มินิรีวิว หูฟังไร้สาย JBL Endurance PEAK II
15 ก.ย. 2563
True Wireless สำหรับปีนเขาในรุ่นที่ 2
ต้องยอมรับเลยว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และเป็นความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนที่พูดถึงแบรนด์นี้ คนก็จะนึกถึง ลำโพงพกพาไร้สาย เท่านั้น แต่ในปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะนอกจากหมวดลำโพงแล้ว ทางแบรนด์ยังมีไลน์สินค้าอีกมากมายหลาย Categories ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ซึ่งนั่นคือแบรนด์ JBL นั่นเอง โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมจากแบรนด์ในปัจจุบันนั้นเช่น หูฟังไร้สาย และ True Wireless เป็นต้น และในหมวด หูฟังไร้สาย นั้นก็มีสินค้าแยกย่อยออกมาอีกหลายรุ่นตอบโจทย์ตามการใช้งาน โดยเฉพาะซีรีส์ที่เน้นการใช้งานออกกำลังกายอย่าง JBL Endurance ที่มีสินค้าย่อยออกไปอีกหลายรุ่นตามกิจกรรมกีฬาที่เหมาะสมได้แก่ Endurance Jump, Endurance Dive, Run Bluetooth, Sprint และรุ่น Top สุดที่ต่างจากรุ่นอื่นตรงที่เป็น True Wireless คือ JBL Endurance Peak นั่นเอง ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าเป้นรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนทำให้ทางแบรนด์ต้องออกสินค้ารุ่นอัพเกรดออกมาและพึ่งเปิดตัวกันไปนั่นก็คือ JBL Endurance PEAK II True Wireless ตัวนี้นี่เอง
มาพร้อมการอัพเกรดให้ทันสมัยและคล่องตัวมากขึ้น
JBL Endurance PEAK II เป็นหูฟัง True Wireless ยังคงมาพร้อมรูปทรงที่คล้ายกับในรุ่นแรก เพิ่มเติมคือมีการปรับปรุงให้มีความโค้งมนดูน่าใช้งานมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งหญิงและชาย การสวมใส่ยังคงใช้เป็นแบบตะขอคล้องหลังหูเช่นเดิม และด้วยรูปทรงที่ได้รับการปรับปรุงนั้นทำให้การสวมใส่ทำได้ดีขึ้น กระชับมากยิ่งขึ้นอีกด้วย จะเคลื่อนไหวรุนแรงมากเพียงใดก็ไม่มีอาการหลุดหรือเคลื่อนอย่างแน่นอน พร้อมด้วยสีสันที่มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน ได้แก่ ดำ ขาว น้ำเงิน และสี Coral ส่วนของการเชื่อมต่อนั้นได้รับการอัพเกรดให้เชื่อมต่อได้เสถียรมากยิ่งขึ้น เชื่อมต่อได้ระยะไกล และให้สัญญาณที่คมชัด รวมถึงลดปัญหาการดีเลย์ของภาพและเสียงอีกด้วย
ฟังก์ชั่นตอบโจทย์การออกกำลังกายอย่างครบถ้วน
ส่วนของฟังก์ชั่นนั้นแน่นอนว่าได้รับการอัพเกรดและปรับปรุงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป้นมาตรฐานการกันน้ำที่คราวนี้กันน้ำได้มาตรฐาน IPX7 แล้ว จะเหงื่อออก ฝนตก หรือน้ำสาดก็ไมาเป็นปัญหาอย่างแน่นอน รวมถึงยังสามารถล้างน้ำได้อีกด้วย ส่วนของเรื่องเสียงก็จัดเต็มเช่นกันด้วยไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่ถึง 10 มิลลิเมตร พร้อมการปรับจูนเสียงมาเป็นอย่างดีพร้อมด้วย JBL Pure Bass Sound ที่ให้เสียงเบสที่ลงได้ลึก กระหึ่มถึงใจ พร้อมด้วยแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ถึง 6 ชั่วโมง เพิ่มมาจากในรุ่นแรกที่ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง และชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 30 ชั่วโมง จากรุ่นที่แล้วที่ทำได้แค่ 28 ชั่วโมงเท่านั้น งานนี้เรียกได้ว่าใส่มาแบบจัดเต็มจริงๆ
โดยในตอนนี้สินค้ายังไม่เข้าไทย และเปิดตัวราคาอยู่ที่ $99.95 ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง Mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