การอัพเกรดลำโพงให้เสียงดียิ่งขึ้น

30 ม.ค. 2561

การอัพเกรดลำโพงให้เสียงดียิ่งขึ้น

เคยไหม? ที่รู้สึกว่าชุดฟังเพลงที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะซื้อมาเอง หรือได้รับจากคนอื่น ซึ่งสภาพก็ยังดี จะเอามาฟังเลยก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่ ครั้นจะเอาไปทิ้งแล้วซื้อชุดใหม่ก็เสียดาย เลยอยากจะเอาชุดลำโพงที่มีอยู่มาปัดฝุ่นอัพเกรดทั้งในเรื่องของเสียง และการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหลายๆท่านก็ได้เข้ามาปรึกษากับทีมงาน Mercular.com เรื่องของการอัพเกรดชุดฟังเพลงที่มีอยู่ ทางทีมงานจึงได้รวมรวบข้อมูลและสรุปเป็น 7 ข้อควรลองสำหรับการอัพเกรดลำโพง เพื่อเป็นแนวทาง ปัดฝุ่น ชุดเครื่องเสียงให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง 

1. ปรับตำแหน่งลำโพง

ตำแหน่งของลำโพงและผู้ฟังมีผลต่อเสียงที่ได้ยินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลำโพงบ้าน ซึ่งในลำโพงหลายยี่ห้อการนั่งฟังในตำแหน่งที่เปลี่ยนไป เสียงที่จะได้ก็จะเปลี่ยนไปด้วย นั่นหมายความว่าคุณภาพของเสียงก็จะไม่เท่ากัน เช่นถ้ารู้สึกว่าเสียงเบสมากเกินไป หรือมีอาการบวม ให้ลองขยับลำโพง หรือตู้เบส(Subwoofer) ออกห่างจากผนังก็จะช่วยลดอาการบวมหรือหึ่งได้ หรือการนั่งฟังในตำแหน่ง Sweet Spot ของชุดฟังเพลงของเรา ก็จะทำให้ได้ยินรายละเอียดเสียงครบถ้วนขึ้นมาอีกขั้น และเสียงเปิดสุด ก็จะเราเข้าถึงอรรถรสในการฟังเพลงที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติม

2. เพิ่ม DAC

เป็นอีกตัวนึงที่มีผลต่อเสียงมากทีเดียว ถ้าเทียบชุดฟังเพลงที่ใช้กับไม่ใช่ DAC แยกภายนอก เสียงที่ออกมาจากลำโพงจะต่างกันมาก โดยเฉพาะรายละเอียดของชิ้นดนตรี โฟกัสและความเงียบสงัดของพื้นหลังเวลาเราฟังเพลง เสียงชิ้นดนตรีที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนก็จะออกมาอย่างหมดจด ทำให้เวลาเราฟังเพลงจะสัมผัสได้ถึงรายละเอียดของดนตรีมากขึ้น ซึ่งทำให้เพลงเพราะมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ DAC ยังช่วยเรื่องโฟกัสของเสียง ทำให้ชิ้นดนตรีจัดเรียงออกมาอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น จะไม่มีเสียงซ้อนทับกันหรือ คลุมเครือ ในแต่ละย่านอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม

3. ใช้ปลั๊กรางหรือเครื่องกรองไฟที่มีคุณภาพ

สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ระบบการจ่ายไฟที่ดีมีผลต่อการทำงานอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าชุดเครื่องเสียงก็เช่นกัน การใช้ปลั๊กราง หรือเครื่องกรองไฟที่มีคุณภาพจะทำให้วงจรต่างๆ โดยเฉพาะของ Amplifier และ DAC ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบจะส่งผลให้ได้เสียงที่ใส สะอาดมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าถ้า DAC ทำงานได้ดียิ่งขึ้นก็จะส่งผลให้ รายละเอียด โฟกัส รวมถึงเสียงพื้นหลังดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันเลยทีเดียว อีกทั้งปลั๊กรางที่ดีจะทำหน้าที่กันไฟกระชากอีกด้วย นอกจากจะทำให้ชุดฟังเพลงเสียงดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการรักษาหรือป้องกันชุดฟังเพลงให้เราอีกด้วย (หลายๆแบรนด์ถ้า Amplifier เสียจากไฟกระชากจะเคลมไม่ได้)

