เรื่องชวนปวดหัวของชาว iPhone คือการซอยรุ่นย่อยให้เลือกเต็มไปหมดและมีการเปิดตัว iPhone ใหม่ทุกปี สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเปรียบเทียบรุ่นใหม่กับรุ่นเก่าว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และคุ้มมั้ยที่จะอัปเกรดมาใช้รุ่นใหม่ บทความนี้ Mercular.com จะมาสรุปเปรียบเทียบ iPhone 13 vs iPhone 14 vs iPhone 14 Pro ให้ดูครับว่าแต่ละรุ่นแตกต่างกันอย่างไร มีจุดเด่นน่าใช้ตรงไหน และคุ้มมั้ยที่ชาว 13 จะอัปมา 14 ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ

ขนาดจอเท่ากันแต่สเปกไม่เท่ากัน

iPhone ทั้ง 3 รุ่นมีจอภาพขนาด 6.1 นิ้วเท่ากัน เป็นจอ OLED Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 px ที่ 460 ppi ซึ่ง iPhone 13 กับ iPhone 14 นั้นมีสเปกเหมือนกันเป๊ะ ส่วน iPhone 14 Pro จอเทพกว่าด้วยเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz แถมยังมาพร้อมฟีเจอร์จอภาพแบบติดตลอด และ Dynamic Island ที่มีลักษณะเป็นแถบสีดำลอยอยู่บนหน้าจอ ไม่ได้เป็นจอเว้าแบบ iPhone อีก 2 รุ่น ซึ่งเป็นลูกเล่นใหม่ที่รวมเลนส์กล้องหน้าและศูนย์การแจ้งเตือนทั้งหมดเอาไว้ที่นี่นั่นเอง

ระบบกล้อง iPhone 14 Pro ชนะเลิศ

กล้องหลังของ iPhone 13 กับ iPhone 14 นั้นมีสเปกเดียวกันคือเป็นระบบกล้องคู่ความละเอียด 12MP เลนส์ Normal f/1.6 + เลนส์ Ultra wide f/2.4 มีระบบกันสั่นแบบออปติคัล ซูมออกแบบออปติคัลได้ 2 เท่า ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 5 เท่า ขณะที่ iPhone 14 Pro มีสเปกกล้องที่โหดกว่าด้วยระบบกล้อง 3 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 48MP f/1.78, เลนส์ Ultra wide 12MP f/2.2 และเลนส์ Telephoto 12MP f/2.8 มีระบบกันสั่นแบบออปติคัลที่เหนือกว่า ซูมเข้าแบบออปติคัล 3 เท่า, ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า, ช่วงซูมแบบออปติคัล 6 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 15 เท่า พร้อมด้วยโหมดถ่ายที่หลากหลายกว่า อาทิ ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน โหมดถ่ายภาพมาโคร และ Apple ProRAW เป็นต้น

ในส่วนของกล้องหน้า iPhone ทั้ง 3 เป็นระบบกล้อง TrueDepth ความละเอียด 12MP เหมือนกันแต่ iPhone 14 กับ iPhone 14 Pro มีรูรับแสงกว้างกว่าที่ f/1.9 รับแสงในที่แสงน้อยๆ ได้ดีกว่า iPhone 13 ที่มีขนาดรูรับแสง f/2.2

ประสิทธิภาพด้านวิดีโอ iPhone 14 Pro ชนะเลิศ

iPhone ทั้ง 3 รุ่นสามารถใช้กล้องหลังบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K, 4K HDR Dolby Vision และ HD 1080p ได้สูงสุดที่ 60fps เท่ากัน มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล รองรับวิดีโอ Slow Motion ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps หรือ 240 fps ได้เหมือนกัน ความแตกต่างอยู่ที่ iPhone 14 และ 14 Pro มีโหมดแอ็คชั่นเพิ่มเข้ามา ขณะเดียวกัน iPhone 14 Pro เป็นรุ่นเดียวที่สามารถบันทึกวิดีโอ ProRes สูงสุด 4K ที่ 30 fps พร้อมด้วยฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอมาโคร สโลว์โมชั่น และไทม์แลปส์ นอกจากนี้ยังมีระบบการซูมภาพที่เหนือกว่าอีก 2 รุ่น ซูมเข้าแบบออปติคัลได้ 3 เท่า ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุด 9 เท่า

ในส่วนของการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้า ทั้ง 3 รุ่นมีสเปกเท่ากัน บันทึกวิดีโอความละเอียด 4K, 4K HDR Dolby Vision และ HD 1080p ได้สูงสุดที่ 60 fps มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว และรองรับวิดีโอ Slow Motion ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps แต่ iPhone 14 Pro เป็นรุ่นเดียวที่สามารถบันทึกวิดีโอ ProRes สูงสุด 4K ที่ 30 fps ได้

