19 พ.ย. 2564
การปรับปรุงครั้งใหญ่ของ TWS จาก Shure
อีกแบรนด์ยอดนิยมในเรื่องของเครื่องเสียงต่างๆ รวมไปถึงหูฟัง ลำโพง และไมโครโฟน ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพทั้งสเปคและการใช้งาน จากผู้ใช้งานและสถาบันต่างๆ นั่นคือแบรนด์ Shure นั่นเอง และล่าสุดกับการขยับขยายจากวงการหูฟังมีสาย ที่แต่เดิมก็เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ในตำนานที่มีสินค้าที่ขับแนวเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม และครังนี้กับวงการ หูฟังไร้สายอิสระ ที่ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะหลังจากเปิดตัว Shure AONIC 215 True Wireless ที่แม้จะเป็น หูฟัง True Wireless แต่รูปร่างหน้าตาภายนอกนั้นดูยังไงก็ไม่ต่างกับการนำหูฟังมีสายรุ่นยอดฮิตมาใส่ตัวรับสัญญาณบลูทูธเพิ่มเท่านั้น การกลับมาครั้งนี้ Shure จึงกลับมาพร้อมกับสินค้าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกออกมาเป็น
หูฟังไร้สาย Shure Aonic Free True Wireless
หรือหูฟัง True Wireless ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็น True Wireless จริงๆ มาพร้อมสเปคและฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นแนวเสียงที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี ให้เสียงที่กระหึ่มถึงใจในขณะที่ตัวหูฟังมีขนาดเล็กจนเรียกได้ว่าเสียงกระหึ่มเกินตัวไปมาก ทั้งนี้ Shure Aonic Free ยังมาพร้อมกับการปรับปรุงและออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ทั้งหมด โดยเน้นความเรียบหรู กะทัดรัด สวมใส่สบายหูตามหลักสรีระศาสตร์ และยังควบคุมได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่มควบคุมที่อยู่บนตัว รวมถึงยังมาพร้อมความสามารถและฟังก์ชันการใช้งานอีกมากมายที่ต้องบอกเลยว่าจัดเต็มสมกับความเป็นแบรนด์ Shure แน่นอน โดยจะมีอะไรโดดเด่นบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ
รุ่น | Shure Aonic Free | Shure AONIC 215 |
ราคา/บาท | (ประมาณ) 6,845 | 10,900 |
การสวมใส่ | In-Ear | In-Ear |
รูปทรง | ออกแบบใหม่ตามหลักสรีระศาสตร์ | In-Ear Monitor |
Bluetooth | 5.0 | 5.0 |
Codec ไร้สายคุณภาพสูง | aptX | - |
ถอดเปลี่ยนสาย | ไม่ได้ | ได้ (ขั้ว MMCX) |
การรับเสียงภายนอก | มี | ไม่มี |
ปรับแต่ง EQ | ได้ | ได้ |
กันน้ำกันเหงื่อ | กันเหงื่อ | ไม่มี |
แบตเตอรี่/รวมเคสชาร์จ | 7/21 ชั่วโมง | 8/32 ชั่วโมง |
จากตารางเปรียบเทียบจะเห็นเลยว่าด้านสเปคของทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่นั้นไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก สเปคภายในจะเน้นในเรื่องการอัพเกรดให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมในบางส่วนเท่านั้น แต่หลักๆ เลยที่เห็นได้ชัดจะเป็นในเรื่องของรูปร่างหน้าตาภายนอกที่เปลี่ยนจากสไตล์ In-Ear Monitor แบบเดิมให้เข้ากับความเป็นหูฟัง True Wireless มากขึ้นซึ่งการออกแบบนี้เองนอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของการสวมใส่ที่สบายหูมากขึ้นแล้ว
ยังมาพร้อมจุดเด่นคือการออกแบบท่อเสียงที่ต้องสอดเข้าไปในหูให้ทำมุมพอดีกับรูหู และตัวจุกหูฟังที่เลือกใช้เป็น Memory Foam ที่เมื่อสวมใส่ได้พอดีและกระชับแล้วจะสามารถบล็อคหรือกันเสียงแทรกที่จะเข้ามารบกวนจากภายนอกได้มากถึง 37dB เลยทีเดียว และแน่นอนว่าก็มาพร้อมฟังก์ชันรับเสียงจากภายนอกด้วยเช่นกันเพื่อความปลอดภัยจากสภาพแวดล้อมนั่นเอง
