เทคโนโลยีที่ก้าวไกล การแข่งขันที่ไม่มีทีท่าจะจบลง ทำให้จอคอมพิวเตอร์ หรือจอโทรทัศน์ได้พัฒนาจากรุ่นตู้ปลา จอนูน ร้อนๆ ภาพไม่ชัดในวัยเด็กของเรา (เราคือผู้พิมพ์ T_T ซึ่งเด็กสมัยนี้อาจไม่ทันด้วยซ้ำ) ได้เปลี่ยนเป็นจอแบนสุดบางที่มีน้ำหนักเบา ภาพสวย คมชัด ดูอะไรก็เข้าถึงอารมณ์สุดๆ

แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้จอแบนแบบ LCD ได้พัฒนามาเป็นจอภาพ LED ที่หลายคนคุ้นหู แล้วจอภาพ LCD กับ LED มันมีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ Mercular ขอพาไปพบกับ “จอ LCD กับ LED ต่างกันอย่างไร” ใครที่กำลังมองหาโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์อยู่ ไม่ควรพลาดเลยครับ

จอภาพ ดูเป็นสิ่งใกล้ตันเรามากขึ้นทุกวัน ตื่นเช้ามาก็ต้องเช็คสมาร์ตโฟน ซึ่งมีจอภาพเพื่อแสดงผลต่างๆ หลังจากนั้นก็เข้างานด้วยการเปิดคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊ค เราก็ต้องเจอกับจอภาพของอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อการทำงาน ยิ่งถ้าเป็นงานกราฟิก หรืองานที่ต้องอยู่หน้าจอตลอดเวลา เชื่อเถอะว่าได้เปิดปิดหน้าจอเป็นว่าเล่น รวมไปถึงหลังเลิกงานที่เราต้องการพักผ่อน หรือดูคอนเทนต์ออนไลน์ต่างๆ เราก็ต้องเจอจอภาพของโทรทัศน์เพื่อดูสิ่งที่น่าสนใจ ก่อนนอนก็ไม่เว้นเปิดสมาร์ตโฟนเล่น ไถไทม์ไลน์ขึ้นลง

จอภาพที่เราได้ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันมีหลากหลายเทคโนโลยี แต่จอที่ทุกคนน่าจะคุ้นหูที่สุดคงเป็นจอ LCD และ จอ LED วัยรุ่นหรือเด็กสมัยนี้อาจเกิดมาพร้อมกับจอแบบ สัมผัสใหม่ที่คนทำงานอย่างเราเหมือนจะเพิ่งตื่นเต้นกับมันไปได้แค่ 10 กว่าปีเท่านั้น ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน จอภาพไม่ได้ดีขนาดนี้ โทรทัศน์ยังเป็นจอแก้วหนาๆ นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด มีหลอไฟข้างหลังสว่างวาบ หรือจอมือถือรุ่นเก่าที่เล็กจนมองแทบไม่เห็น จนตอนนี้จอภาพได้เดินทางมาไกลจนมาเป็นจอแบนอย่างที่ทุกคนได้สัมผัสและใช้งานกัน เมื่อก่อนจอ LCD ก็ว่าโหดแล้ว แสดงผลได้ชัดเจน สวย สีสันคมชัด แต่ด้วยความต้องการที่หลากหลาย และเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้เกิดจอภาพ LED และต่อยอดไปเรื่อยๆ ที่เรายังคงไม่เห็นปลายทางว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน แล้วจอ LCD กับ LED ที่เป็นที่นิยมที่สุดในช่วงเวลานี้ ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างไร

จอ LCD คืออะไร

LCD (Liquid Crystal Display) เป็นจอภาพที่เปลี่ยนจากหลอดภาพแบบหน้าจอ CRT มาเป็นการใช้หลอดไฟ CCFL หรือ Cold Cathode Fluorescent Lamp พูดแล้วอาจจะงง แต่ให้เข้าใจว่ามันคือการเปลี่ยนไปใช้หลอดไฟแบบใหม่ที่มีขนาดเล็กเรียงเป็นแถวแนวนอนยาวลงมา มี Liquid Crystal ผลึกแข็งกึ่งเหลวที่คอยบิดตัวเพื่อให้แสง Back Light ที่เป็นสีขาว ลอดผ่านทะลุ Color Filter 3 สี ได้แก่ สีแดง น้ำเงิน และเขียว หลอดไฟแต่ละหลอดจะแสดงแสงบนพื้นที่ของตัวเอง เมื่อเรามองจากระยะไกล ก็จะเห็นว่าเป็นภาพที่เราส่งขึ้นจอไปนั่นเองครับ

จอ LED คืออะไร

LED (Light Emitting Diode) หลักการทำงานก็คล้ายกับจอ LCD เลยครับ มีหลอดไฟเป็นตัวกำเนิดแสง แต่เปลี่ยนจาก CCFL หรือ Cold Cathode Fluorescent Lamp มาเป็นหลอดไฟ LED ที่เราคุ้นหูกัน การวางหลอด LED แต่ละแบบจะก่อให้เกิดจอที่แตกต่างกันออกไป เช่น การวางเฉพาะขอบ, วางเต็ม และวางเป็นกลุ่ม ซึ่งที่ว่าหลักการคล้ายๆ กัน คือมี Liquid Crystal เป็นผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สี ได้แก่ สีแดง น้ำเงิน และสีเขียวเช่นกัน ทำให้ก่อเกิดภาพออกมาให้เห็นนั่นเอง

ความแตกต่างระหว่างจอ LCD กับ LED

ความแตกต่างของจอ LCD กับ LED นอกจากจะใช้ตัวกำเนิดแสงที่แตกต่างกันแล้ว ในด้านของภาพ แม้ว่าจอ LCD จะมีความสว่างมากกว่า แต่ด้านความคมชัดของภาพ ความเที่ยงตรงของสี รวมถึงโอกาสการผิดเพี้ยนของภาพบนจอหากไม่ได้มองจากกึ่งกลาง จอ LED จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อดีกว่าก็มาในราคาที่แพงกว่าเช่นกัน แต่เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าไปเยอะ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ ก็หันมาทำจอ LED เกือบทั้งหมดแล้ว เพราะมีราคาถูกลงไปเยอะเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน แถมยังได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าด้วย 

ได้ทราบกันไปแล้วว่าจอ LCD กับ LED แตกต่างกันอย่างไร และก่อนจะเป็นจอสุดแบนแบบนี้ หลายคนก็ได้ผ่านจอแก้วนูนๆ เครื่องใหญ่ๆ ให้เกะกะโต๊ะกันมาก่อน และจอ LED ที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด ก็ดูจะยังไม่สุดสักเท่าไหร่ ไม่ว่าแบรนด์จอคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ก็แข่งขันกันทำจอ LED ออกมาให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้งานในยุคนี้มากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ยังใส่ฟีเจอร์และเทคโนโลยีด้านภาพอีกมากเพื่อให้ผู้ชมได้พบกับประสบการณ์ที่เหนือระดับ สีสันคมชัด สมจริง ไม่ว่าจะดูหนัง ดูซีรีส์ หรือจะเล่นเกม ก็ได้ความรู้สึกที่ยากจะลืม

หากใครกำลังมองหาจอคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์ LED อยู่ ที่ Mercular เรามีสินค้าให้เลือกมากมาย หลากหลายแบรนด์ดัง คัดสรรแต่ของดี เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสความสมจริง เข้าร่วมผ่อนกับบัตรหลายรายการ การรับประกันหลังการขายหายห่วง