ชิปประมวลผล

iPhone 13 และ 14 ใช้ชิปประมวลผล A15 Bionic ส่วน iPhone 14 Pro มาพร้อมชิปประมวลผลตัวใหม่ล่าสุด A16 Bionic ที่แรงและทรงพลังยิ่งกว่า แม้ซีพียูจะมีจำนวน 6 คอร์เท่ากัน จุดแตกต่างอีกอย่างอยู่ที่ชิปจีพียูประมวลผลกราฟิกที่ iPhone 13 เป็นแบบ 4 คอร์ ส่วน iPhone 14 และ 14 Pro มี 5 คอร์ ส่งผลถึงประสทธิภาพด้านกราฟิกที่เหนือกว่า

เซนเซอร์และระบบความปลอดภัย

iPhone ทั้ง 3 รุ่นมีฟีเจอร์ SOS ฉุกเฉิน และมี Face ID สำหรับการปลดล็อกหน้าจอ จุดแตกต่างอยู่ที่ iPhone 14 และ 14 Pro จะมีเซนเซอร์ตรวจจับการชนเพิ่มมาและมีเซนเซอร์ต่างๆ ก็ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพให้ดีกว่า iPhone 13 นอกจากนี้ iPhone 14 Pro เป็นรุ่นเดียวที่มี LiDAR Scanner สำหรับวัดระยะความลึกของวัตถุ

การเชื่อมต่อบลูทูธ

iPhone 13 มาพร้อม Bluetooth 5.0 ส่วน iPhone 14 และ 14 Pro อัปเกรดเป็น Bluetooth 5.3 เวอร์ชันล่าสุด ส่งผลถึงประสิทธิภาพการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เสถียรมากขึ้น และการบริโภคพลังงานที่ลดลง

แบตเตอรี่

iPhone 14 Pro มีความจุแบตเตอรี่มากที่สุด เล่นวิดีโอได้สูงสุด 23 ชั่วโมง การเล่นวิดีโผ่านการสตรีมได้สูงสุด 20 ชั่วโมง การเล่นเสียงได้สูงสุด 75 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม iPhone ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อ Lighting รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สายในแบบ MagSafe และ Qi เหมือนกัน

ตัวเลือกความจุ

iPhone 13 และ 14 มีความจุภายในให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ 128GB, 256GB และ 512GB ราคาเริ่มต้น 29,900 และ 32,900 บาท ตามลำดับ ส่วน iPhone 14 Pro มีขนาดความจุ 1TB ให้เลือกเพิ่มอีก 1 รุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 41,900 บาท

จากตารางเปรียบเทียบ iPhone 13 vs iPhone 14 vs iPhone 14 Pro สังเกตได้ว่าระหว่าง iPhone 13 กับ iPhone 14 มีการอัปเกรดสเปกเพียงไม่กี่อย่าง สเปกจอภาพ กล้อง ชิปประมวลผล และดีไซน์ภายนอกก็จะแทบเหมือนกัน โดยรวมแล้ว Mercular.com มองว่าไม่มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานอย่างมีนัยสำคัญ คนใช้ iPhone 13 อยู่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาเป็น iPhone 14 ก็ได้ เพียงแค่อัปเดตระบบปฏิบัติการจาก iOS 15 มาเป็น iOS 16 ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานไปอีกอย่างน้อย 1 ปีแล้ว

แต่ถ้าคนใช้ iPhone 13 เกิดอยากจะอัปเกรดเป็น iPhone เครื่องใหม่จริงๆ แนะนำว่าให้ขยับขึ้นมาเล่น iPhone 14 Pro ดีกว่า เพราะคุณจะได้ซีพียูตัวใหม่ที่แรงกว่า ระบบกล้องที่มีประสิทธิภาพดีกว่า รวมถึงหน้าจอใหม่ 120Hz พร้อมลูกเล่นใหม่อย่างจอภาพแบบติดตลอดและ Dynamic Island ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลถึงประสบการณ์การใช้งานที่ยกระดับขึ้นมาจาก iPhone 13 ได้อย่างชัดเจน และสามารถใช้งานไปได้อีก 2 – 3 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็น iPhone รุ่นใหม่อีก 

ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างระหว่าง iPhone 13 vs iPhone 14 vs iPhone 14 Pro ที่ Mercular.com สรุปข้อมูลมาเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่กำลังลังเลว่าจะเปลี่ยน iPhone เป็นรุ่นใหม่ดีมั้ย หรือใช้รุ่นเดิมไปก่อนดี หวังว่าจะได้คำตอบในใจกันนะครับ สุดท้ายนี้ทางเราต้องขอตัวลาไปก่อน ติดตามบทความ Comparison เปรียบเทียบสินค้ารุ่นใหม่น่าสนใจได้ที่เว็บไซต์ของเรา สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

*รูปภาพทั้งหมดจาก: www.apple.com/th/newsroom