ดูหนังที่ IMAX คุ้มไหม? ไปแล้วนั่งตรงไหนดีสุด? เป็นคำถามที่เหล่านักดูหนังต่างก็ต้องเคยถูกถาม หรือบางคนนั้นก็อาจจะคอยถามตัวเองตอนไปดูเช่นเดียวกัน เพราะถ้าไปดูทีนึงแพงเหลือเกิน ตีราคาก็ประมาณห้าร้อยต่อหนึ่งคน ไปสองคนก็พันนึง ไหนจะค่าป๊อปคอร์น ค่าน้ำ เท่ากับว่าไปดู IMAX ทีนึงต้องจ่ายไปประมาณพันบาท Mercular เลยจะบอกเคล็ดลับ วิธีดู IMAX ยังไงให้คุ้ม แล้วนั่งตรงไหนจะดีที่สุด ให้ทุกคนได้รู้กันครับ รับรองเลยว่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป จะได้ความสนุก คุ้มค่า กลับคืนมาอย่างแน่นอน

IMAX ย่อมาจาก Image Maximum เป็นชื่อของรูปแบบฟิล์มภาพยนตร์ อุปกรณ์การฉาย ตลอดจนโรงภาพยนตร์ ที่ใช้มาตรฐานของบริษัท IMAX Corporation ประเทศแคนาดา ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพในเรื่องของงานภาพได้กว้างกว่ากล้องถ่ายภาพยนตร์ทั่วไป จึงเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นการฉายแบบ Laser จึงให้ขอบเขตสีกว้างกว่าถ้าโรงทั่วไป พร้อมด้วยระบบลำโพงที่เรียกว่ากระหึ่มแบบจัดเต็มยิ่งกว่าโรงทั่วไป มีแอมป์ขับเสียงแยกให้ลำโพงแต่ละตัวโดยเฉพาะ เสียง Low เป็น Low ที่หนักแน่น กระแทกมากๆ เสียงสูงเป็นสูงที่เคลียร์มาก ๆ ทำให้ประสบการณ์ดูหนังนั้นเหมือนกับดูดเราเข้าไปในโลกของภาพยนตร์อย่างสมบูรณ์แบบ ยกตัวอย่างโรงที่พารากอน ขนาดจอคือ 28 x 21 เมตร โรงทั่วไปคือประมาณ 11 x 6 เมตร คือใหญ่กว่าประมาณ 3 เท่ากันเลยทีเดียว

1. เลือกไปดูหนัง Filmed for IMAX

สำหรับข้อแรกเลยนั่นก็คือการเลือกไปดูหนังที่ทำออกมาเพื่อฉายโรง IMAX ตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ ไปจนถึงการตัดต่อทุกอย่าง ต้องใช้มาตรฐานของ IMAX เท่านั้น แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นหนังที่สร้างมาเพื่อฉายในโรง IMAX ก็ต้องดูไปตามนี้เลย

อย่างแรกคือ กล้องถ่ายทำ ต้องเป็นกล้องที่ IMAX ผลิต ถ่ายด้วย ฟิล์ม IMAX หรือ กล้องยี่ห้อที่ได้การันตี IMAX Certify โดยราคาของกล้องประเภทนี้จะอยู่ที่ราว ๆ 17 - 18 ล้านบาท ต่อมาก็คือ ระบบเสียง ต้องทำ mix master ออกมาสำหรับโรง IMAX ใครที่คิดไม่ออกก็ต้องขอยกตัวอย่างคู่เทพอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่นิยมการถ่ายโดยกล้องใช้ฟิล์ม IMAX อยู่แล้ว กับ Hans Zimmer นักแต่งเพลงที่ออกมาบอกเลยว่าชอบทำเสียงให้กับ IMAX เพราะคุณภาพของตัวโรงรวมถึงลำโพงเนี่ยสามารถถ่ายทอดเพลงของเค้าได้ดีกว่าโรงทั่วไป ยกตัวอย่างผลงานก็ Inception, Interstellar, The Dark Knight และ Dunkirk รวมไปถึงหนังแฟนตาซีสุดอลังการอย่าง Avatar จากผู้กำกับมากฝีมือ James Cameron ก็ใช้กล้องสำหรับ IMAX เช่นเดียวกัน

เกร็ดเสริม : ข้อมูลคริสโตเฟอร์ โนแลนเคยทำพังกล้องถ่ายทำ IMAX ไปแล้ว 3 ตัว โดย 2 ตัวแรกพังไปกับการถ่ายทำ The Dark Knight และอีกตัวก็เป็นตอนถ่ายเรื่อง Dunkirk นั่นเอง

2. เลือกหนังแล้วต้องเลือกโรง

หลังจากเลือกหนังที่จะดูแล้ว ก็ต้องมาดูกันต่อที่ โรงหนัง ซึ่งโรง IMAX ในไทยตอนนี้ก็มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 โรง ได้แก่ 

โรงหนังในกรุงเทพจำนวน 5 โรงคือ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน, ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต เอ็มควอเทียร์,, ไอคอน ซีเนคอนิค ไอคอนสยาม ส่วนอีกที่ที่กำลังสร้างอยู่คือ บางกะปิ ซีนีเพล็กซ์ เอ็มไลฟ์สโตร์ บางกะปิ

