หลังจากที่หูฟังรุ่นแรกได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี แบรนด์ RHA ก็ได้พัฒนารุ่นต่อของยอดหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ในชื่อรุ่นว่า RHA TrueConnect 2 ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 9 ชั่วโมง เปลี่ยนการควบคุมมาเป็นระบบสัมผัส ความสามารถกันน้ำกันฝุ่นที่มาตรฐาน IP55 ไมโครโฟนคู่สำหรับตัดเสียงรบกวน มีสีให้เลือกถึง 2 สีด้วยกัน คือ Carbon Black และ Navy Blue ราคาเปิดตัวอยู่ที่ £129.95 (ประมาณ 5,100 บาท)

TrueConnect 2 มาพร้อมกับดีไซน์แบบมินิมอล ดูหรูหรา มาในรูปแบบ In-Ear True Wireless รูปลักษณ์ภายนอกนั้นคล้ายคลึงกับ TrueConnect รุ่นแรก ขนาดกำลังดี ไม่เล็กไป หรือใหญ่จนเกินไป ผิวสัมผัสเป็นแบบด้าน โดยหูฟังรุ่นนี้มาพร้อมกับตัวเคสอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรง ทนทาน รองกับการเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์ผ่านทาง Bluetooth 5.0 พร้อมกับชิพเซ็ทที่ได้รับการปรับปรุง ไมโครโฟนแบบคู่เพื่อตัดเสียงรบกวนจากรอบข้าง ให้ผู้ใช้งานสามารถสนทนาได้อย่างชัดเจน

สิ่งที่น่าสนใจของหูฟังรุ่นนี้คือ แบตเตอรี่ที่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถใช้งานได้สูงสุดข้างละ 9 ชั่วโมง สามารถใช้งานเพิ่มเติมผ่านการชาร์จที่ตัวเคสได้อีก 35 ชั่วโมง รวมระยะเวลาในการใช้งานได้ทั้งหมด 44 ชั่วโมงเลยทีเดียว การชาร์ตแบตเตอรี่ของตัวเคสทำได้โดยผ่านทางพอร์ต USB-C อีกทั้งยังมีความสามารถกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP55 ป้องกันฝุ่น และน้ำได้รอบทิศทาง

นอกจากนี้ตัวหูฟังยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงของ Siri, Google Assistant และ Alexa โดยการสัมผัสที่ตัวหูฟัง แล้วพูดเพื่อสั่งงานได้ในทันที สำหรับการควบคุมนั้น มีการเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นแรกที่เคยใช้ปุ่มกดข้างหูฟัง มาเป็นการสัมผัสที่ตัวหูฟังเพื่อสั่งงาน โดยฟังก์ชั่นที่ทำได้คือ เล่น/หยุดเพลง เพิ่ม/ลดเสียง เปลี่ยนเพลง, เรียกใช้งาน Google Assistant และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น

ด้านคุณภาพของเสียงนั้น มาพร้อมกับไดร์เวอร์ไดนามิคขนาด 6 มิลลิเมตร สามารถตัดเสียงรบกวนได้ รองรับช่วงความถี่ 20 – 20,000 Hz, Sensitivity 98 เดซิเบล อีกทั้งยังมีค่าความต้านทานอยู่ที่ 100 โอห์ม

โดยรวมแล้วหูฟัง RHA TrueConnect 2 ตัวนี้ เปรียบเสมือนการนำหูฟังรุ่นแรกมาอัพเกรด เพิ่มความสามารถเข้าไป เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพราะมาพร้อมกับมาตรฐาน IP55 ด้านความสามารถอื่น ๆ ก็ครบถ้วน ตามแบบฉบับที่หูฟังไร้สายที่มีคุณภาพควรจะมี สำหรับราคาเมื่อเข้าไทยนั้นยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า น่าจะอยู่ในช่วง 5,100 – 5,500 บาท หากมีความคืบหน้าอย่างไร ทาง Mercular.com จะมาอัพเดทให้ทราบอย่างแน่นอนครับ