Fitness Tracker ใส่ว่ายน้ำได้ไหม
20 พ.ย. 2561

เนื่องจากปัจจุบัน Fitness Tracker ในตลาดมีมากมาย หลากรุ่น หลาย Brand รวมทั้งออกรุ่นใหม่ มาตลอด ทำให้บางครั้งอาจลำบากในการตั้งต้นเลือกซื้อ ซึ่งหลายๆคนก็คงสงสัยกันว่าเจ้า Fitness Tracker นั้นสามารถโดนน้ำได้หรือไม่แล้วจะใส่ว่ายน้ำได้ไหม เพราะว่ากีฬาส่วนใหญ่มักจะเป็นกีฬาบนบกทำให้ต้องมีการออกแบบให้ใส่ดำเนินกิจกรรมในน้ำได้นั่นเอง
เนื่องจากช่วงนี้หลายๆคนมักจะหันมาใส่ใจสุขภาพรักการออกกำลังกายและอยากว่ายน้ำอย่างจริงจังเมื่อไปว่ายน้ำแล้ว ก็อยากรู้ว่าตัวเองว่ายได้ระยะเท่าไหร่ เพราะปกติก็อาจจะลอยไปลอยมา ทำให้ครบๆเวลาเท่านั้น ซึ่งการที่มี Fitness Tracker ที่บันทึกข้อมูลว่ายน้ำได้ จะทำให้เรามีเป้าหมายในการออกกำลังกายและรู้ว่าวันนี้ลดไปกี่แคลอรี่ ตรงตามเป้าหมายที่เราคิดไว้หรือเปล่า ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำว่า Fitness Tracker ตัวไหนทีสามารถใส่ว่ายน้ำได้บ้าง และควรมีคุณสมบัติแบบใด
สำหรับ Fitness Tracker ของสายว่ายน้ำนั้นมีข้อสำคัญเลยคือ ควรมีค่ามาตรฐานกันน้ำตั้งแต่ 50 เมตรขึ้นไป และควรมีโหมดว่ายน้ำโดยเฉพาะ คำนวณขนาดของสระเพื่อคำนวณรอบ การวัด Stroke บอกรูปแบบการ Stroke และจับเวลาการฝึกซ้อม ส่วนของเซนเซอร์วัดชีพจรจะมีหรือไม่มีก็ได้ วันนี้เราจะมาแนะนำ Fitness Tracker 4 ตัวสุดฮิตว่ามีตัวไหนบ้าง
Gear Fit 2 pro

มาในดีไซน์จอโค้งแนวตั้งเป็นหน้าจอ Super AMOLED สีสันสดใส สวยและคมที่สุดในกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ทั้งหมด ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้ซึ่งรูปแบบการใช้งานนั้นก็ไม่ได้ยากเพราะเป็นหน้าจอสัมผัสและมีปุ่มด้านข้างสำหรับกดย้อนกลับหรือเปลี่ยนเมนูได้
ข้อดี
- บันทึกข้อมูลได้ค่อนข้างละเอียด แม่นยำ
- บันทึกท่าการว่ายน้ำได้
- บันทึกอัตราการเต้นของหัวใจได้
- ตั้งขนาดสระว่ายน้ำได้
- ช่วงเวลาพักสามารถกดหยุดชั่วคราวได้
- หน้าจอสวยคมชัด สามารถดูได้เรียลไทม์
- ราคากลางๆ ไม่แพงมาก (6,500 บาท)
ข้อเสีย
- ต้องกดเข้า app เมื่อต้องการบันทึกการว่ายน้ำ
- ขนาดค่อนข้างใหญ่ สำหรับคนข้อมือเล็ก อาจไม่ถนัดในบางกิจกรรม
- แบตเตอรี่หมดไว ใช้ได้แค่ 2 วัน
Betreasure Fitness Tracker

