Sony ปล่อยให้เหล่าสาวกแบรนด์อารยะธรรมและแฟนๆ รอคอยกันมานานถึง 2 ปี แบบที่มีข่าวหลุดแล้วหลุดอีก จะเปิดตัวในงานนั้น งานนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เปิดตัวสักที จนแฟนๆ แทบจะถอดใจกันไปหมดแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เพราะถึงเวลาเปิดตัวจริงๆ ก็มาแบบเงียบๆ ไม่มีงานเปิดตัวเล่นใหญ่อะไรให้วุ่นวาย เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์กันแบบสุดๆ ซึ่งกลับมาครั้งนี้ก็บอกเลยว่าไม่ธรรมดาพร้อมกลับมาทวงตำแหน่งสุดยอด หูฟัง True Wireless ตัดเสียงรบกวนอีกครั้ง พกพาเอาฟังก์ชันการใช้งานมาแบบอัดแน่น จัดเต็มในแบบที่ไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งการเชื่อมต่อที่เสถียร สัญญาณที่คมชัด รองรับการส่งสัญญาณไร้สายคุณภาพสูง ไมโครโฟนที่รับเสียงได้อย่างคมชัดทุกการสนทนา ฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนที่ทำได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นด้วยชิพเซ็ทรุ่นใหม่ล่าสุด และฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยจะเป็นยังไงบ้างเรามาดูกันเลยครับ

Sony WF-1000XM4 เป็นหูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ In-Ear ที่กลับมารอบนี้พร้อมรูปร่างหน้าตายกเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยภาพรวมมีความหรูหราน่าใช้งานตามสไตล์ของ Sony ที่นอกจากจะดูสวยงามน่าใช้งานแล้วยังสวมใส่ได้อย่างง่ายดาย สบายหูด้วยขนาดที่เล็กลงกว่าในรุ่น WF-1000XM3 พอสมควร ด้านจุดเด่นของรุ่นอย่างการตัดเสียงรบกวนที่ในรุ่นนี้ได้รับการอัพเกรดแบบจัดเต็ม ตัดเสียงได้ยอดเยี่ยมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยชิพเซ็ทรุ่นใหม่ล่าสุด Integrated Processor V1 ที่ Sony พัฒนามาเป็นพิเศษ ทำงานร่วมกับไมโครโฟนตรวจจับสัญญาณรบกวนแบบคู่ทำงานแบบ ฟีดฟอร์เวิร์ดและฟีดแบ็ค ทำให้สามารถจับเสียงรบกวนรอบตัวได้มากขึ้น ทั้งเสียงรบกวนในออฟฟิศ บนเครื่องบิน หรือบนท้องถนน ที่สำคัญคือสามารถใส่วิ่งหรือใส่บนมอเตอร์ไซค์และหน้าพัดลมได้สบายๆ ด้วยโหมดลดเสียงรบกวนจากลมโดยอัตโนมัติ และแน่นอนที่ต้องมาพร้อมกับโหมดรับเสียงจากภายนอกโดยในรุ่นนี้ก็รับเสียงได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นกว่าเดิมให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับสนทนาโดยไม่ใส่หูฟังอยู่เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดอัจฉริยะที่เปิดตัวครั้งแรกในสินค้า Sony WH-1000XM4 ที่เรียกว่า Speak to Chat โดยตัวหูฟังจะเบาเสียงเพลงและเปิดไมค์รับเสียงจากรอบข้างโดยอัตโนมัติเมื่อมีคนมาพูดสนทนาด้วยนั่นเอง

ด้านแนวเสียงยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย ด้วยไดรเวอร์เสียงขนาด 6 มิลลิเมตร ปรับจูนเสียงมาเป็นอย่างดีจากทาง Sony ให้แนวเสียงที่เป็นสไตล์มหาชน เบสเด่น กลางและแหลมใส ฟังสนุกแทบทุกแนว รวมถึงยังสามารถปรับ EQ ได้อิสระ ปรับ Surround ได้ และยังเปิดใช้งานฟังก์ชันปรับปรุงคุณภาพเสียง DSEE Extreme ได้อีกด้วย ส่วนสายออกกำลังกายก็ดีใจได้เลยเพราะในรุ่นนี้มาพร้อมความสามารถในการกันน้ำกันเหงื่อแล้วกับมาตรฐาน IPX4 และอีกส่วนที่ได้รับการปรับปรุงมาในรุ่นนี้นั่นคือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน 8 ชั่วโมง ชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกเป็น 24 ชั่วโมง ตัวเคสรองรับการชาร์จเร็ว 5 นาทีใช้งานได้ 1 ชั่วโมง และตัวเคสยังรองรับการชาร์จไร้สายอีกด้วย

โดยในตอนนี้สินค้ายังไม่เข้าไทย และเปิดตัวราคาเป็นทางการอยู่ที่ 8,990 บาท ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง Mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