4. สายไฟ สายลำโพง สายสัญญาณไม่ควรละเลย

การเปลี่ยนสายต่างๆก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการอัพเกรดเสียง โดยเฉพาะสายไฟ สายสัญญาณ และสายลำโพง เพราะต่อให้อุปกรณ์แต่ละชิ้นเราดีแค่ไหน แต่ถ้าเราใช้สายที่ไม่ได้คุณภาพละก็เสียงก็จะไป คอขวด อยู่ที่สาย เพราะว่ามันเดินทางเป็นสายเดียวถ้ามันสูญเสียข้อมูลไประหว่างทางเสียงทั้งหมดก็จะไม่ดีไปด้วยครับ ลองนึกภาพจาก แอมป์ไปลำโพง ต่อให้เสียงออกจาก แอมป์ดีขนาดไหน แต่ถ้าสายไม่ดี พอไปถึงลำโพงเสียงก็จะ ไม่สุด อยู่ดี ซึ่งคุณผู้อ่านทุกท่าน สามารถอ่านเพิ่มเติมในส่วนของสายสัญญาณมีผลต่อเสียมากน้อยแค่ไหนได้ที่นี่ครับ

5. ขาตั้งหรือชั้นวางลำโพงก็มีผล

ขาตั้งหรือฐานรองลำโพงถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม หน้าที่โดยพื้นฐานของขาตั้งนั้นมีอยู่ 2 อย่าง คือ

1. ปรับให้ลำโพงอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการฟัง จะเห็นได้ว่าขาตั้งของลำโพง ยิ่งถ้าเป็นขาตั้งเฉพาะรุ่นจะมีการคำนวนมาแล้วว่าค่าเฉลี่ยของความสูงที่ลำโพงควรอยู่ควรเป็นเท่าไหร่ เพื่อจะให้ได้เสียงที่เข้าหูคนฟังแล้วดีที่สุด หรืออาจจะวางกับพื้นแต่มีการปรับมุมของหน้าลำโพงให้ยิงเสียงเข้าสู่หูเรามากขึ้น ก็จะทำให้ได้รายละเอียดที่ครบถ้วนมากขึ้นนั้นเอง

2. ทำให้ลำโพงอยู่นิ่งที่สุด โดยหลักแล้ว ถ้าขณะที่เล่นเพลงแล้วลำโพงมีการสั่น หรือขยับตำแหน่งไป จะทำให้เกิดเสียงเพี้ยนได้ ซึ่งทำให้รายละเอียดหรือความเที่ยงตรงของเสียงลดลง ดังนั้นจะสังเกตุได้ว่าพวกขาตั้งลำโพงมักจะเป็นพวกวัสดุที่ซับ หรือสลายแรงเพื่อให้ลำโพงอยู่นิ่ง โดยจะเห็นได้ชัดในขาตั้งลำโพงบ้านบางรุ่นที่มีการเททรายเข้าไปก็เพื่อซับแรงสั่นนั่นเอง

6. เอาตะแกรงปิดลำโพงออก

เคยสังเกตไหมว่าลำโพงหลายๆรุ่นตะแกรงกันฝุ่นสามารถถอดออกมาได้ หรือบางแบรนด์ก็ใช้เป็นแม่เหล็ก ทั้งนี้เพื่อให้สามารถถอดออกมาขณะที่ฟังเพลงได้ โดยตามหลักการถ้ามีวัสดุมากั้นระหว่างดอกลำโพงกับหูเราน้อยลง เสียงที่ได้ยินก็ควรจะครบถ้วนมากขึ้นครับ ซึ่งวิธีนี้ทำให้เสียงดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นนะครับ จะคาดว่าเอาออกแล้วเสียงจะแตกต่างเหมือนข้ออื่นๆไม่ได้

7. เพิ่ม Bluetooth Receiver

ข้อนี้จะเกี่ยวกับการใช้งานเป็นหลักครับ อุปกรณ์สมัยนี้แทบจะเชื่อมต่อไร้สายได้หมด ซึ่งไม่เสียหายที่เราจะทำให้ชุดฟังเพลงของเราใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกซื้อตัวรับสัญญาณที่ได้คุณภาพนะครับ เพราะถ้าซื้อเอาถูกเสียงที่ได้จะดรอปกว่าต่อสายไปเยอะจนไม่อยากฟังเลยทีเดียว สุดท้ายเราก็จะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเองครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับทั้ง 7 วิธีที่เราได้นำเสนอไป หากใครนำไปปรับใช้แล้วได้ผลอย่างไรบ้าง อย่าลืมมาแชร์ความคิดเห็นให้ฟังกันนะครับ สุดท้ายนี้หากชอบบทความ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ไปให้เพื่อนๆอ่านกันนะครับ สำหรับบทความหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น อย่าลืมกดติดตามที่ Facebook: Mercular.com นะครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2