สำหรับรุ่นนี้มีจุดเด่นที่ราคาไม่แพงแต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพอย่างมาก วัดความดันเลือดและอัตราการเต้นหัวใจได้ กันน้ำระดับ IP67 ใส่ว่ายน้ำได้อย่างสบายๆ สามารถปรับโหมดของเครื่องได้อัตโนมัติ ไปเป็นโหมดว่ายน้ำ นอนหลับ เดิน พร้อม GPS ติดตามสามารถวัดความเร็ว ระยะทางและ Track เส้นทางได้ เหมาะสำหรับนักวิ่งอย่างมาก สามารถวัดจำนวนก้าวได้ และวัดการนอนหลับได้ มาพร้อมกับหน้าจอ OLED แบบสัมผัส นอกจากนี้ยังสามารถโชว์การแจ้งเตือนจากมือถือได้ ไม่ว่าจะเป็น Line Facebook หรือส่งข้อความได้อีกด้วย
ข้อดี
- กันน้ำระดับ IP67 ใส่ว่ายน้ำได้อย่างสบายๆ
- GPS ติดตามสามารถวัดความเร็ว ระยะทางและ Track เส้นทางได้
- สามารถโชว์การแจ้งเตือนจากมือถือได้ ไม่ว่าจะเป็น Line, Facebook, ข้อความได้อีกด้วย
- ปรับโหมดการออกกำลังกายและนอนหลับได้อย่างอัตโนมัติ
ข้อเสีย
- สำหรับการรับประกันอาจจะต้องสอบถามก่อนซื้อไว้สักนิด เพราะโดยส่วนใหญ่มักไม่มีการรับประกันนั่นเอง
Leegoal Fitness Tracker

สำหรับแบรนด์นี้ก็มีฟังค์ชั่นเด็ดๆ เช่นเคยเหมาะกับคนออกกำลังกายโดยเฉพาะ วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ นับก้าวและวัดการนอนหลับได้อย่างดี มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 20 วัน พร้อมกันน้ำระดับ IP67 ใส่ว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องกังวล
ข้อดี
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ นับก้าวและวัดการนอนหลับได้อย่างดี
- แบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 20 วันติดตามการนอนหลับอัตโนมัติเพียงแค่ใส่ขณะนอนหลับ
- GPS ในตัว สามารถวัดระยะทางและความเร็วได้
ข้อเสีย
- โหมดการออกกำลังกายไม่ได้มีให้เลือกมากนัก
Fitbit Flex 2

ปิดท้ายที่แบรนด์ยอดนิยมอย่าง Fitbit ที่การันตีได้ทั้งคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่จัดได้ว่าดีเยี่ยม เพียงแค่ใส่ไว้ที่ข้อมือแล้วเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งเจ้า Fitbit Flex 2 ที่เราแนะนำตอบโจทย์การว่ายน้ำเป็นอย่างมาก จะมีข้อดี หรือข้อเสียอย่างไร มาดูกันเลย
ข้อดี
- ไม่ต้องทำอะไรเลย ใส่ไว้ แล้วกระโดดลงสระได้เลย
- บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ
- ตั้งขนาดสระว่ายน้ำได้
- ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใส่ได้ตลอดเวลา
- ราคาไม่สูงมาก (4,490 บาท)
สรุปแล้วการใช้งาน Fitness Tracker สำหรับว่ายน้ำนั้น จำเป็นต้องมีมาตรฐานการน้ำ หากอุปกรณ์ออกกำลังกายของคุณไม่สามารถรองรับการกันน้ำได้ตามมาตรฐาน รับรองได้เลยว่าถ้าใส่แล้วโดดลงสระน้ำ มีพังแน่นอนจ้า โดยทั้ง 4 รุ่นที่เรานำมาฝากกัน ต้องบอกเลยว่าแต่ละรุ่นน่าหามาใช้งานมากเลยทีเดียวเพราะเราได้บอกถึงข้อดีและข้อเสียของ Fitness Tracker แต่ละตัว เพราะสุดยอดทั้งงานออกแบบและประสิทธิภาพการทำงาน ใครที่ชอบในการว่ายน้ำก็ควรมีไว้ครอบครองซึ่งจะแบบใดก็ลองจัดมาใส่ออกกำลังกายกันได้เลยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเพราะเปียกน้ำเพราะแต่ละรุ่นได้พัฒนาออกมาให้รองรับในการว่ายน้ำได้นั่นเอง