มินิรีวิว HyperX Cloud Orbit

26 เม.ย. 2562

มินิรีวิว HyperX Cloud Orbit

แรงทะลุอวกาศกับหูฟัง HyperX Cloud Orbit และ Orbit S ที่ใช้เทคโนโลยีเสียงเดียวกับ NASA !

เพิ่งเปิดตัวกันไปที่ CES Fes 2019 เมื่อต้นปีที่ผ่านมากับหูฟังเล่นเกมตัวใหม่จากค่าย We’re all gamers หรือ HyperX แบรนด์เกมมิ่งยอดเยี่ยมที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักนั่นเอง โดยการเปิดตัวสินค้าใหม่ของ HyperX ในรอบนี้ก็ยังคงได้รับเสียงตอบรับอย่างดีและน่าสนใจสุด ๆ เมื่อหูฟังเกมมิ่ง Cloud Series จาก HyperX ถูกยกระดับไปอีกขั้นด้วยการจับมือกับ Audeze หรือแบรนด์เครื่องเสียง High-end ที่เคยผลิตเครื่องเสียงที่ใช้ใน NASA มาแล้วแถมยังเอาเทคโนโลยีนั้นมาผลิตให้กับตัว Orbit ทั้ง 2 ตัวอีกด้วย เรียกได้ว่าแค่ฟังเกริ่น ๆ ก็น่าสนใจขนาดนี้แล้ว เรามาเจาะลึกเจ้าเกมมิ่งเฮดโฟนตัวนี้กันเลยดีกว่า

หูฟังเล่นเกม HyperX Cloud Orbit S รีวิว ซื้อ ขาย ราคา

Planar Driver ไดร์เวอร์เสียงที่ได้รับการขนานามว่ายอดเยี่ยมที่สุดในโลก

จากการจับมือกับ Audeze ทำให้ Kingston สามารถใช้งานเทคโนโลยี Planar Driver หรือไดร์เวอร์เสียงอันยอดเยี่ยมที่สามารถขับเสียงออกมาได้ชัดเจนและสมจริงที่ได้รับรางวัลมานับไม่ถ้วน รวมไปถึง Audeze เองก็เป็นบริษัทนึงที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่สามารถผลิตหูฟังได้ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และการเข้ามาจับมือกันกับ HyperX ทำให้มาตรฐารการผลิตของเจ้า Cloud นั้นสูงขึ้นไปด้วยนั่นเอง ฉะนั้นนอกเหนือจากด้านเสียงที่ก้าวกระโดดจากไดร์เวอรเสียงตัวใหม่ที่เพิ่มเข้ามาแล้วนั้นการผลิตของ Cloud Orbit และ Cloud Orbit S ยังมีความพิถีพิถันเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยนั่นเอง

หูฟังเล่นเกม HyperX Cloud Orbit S จุดเด่น

สเปคที่ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น และ Waves Nx อีกหนึ่งเทคโนโลยีเสียงสมจริง

ปกติแล้วนั้นหูฟัง Cloud Series จะมีสเปคที่ค่อนข้างใกล้ ๆ กันมากแต่เจ้า Orbit นั้นมีความแตกต่างชัดเจนทั้งช่วงเสียงที่สามารถทำได้กว้างกว่าตั้งแต่ 10 – 50,000 Hz เรียกได้ว่าให้ความสมจริงแก่ผู้ใช้งานได้แน่นอนไม่ว่าจะเจอกับเสียงแบบไหนนก็ตามรวมไปถึงแรงขับเสียงที่รองรับสูงสุด 120 เดซิเบลให้เสียงที่ดังกระหึ่มสมจริงสมจังขึ้นไปอีกขั้น แถมแฟน Mobile ยังได้เฮกันอีกด้วยเพราะมันสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง USB C, USB A และ AUX 3.5 ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็น PC User หรือ Mobile ก็สามารถใช้งานได้ทั้งคู่ และยิ่งไปกว่านั้นภายในของเจ้า Cloud Orbit ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Waves Nx เทคโนโลยีเสียงสมจริงที่สามารถ Track การเคลื่อนไหวของหัวผู้ใช้งานได้ทำให้ได้แหล่งกำเนิดเสียงที่แม่นยำ และยังรองรับการทำงานควบคู่กับ VR ทำให้สามารถมอบเสียงที่ได้บรรยากาศเหมือนอยู่รอบตัวเราได้จริง ๆ !

หูฟังเล่นเกม HyperX Cloud Orbit S สเปค

Orbit หรือ Orbit S ?

ความแตกต่าง ระหว่าง Orbit ทั้ง 2 นั้นไม่ได้อยู่ที่ราคาเปิดตัวที่ต่างกัน 30 เหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่ความพิเศษของ HyperX Cloud Orbit S ที่ทำให้ราคามันแพงโดดกว่าเจ้า Orbit ขึ้นมาคือ Waves Nx head tracking เทคโนโลยีติดตามการเคลื่อนไหวของหัวที่สามารถทำงานรวมกับ VR และ Nx 3D ได้ การติดตามนี้จะจำลองเหมือรว่าคุณอยู่ในเกมนั้นจริง ๆ เมื่อคุณหันหน้า ไปทางไหน แทนที่แหล่งกำเนิดเสียงจะตามคุณไป คราวนี้มันจะอยู่ที่เดิมรอให้คุณหันไปหา ทำให้เสียงมีความสมจริงเหมือนคุณอยู่ในโลกเสมือนนั้นเลยทีเดียว !

เรียกได้ว่าเปิดตัวออกมาอย่างยิ่งใหญ่จริง ๆ สำหรับเทคโนโลยีเสียงหูฟังใหม่ของ HyperX ซึ่งสำหรับ Mercular แล้วเจ้า Waves Nx นั้นน่าจะมีความแตกต่างจาก Super Xifi ของ Creative อยู่พอสมควร แต่ทั้งสองต่างก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ทั้งคู่ ทำให้ปีนี้ตลาดเกมมิ่งออดิโอน่าจะมีเรื่องราวให้เราตามกันตลอดทั้งปี เพราะผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของขาใหญ่ ๆ เองก็ยังออกมาไม่ครบบางทีแล้วช่วงปลายปีอาจจะมีเซอร์ไฟรส์อะไรจากแบรนด์ใหญ่ก็เป็นได้ครับ แต่สำหรับเจ้า HyperX Cloud Orbit ตัวนี้บอกได้คำเดียวว่า สาวก HyperX กระเป๋าสั่นแน่ ๆ ซึ่งราคาเปิดตัวนั้นยังไม่มีบอกออกมาครับ แต่จะต้องสูงกว่าเจ้า Cloud 2 แน่ ๆ และอาจจะตีเป็นราคาไทยได้สูงถึง 5 หลักเลยทีเดียว !
 

 

 

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2