใช้งานอะไร


CF Card ถือว่าเป็นเมมโมรี่การ์ดที่มีความเร็วในการทำงานค่อนข้างสูง นิยมใช้กับกล้อง DSLR ซึ่งปัจจุบันนั้นความนิยมในการใช้งานได้ถดถอยลงไปตามกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว และยังสามารถนำไปใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเช่น คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก (PDA) และเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา ได้อีกด้วยครับ

4. XQD Card

และ XQD Card เมมาโมรี่การ์ดตัวใหม่ล่าสุดที่ทางแบรนด์ Sony นั้นเป็นผู้ผลิตออกมาสู่ตลาดโลก โดยมีรูปร่างคล้าย SD Card แต่มีความหนาคล้าย CF Card พร้อมด้วยความเสถียรต่อการใช้งานที่มากขึ้น แต่ด้วยความที่อุปกรณ์รองรับนั้นแทบไม่มี จึงยังไม่เป็นที่นิยมในการใช้งาน


เหมาะกับการใช้งานอะไร


สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานร่วมกับ XQD Card ตัวนี้ได้นั้นก็คือ กล้อง DSLR อย่าง Nikon D4, D4s เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้นครับ รู้แล้วสินะ ว่าทำไมเจ้าเมมโมรี่การ์ดตัวนี้ ถึงไม่ได้รับความนิยมในการใช้งาน


เอาล่ะครับ ตอนนี้เรานั้นก็รู้จักประเภทของเมมโมรี่การ์ดหลัก ๆ กันไปแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาแล้ว ที่จะมาดูกันว่า ถ้าเราอยากได้ตัวเมมโมรี่การ์ดที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อความต้องการในการใช้งานของเรานั้น จะต้องเลือกกันยังไงบ้าง

วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่

วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่

สำหรับใครก็ตามที่ยังคงเป็นมือใหม่นั้น การจะตัดสินใจซื้อเมมโมรี่การ์ดมาใช้งานเพิ่มไม่ว่าจะเอาไปในกับอุปกรณ์อะไรก็ตามแต่นั้น ก็สามารถเลือกได้ตามนี้เลยครับ


1. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ใช้เมมโมรี่การ์ดแบบใด


ก่อนที่จะเดินกำเงินเข้าร้านไปซื้อเมมโมรี่การ์ดมาใช้งานเพิ่ม อันดับแรกคุณนั้นต้องทำการตรวจสอบก่อนว่าอุปกรณ์ที่คุณใช้อยู่นั้น เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเข้ากันได้กับเมมโมรี่การ์ดแบบใด ไม่ว่าคุณนั้นจะใช้อุปกรณ์อย่าง กล้อง, วิดีโอความละเอียดสูง, โดรน, เกมคอนโซล, สมาร์ทโฟน, กล้อง GoPro หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า เมมโมรี่การ์ดที่อยู่ในอุปกรณ์นั้นเป็นแบบไหน เพื่อที่จะสามารถซื้อมาแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องเดินกลับไปซื้อใหม่เพราะว่าหยิบมาผิดรุ่น


2. ความจุของเมมโมรี่การ์ด


แน่นอนว่าเป็นเรื่องพื้นฐานไปเสียแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เรานั้นต้องการเมมโมรี่การ์ดเพิ่ม นั่นหมายถึงว่า ตัวเก่าของเรามันไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ดังนั้นการซื้อเมมตัวใหม่ที่ให้ค่าของความจุสูงกว่าเดิม จึงเป็นสิ่งที่ควรทำครับ เพื่อให้อุปกรณ์ของเรานั้นสามารถเก็บไฟล์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง

3. ค่าการอ่านข้อมูลของเมมโมรี่การ์ด 


สำหรับลำดับต่อมานั้นก็คือการเลือกซื้อเมมโมรี่การ์ดจากค่าการอ่านข้อมูลของการ์ด ซึ่งจะมีทั้งแบบที่โชว์บรรทัดเดียว และสองบรรทัด หากการ์ดตัวไหนที่โชว์เพียงบรรทัดเดียว นั่นเท่ากับว่า รับได้แค่ค่าการอ่าน ส่วนถ้ามีเลขสองบรรทัดนั้นก็คือ ตัวการ์ดที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้นั่นเอง 


4. ค่าความเร็วของตัวเมมโมรี่การ์ด


และสำหรับวิธีสุดท้ายนั้นก็คือ การดูค่าความเร็วของตัวเมมโมรี่การ์ดนั่นเองครับ ว่าเหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ของคุณหรือไม่ โดยหากเป็นความเร็ว C2 ก็จะสามารถถ่ายวิดีโอได้ตามมาตรฐาน, C4 สามารถถ่ายวิดีโอได้ตามมาตรฐาน และในส่วนของการถ่ายวิดีโอนั้นจะสามารถให้ความชัด Full HD ได้, C6 และ C10 นอกจากจะถ่ายวิดีโอได้ตามมาตรฐานแล้วยังสามารถถ่ายวิดีโอ Full HD และ 4K ได้สบาย ๆ เลยล่ะครับ

วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 4 วิธีเลือกเมมโมรี่การ์ดสำหรับมือใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งาน ที่ทาง Mercular นั้นนำมาเสนอให้กับทุกคนที่เป็นมือใหม่ในการเลือกซื้อเมมโมรี่ได้รู้กัน ก็ถือว่าเป็นทริกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะสามารถช่วยให้มือใหม่นั้น สามารถเลือกใช้งานเมมโมรี่ตัวใหม่ให้กับแอุปกรณ์ของครุณได้ตามที่ต้องการ อย่าลืมนะครับ 4 วิธีง่าย ๆ นั่นก็คือ 1. ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ใช้เมมโมรี่การ์ดแบบใด 2. ความจุของเมมโมรี่การ์ด 3. ค่าการอ่านข้อมูลของเมมโมรี่การ์ด และ 4. ค่าความเร็วของตัวเมมโมรี่การ์ด รับรองเลยว่า เมมโมรี่การ์ดที่คุณได้มาจะต้องช่วยให้อุปกรณ์ของคุณนั้นใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ๆ ครับ

article-banner-1
article-banner-2