18 ก.ค. 2561
มินิรีวิว หูฟังไร้สาย HyperX Cloud Flight หูฟังเกมมิ่งไร้สายตัวแรกจาก HyperX
เปิดตัวกันไปแล้วกับหูฟังจากแบรนด์ยอดฮิตอย่าง HyperX หรือก็คือแบรนด์ Hardware ที่หลายๆคน รู้จักและคุ้นหูกันเป็นอย่างดีอย่างแบรนด์ Kingston ซึ่งสำหรับ HyperX นั้นก็มีหูฟังเกมมิ่งออกมามากมายหลายรุ่นจริงๆ และที่สำคัญในหลายๆ รุ่นต่างก็ได้รับการยอมรับในตลาดกันอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสวมใส่ได้อย่างสบายศีรษะ การออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เห็นที่ไหนก็รู้ว่าเป็นหูฟัง HyperX และที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องเสียงที่ส่วนใหญ่ในหลายๆ รุ่นล้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นหูฟังเกมมิ่งที่ให้เสียงได้ยอดเยี่ยม สมจริง เล่นเกมสนุก และที่สำคัญคือราคายังเป็นมิตรกับเกมเมอร์ทุกรุ่นทุกวัยอีกด้วย แต่จุดหนึ่งที่หูฟังเกมเมอร์หลายๆ แบรนด์ในยุคนี้มี แต่ HyperX ไม่มีนั่นก็คือการเชื่อมต่อที่ไร้สายทั้ง Bluetooth หรือไร้สายแบบ 2.4 gHz และล่าสุดจึงได้ส่งหูฟังไร้สายรุ่นแรกออกมานั่นก็คือเจ้า หูฟังไร้สาย HyperX Cloud Flight ตัวนี้นี่เอง
การออกแบบที่สวยงามพร้อมความสามารถที่เกินตัว
ก้าวข้ามขีดจำกัดในเรื่องสายกับ HyperX Cloud Flight ด้วยการเชื่อมต่อไร้สายขั้นสูงการันตีด้วยความเสถียรมาตรฐานไร้สายสำหรับเกมมิ่งโดยเฉพาะ ภายในมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 30 ชั่วโมงต่อเนื่องต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สวมใส่อย่างเบาสบายศีรษะและไม่ระคายเคืองใบหูด้วยการออกแบบรูปทรงและวัสดุที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ HyperX โดยเฉพาะ ทำให้สวมใส่อย่างเบาสบายยาวนานโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้า ปวด หรือบางครั้งก็ลืมไปเลยว่ากำลังสวมใส่อยู่ ปรับแต่งตัวหูฟังได้ด้วยซอฟท์แวร์ของ HyperX ตัวล่าสุดที่ชื่อ HyperX NGenuity Software ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียง แนวเสียง ปรับให้เข้ากับเกม หรือแม้แต่ปรับความดัง-เบาของไมค์
รองรับเครื่องเล่นเกมที่หลากหลาย
ตัวหูฟังถูกออกแบบให้เป็นแบบปิดหรือที่เรียกว่า Close-Cup ทำให้เวลาสวมใส่หูฟังนั้นแทบจะไม่มีเสียงจากภายนอกเล็ดรอดเข้ามาภายในหูฟังแล้วรบกวนอรรถรสในการเล่นเกมได้เลย ในขณะเดียวกันเสียงจากภายในหูฟังก็ไม่ออกไปรบกวนภายนอกด้วยเช่นกัน ปรับระดับของก้านหูฟังให้เข้ากับขนาดศีรษะได้ตามต้องการที่สำคัญหมดห่วงเรื่องของการเลื่อนขึ้นลงบ่อยแล้วจะทำให้หูฟังเสียด้วยโครงแบบอลูมิเนี่ยมที่มีความแข็งแรงทนทานสูง รองรับการเชื่อมต่อทั้ง PC Mac PS4 PS4 Pro อย่างครับครันและยังสามารถเชื่อมต่อผ่าน ช่อง AUX/3.5 mm. ได้อีกด้วย ตัวหูฟังยังสามารถหมุน Ear-Cup ได้ 90 องศาสะดวกต่อการพับเก็บ และยังมาพร้อมไฟแสดงผล LED ที่สวยงาม รวมไปถึงไมโครโฟนที่รับเสียงได้คมชัด รตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ และรองรับโปรแกรม Discord อีกด้วย
จากฟังก์ชั่นที่ได้รีวิวกันสั้นๆในมินิรีวิวนี้ เชื่อว่าหลายๆท่านคงมีความสนใจไม่มากก็น้อยครับ ท่านที่กำลังรอหรือมีความสนใจในลำโพงตัวนี้อยู่อาจจะต้องรอกันอีกนิดนึง แต่รับรองว่าถ้าเข้าไทยมาเมื่อไหร่ ทางเรา Mercular.com จะรีบนำมารีวิวแบบจัดเต็มรวมถึงเรื่องแนวเสียงที่ครบถ้วนมาให้ได้อ่านกันแน่นอนครับ
สำหรับวันนี้ลาไปก่อน พบกันใหม่กับมินิรีวิวหน้า สวัสดีครับ