โรงหนังในเขตปริมณฑล มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 โรงคือ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย, เวสต์เกต ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เวสต์เกต, เมกา ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เมกาบางนา

และโรง IMAX ที่ภาคเหนืออย่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เชียงใหม่

แม้ว่าจะเป็นโรง IMAX เหมือนกัน แต่ระบบการฉายนั้นก็แตกต่างกันออกไป โดยโรง IMAX ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นก็ต้องยกให้กับ IMAX with Laser โดยในไทยนั้นก็มีอยู่ 5 โรง ณ ตอนนี้ คือ พารากอน, ไอคอนสยาม, เมกาบางนา, เมเจอร์รัชโยธินและ เอ็มควอเทีย ที่จะให้งานภาพนั้นออกมาดูดี สีสดกว่า โรง IMAX ธรรมดาทั่วไป และถ้าอยากจะเอาแบบจัดเต็มและสะใจ ก็ต้องเพิ่มระบบเสียงเข้าไป ซึ่งเสียงที่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั้นก็คือระบบเสียง 12 Channel ซึ่งโรงจากในไทยนั้นจะมีแค่ พารากอน ไอคอนสยาม เมเจอร์รัชโยธิน และเอ็มควอเทีย รับรองเลยว่า คุณจะถูกดูดเข้าไปในโลกของภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดูหนังได้อย่างเต็มอิ่มแน่นอน

3. เลือกโรงแล้วเลือกที่นั่งด้วย

จบจากการเลือกหนังและโรงแล้ว ต่อไปที่ต้องเลือกให้ดีเลยก็คือ ที่นั่ง โดยตัวโรง IMAX นั้นการนั่งหลังเหมือนโรงธรรมดาทั่วไปนั้น ไม่ใช่การการันตีว่าจะได้ดูหนังแบบดีที่สุดอีกต่อไป เพราะที่นั่งสำหรับการดูหนังโรง IMAX นั้นที่ดีที่สุดจะเป็นพื้นที่ช่วงตรงกลาง ซึ่งจะเป็นจุด Sweet spot ภาพดีสุด เสียงดีสุด โดยจะเป็นแถวช่วงกลางตรงทางเดินไม่ต้องสูงมาก ถ้าให้ดีจะประมาณแถว D แถว E ยิ่งดูหนังที่รองรับ 3D แล้วจะยิ่งรับภาพได้ดียิ่งกว่า อีกทั้งราคายังถูกที่สุดในบรรดาที่นั่งของโรง IMAX อีกด้วย แต่ในเรื่องนี้ก็ต้องอยู่ที่ตัวของบุคคลอีกที เพราะบางคนนั้นหากนั่งกลาง ๆ หรือใกล้จอมากก็จะเวียนหัว ต้องนั่งสูง ๆ หรือไกล ๆ เข้าไว้ 

4. เช็คโปรโมชั่น

สำหรับข้อ 4 นี้นั้นจะเรียกว่า โบนัสในการดูหนังก็เรียกได้ นั่นก็คือการดูหนัง IMAX ในช่วงโปรโมชั่น ซึ่งจะมีการจัดโปรที่ทำให้สามารถซื้อตั๋วหนังในราคาที่ถูกลงมาอย่างเห็นได้ชัด หรือจะเป็นการทำกิจกรรมลุ้นตั๋วฟรีตามเพจหนังต่าง ๆ เพราะในช่วงที่หนังฟอร์มยักษ์ทีจะฉายลง IMAX เหล่าเพจหนังเหล่านี้ก็มักจะมีกิจกรรมลุ้นตั๋ว IMAX ฟรีอยู่ตลอด ๆ หรือจะเป็นบางเรื่องเมื่อซื้อตั๋ว IMAX แล้วสามารถไปแลก poster หนังเก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึก หรือใช้บัตร M GEN ก็อาจจะมีโปรโมชั่นอย่างรับแต้มสองเท่า เพื่อเอาแต้มไปแลกตั๋วหนังเรื่องอื่นฟรี เรียกได้ว่าคุ้มสุด ๆ

และนี่ก็คือ วิธีดู IMAX ให้ดีที่สุดและคุ้มที่สุด ที่ทาง Mercular นำมาแนะนำให้กับทุกคนที่ชื่นชอบการดูหนัง ไม่ว่าจะเป็นคนที่ดูบ่อย ๆ หรือเข้าโรงเฉพาะเรื่องที่สนใจ ที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศจากโรงทั่วไป มาดูโรง IMAX เพื่ออรรถรสในการรับชมที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งขอบอกเลยใครที่ได้ลิ้มรสความยอดเยี่ยมของจอ IMAX แล้วละก็ จะต้องติดใจจนลืมการดูหนังโรงทั่วไปอย่างแน่นอนครับ และสามารถติดตาม Tips & Tricks ดี ๆ จากทาง Mercular ได้อีกเพียงแค่ติดตามกันไว้ รวมถึง Gadget ต่าง ๆ จากแบรนด์ชั้นนำมากมายที่เรารวบรวมมาให้ทุกคนได้เลือกกันที่ Mercular.com นี้ครับ