Shure Aonic Free ให้เสียงที่ใหญ่ในไซส์ที่เล็กกะทัดรัด
และนอกจากรูปร่างหน้าตาที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว ด้านสเปคเสียงรวมถึงการเชื่อมต่อก็ได้มีการปรับปรุงให้ตอบโจทย์การฟังเพลงคุณภาพสูงผ่านการเชื่อมต่อไร้สายอีกด้วย และแม้บางฟังก์ชันอาจจะถูกลดทอนลงไปบ้างแต่หลายๆ ฟังก์ชันและสเปคการใช้งานก็ได้รับการอัพเกรดขึ้นมาให้ทันสมัย และทำงานได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้นนั่นเอง ซึ่งสามารถสรุป Key-Highlight ได้คร่าวๆ ดังนี้
- True Wireless ใส่สบายตามหลักสรีระศาสตร์
- รูปร่างหน้าตาสุดเรียบหรู ระดับพรีเมียม
- เมื่อใส่กระชับหูสามารถบล็อคเสียงได้ถึง 37dB
- มาพร้อมโหมดรับเสียงจากภายนอกที่คมชัด
- เสียงสนทนาโทรศัพท์คมชัดในระดับ Studio
- ไมโครโฟนสำหรับสนทนาคุณภาพสูงจาก Shure
- รับชมภาพยนตร์และเล่นเกมออนไลน์แทบไม่ดีเลย์
- รองรับ Codec เสียงไร้สายคุณภาพสูง aptX
- เสียงที่ยอดเยี่ยมจากการปรับจูนโดยมืออาชีพ
- สวมใส่ออกกำลังกายได้ด้วยความสามารถในการกันเหงื่อ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 7 ชั่วโมง
- เคสสำหรับชาร์จและพกพาชาร์จเพิ่มได้รวม 21 ชั่วโมง
- ปรับ EQ เสียงได้ตามต้องการผ่านแอป Shure PLAY
จากทั้งหมดนี้จึงสรุปได้ว่า Shure Aonic Free นั้นนอกจากจะโดดเด่นในเรื่องการออกแบบและรูปร่างหน้าตาสุดเท่แล้ว การสวมใส่ยังใส่ได้สบาย กระชับหูตลอดวัน ด้วยการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์นั่นเอง รวมถึงเมื่อใส่ได้กระชับก็จะช่วยบล็อคเสียงหรือให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับหูฟังตัดเสียงรบกวนที่สามารถบล็อคเสียงได้ถึง 37dB และมาพร้อมโหมดรับเสียงจากภายนอกตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ด้านการเชื่อมต่อแม้จะมาพร้อม Bluetooth 5.0 แต่ก็อัพเกรดด้วยการรองรับ Codec เสียงไร้สายคุณภาพสูง aptX ที่มำให้สามารถฟังเพลงคุณภาพเสียงเทียบเท่ากับระดับ CD ได้แบบไร้สาย
ด้านการเชื่อมต่อยังโดดเด่นด้วยการใช้งานรับชมภาพยนตร์ออนไลน์แอปยอดนิยมต่างๆ ทั้ง YouTube, Netflix, HBO Go และอื่นๆ ได้ลื่นไหลไม่ดีเลย์ รวมถึงยังใช้งานเล่นเกมได้ประสบการณ์ใกล้เคียงกัน แทบไม่ดีเลย์อีกด้วย ส่วนของการสนทนาโทรศัพท์ให้เสียงสนทนาที่คมชัดครบถ้วนทุกการติดต่อในระบบเสียง Stereo รวมถึงไมโครโฟนก็สามารถรับเสียงได้อย่างคมชัดเช่นเดียวกัน ด้วยไมโครโฟนระดับพรีเมียมจาก Shure ที่เป็นที่ยอมรับในวงการนักฟังเพลง สำหรับสาย Sport ที่ชอบการออกกำลังกายก็สบลายใจได้ด้วยความสามารถในการกันเหงื่อ ใส่เล่นกีฬาเพลินๆ ไม่มีปัญหา และยังมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง จากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 2 รอบ รวมเป็น 21 ชั่วโมงที่แม้จะน้อยกว่ารุ่นที่แล้วเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ยังจัดว่ามากอยู่ดีครับ
โดยในตอนนี้สินค้ายังไม่เข้าไทย และมีราคาเปิดตัวกำลังดีอยู่ที่ 199$ ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง Mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