เรียกว่าเป็นกระแสใหม่สุดร้อนแรงในตลาด Wearable Device เลยทีเดียวเมื่อแบรนด์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อย่าง Xiaomi ที่เพิ่งเปิดตัว Fitness Tracker รุ่นใหม่ Mi Band 4 ไปในประเทศจีน โดยภายรวมทาง Mi Band 4 มีการพัฒนาฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Mi Band 3 หลากหลายประการจนทำให้ผู้ใช้ Mi Band 3 หลายๆ คนเริ่มสนใจที่จะเปลี่ยนมาใช้งาน Mi Band 4 ทันทีที่วางจำหน่าย อย่างแรกเลยที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนคือขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจากแต่เดิม 0.78 นิ้วเป็น 0.95 นิ้วรวมถึงขนาดการแสดงผลที่ 80 x 128 พิกเซลเป็น 120 x 240 พิกเซล แถมฟังก์ชั่นการใช้งานแบบทัชสกรีนก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มมาคือหน้าจอสามารถแสดงผลแบบสีได้แล้ว ต่างจากในเวอร์ชั่น Mi Band 3 ที่เป็นสีขาวดำ นอกจากนี้ยังมีธีมหน้าจอสีให้เลือกสูงถึง 77 รูปแบบ แต่ละธีมมีการออกแบบที่สวยงามน่าใช้เอามากๆ และคาดว่าในอนาคตจะมีการเพิ่มธีมเข้ามาใหม่แน่นอน 

สำหรับการใช้งานเสียงนั้น Mi Band 4 มาพร้อมกับไมโครโฟนแบบ Built-in ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานคำสั่งเสียง Voice Command เพื่อสั่งการใช้งานกับอุปกรณ์ที่รองรับ Mi Band 4 ได้ (ยกตัวอย่างเช่นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจาก Mi เอง) รวมถึงเซนเซอร์ภายในที่มาถึง 6 รูปแบบ 6 เซนเซอร์เพื่อช่วยในการตรวจจับข้อมูลต่างๆ ได้แม่นยำมากขึ้น ด้านการออกกำลังกายยังเพิ่มโหมดการออกกำลังเป็น 6 โหมดด้วยกัน รวมทั้งการปั่นจักรยานและการว่ายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการว่ายน้ำที่นอกจากผู้ใช้งานจะสวมใส่ Mi Band ระหว่างว่ายน้ำเพราะมีมาตรฐานกันน้ำระดับ 5 ATM เอาไปใส่ว่ายน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร Mi Band ยังสามารถตรวจจับท่าว่ายน้ำรูปแบบต่างๆ ได้อัติโนมัติเช่น Breaststroke Backstroke Butterfly และ Freestyle หรือถ้าใครอยากใส่ว่ายน้ำแบบเข้มข้นกว่าเดิม Mi Band ก็มีคะแนน SWOLF ที่นักว่ายน้ำรู้จักกันอย่างดีแสดงผลบนหน้าจออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นย่อยๆ อย่างการรองรับการจ่ายเงินแบบ NFC ที่เพียงแค่แตะเบาๆ ก็สามารถใช้จ่ายเงินได้แล้ว (รองรับ Alipay ในช่วงเริ่มต้น) การแสดงผลการแจ้งเตือนต่างๆ จากโทรศัพท์อย่างโซเชียลมีเดียหรืออีเมล์และแผงควบคุมการเล่นเพลงอีกด้วย เรียกว่าฟังก์ชั่นเสริมแต่ละอย่างเป็นฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่ไม่ได้มีมาก่อนใน Mi Band 3 เลยทีเดียว ทำให้คุ้มเอามากๆ สำหรับใครก็ตามที่ต้องการจะเปลี่ยนมาใช้ Mi Band 4 หรือใครก็ตามที่สนใจอยากได้ Wearable Device แบบ Fitness Tracker มาใช้งานในราคาไม่แพงนัก 

สำหรับเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้น Mi Band 4 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Li-on ขนาด 135 mAh ที่เพิ่มมาจากของเก่า 110 mAh โดยทาง Xiaomi ประกาสว่าทางเราๆ จะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 20 วันติดต่อกันเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับอายุการใช้งานของ Mi Band 3 แต่เมื่อเทียบกับหน้าจอแบบสีและขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าแล้ว Mi Band 4 เหนือกว่าอย่างได้ชัด สำหรับในตอนนี้ ทาง Xiaomi ปล่อยราคาของรุ่นปกติและรุ่น NFC ไว้ที่ 169 หยวน (ตีเป็นเงินไทยประมาณ  765 ไทยบาท) และ 229 หยวน หยวน (ตีเป็นเงินไทยประมาณ  1035 ไทยบาท) และจะเริ่มขายในประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป แต่สำหรับการปล่อยวางจำหน่ายทั่วโลกคาดว่าอาจจะเริ่มตั้งช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีเป็นต้นไป (ตั้งแต่เดือนตุลาคม) แต่ถ้าหากว่าทาง Xiaomi ประกาศข้อมูลอะไรมาเพิ่มเติมหรือ Mi Band 4 วางจำหน่ายบนเว็บไซต์ Mercular.com เมื่อไหร่ทางเราจะมาประกาศกันอีกทีอย่างแน่นอนครับ