จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

2 มิ.ย. 2564

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

หากพูดถึงหูฟัง True Wireless ยอดนิยมในปัจจุบัน แน่นอนว่าชื่อของแบรนด์พลิกโลกอย่าง Apple น่าจะอยู่ในตัวเลือกอันดับต้นๆ ด้วยสินค้ารุ่นยอดฮิตติดลมบนอย่างหูฟัง True Wireless ที่เข้ามาพลิกวงการ อย่าง Apple AirPods 2 และ Apple AirPods Pro โดยเป็นการเข้ามาเปลี่ยนเทคโนโลยีและการใช้งานแบบเดิมๆ ออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากหูฟังไร้สายที่ในอดีตจะมีสายเชื่อมกันระหว่างข้างซ้ายและขวา ให้กลายเป็นหูฟังที่แยกข้างออกจากกันอย่างอิสระ ไม่มีสายเชื่อมต่อกันใดๆ อีกทั้งสิ้นตามชื่อ True Wireless นั่นเอง

สาเหตุที่ True Wireless ไม่ได้รับความนิยมในยุคแรกๆ

ก่อนหน้าการเปิดตัว AirPods รุ่นแรก สาเหตุที่เทคโนโลยี True Wireless ยังไม่ได้รับความนิยมนั้นเป็นเพราะแม้จะมีหลายๆ แบรนด์พยายามส่งสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีนี้ออกมาแต่ก็ให้ผลในการใช้งานที่ไม่น่าพึงพอใจนัก ทั้งในเรื่องการเชื่อมต่อที่ยุ่งยากหลายขั้นตอน สัญญาณที่ภาพรวมยังไม่เสถียรมีอาการติดๆ ขัดๆ และหลุดบ้างในบางครั้ง รวมไปถึงอาการดีเลย์ของภาพและเสียงขณะรับชมภาพยนตร์ออนไลน์เช่นบน Netflix และ YouTube รวมไปถึงไมค์ที่เมื่อใช้งานสนทนาโทรศัพท์ก็ให้เสียงที่ไม่ชัดพอ บางครั้งทำให้การติดต่อสื่อสารมีความคลาดเคลื่อน ส่วนด้านแนวเสียงด้วยความที่มีข้อจำกัดในเรื่องการเชื่อมต่อ Bluetooth ทำให้แนวเสียงที่ได้จากหูฟังประเภทนี้ในยุคแรกยังไม่ดีนัก และส่วนผู้ใช้งานก็ยังปักใจเชื่อว่าไม่สามารถให้เสียงที่ดีเทียบเท่า หูฟังมีสาย และหูฟังไร้สายก่อนหน้านี้นั่นเอง

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

การมาถึงของ Apple AirPods ที่เปลี่ยนจากกระแสลบให้เป็น “ของมันต้องมี”

ย้อนไป 5 ปีที่แล้วในวันที่ 13 ธันวาคม 2559 Apple ได้เปิดตัวหูฟังไร้สายรุ่นแรกของตัวเอง ที่แรกเห็นนั้นได้รับกระแสล้อเลียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น


  • 1. รูปร่างหน้าตาที่เหมือนนำหูฟัง Small Talk ของ Apple เองมาตัดสายออก
  • 2. AirPods มีขนาดเล็ก และไม่มีสายเชื่อมกันทำให้หล่นหายง่าย
  • 3. สวมใส่แบบ Earbud ไม่กระชับหู หลวม หลุดง่าย
  • 4. ไม่กันน้ำกันเหงื่อ ใส่ออกกำลังกายไม่ได้
  • 5. แบตเตอรี่ไม่อึด ต้องคอยชาร์จจากเคส


แต่หลังจากที่สินค้าออกวางขาย และเมื่อมีผู้ได้ใช้งานจริงกลับกลายเป็นว่ากระแสลบกลับกลายเป็นบวก ด้วยจุดเด่นที่ไม่มีแบรนด์ไหนทำได้เทียบเท่าในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น


  • 1. รูปทรงที่แม้จะดูธรรมดาแต่กลับสวมใส่ได้สบายหูและกระชับเป็นอย่างมาก
  • 2. ก้านที่ยาวออกมาและไมโครโฟนระดับพรีเมียม รับเสียงสนทนาได้คมชัดแบบไม่เคยมีมาก่อน
  • 3. การเชื่อมต่อที่เพียงเปิดฝาเคส จากนั้นแตะที่ Pop-Up บน iPhone ก็เชื่อมต่อสำเร็จ
  • 4. ให้สัญญาณที่เสถียรมากๆ ไม่มีอาการกระตุกใช้ดู YouTube, Netflix บน iPhone ไม่ดีเลย์
  • 5. ควบคุมง่ายดายด้วยระบบสัมผัส


ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ Apple AirPods ขึ้นเป็นหูฟัง True Wireless อันดับ 1ของวงการและเป็นเหมือนต้นแบบที่ทำให้แบรนด์อื่นๆ นำแรงบันดาลใจไปต่อยอดอีกมากมาย และด้วยความสำเร็จของ AirPods รุ่นแรกนั่นเองที่ทำให้ Apple พัฒนาสินค้าต่อยอดออกมาอีก 2 รุ่นซึ่งทั้ง 2 รุ่นก็ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายเช่น

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

1. หูฟังไร้สาย Apple AirPods with Charging Case (2nd Generation)


ยี่ห้อ/รุ่น: Apple AirPods with Charging Case (2nd Generetion)

ราคา: 4,990 บาท

ประเภทหูฟัง: Earbud

เวอร์ชัน Bluetooth: 5.0

กันน้ำ: กันเหงื่อและละอองน้ำ

แบตเตอรี่: 5 ชั่วโมง

การตัดเสียงรบกวน: ไม่มี


Apple AirPods (2nd Generetion) เป็นหูฟัง True Wireless สวมใส่แบบ EarBud ต่อยอดมากจากหูฟังมีสาย EarPods ยอดนิยมจากทาง Apple ข้อดีคือสวมใส่ได้สบายหู ไม่ต้องยัดเข้าไปให้อึดอัด มีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา การเชื่อมต่อเลือกใช้เป็น Bluetooth 5.0 ข้อดีคือเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว เสถียร ภายในมาพร้อม Chipset Apple H1 ที่ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างง่ายดาย ควบคุมสะดวกด้วยระบบสัมผัสหรือจะควบคุมด้วยคำสั่งเสียง “หวัดดี Siri” ก็ได้เช่นกัน โดดเด่นด้วยไมโครโฟนที่รับเสียงได้คมชัดมากๆ พูดได้ว่าทำได้เหนือกว่าสินค้าจากแบรนด์อื่นๆ ไปไกล ภายในยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่เล่น/หยุดเพลงโดยอัตโนมัติ และยังสามารถใช้งานแยกข้างได้อิสระใช้ 1 ข้างเก็บชาร์จ 1 ข้างได้ตลอดเวลา ใส่ออกกำลังกายได้ด้วยความสามารถในการกันเหงื่อที่ Apple ใส่เข้ามาแต่ไม่ได้แจ้งไว้บนหน้าสินค้า และแบตเตอรี่ใช้งานยาวๆ 5 ชั่วโมงพร้อมชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 24 ชั่วโมง ตัวเคสยังมีให้เลือก 2 รุ่นคือรุ่นชาร์จผ่านสาย Lightning เท่านั้นและรุ่นที่รองรับการชาร์จไร้สายครับ

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

2. หูฟังไร้สาย Apple AirPods Pro


ยี่ห้อ/รุ่น: Apple AirPods Pro

ราคา: 9,490 บาท

ประเภทหูฟัง: In-Ear

เวอร์ชัน Bluetooth: 5.0

กันน้ำ: IPX4

แบตเตอรี่: 4.5 ชั่วโมง

การตัดเสียงรบกวน: มี


Apple AirPods Pro หูฟังไร้สาย True Wireless อีกรุ่นที่ต่อยอดมากจาก AirPods 1 และ 2 โดยในรุ่นนี้มาในรูปทรงถั่วงอก หัวโตก้านสั้น เปลี่ยนมาใช้การสวมใส่แบบ In-Ear ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยการออกแบบช่องระบายอากาศภายในเป็นพิเศษเพื่อรักษาแรงดันให้เท่ากัน ทำให้เป็นแม้เป็นหูฟัง In-Ear แต่สวมใส่แล้วกลับไม่รู้สึกว่าแน่นหรือถูกอุดหูแม้แต่น้อย สำหรับการเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.0 พร้อมด้วยชิพ Apple H1 แบบเดียวกับ AirPods 2nd Gen ที่ทำให้เชื่อมต่อแล้วใช้งานกับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมจุดเด่นที่เรียกได้ว่าพลิกวงการหูฟัง True Wireless ให้ก้าวไปอีกขั้นด้วยฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ANC ที่ใช้งานง่ายและตัดเสียงได้มีประสิทธิภาพมากๆ รวมถึงมาพร้อมโหมดรับเสียงภายนอก Transparency ที่รับได้คมชัดในระดับที่แทบไม่ต่างกับตอนไม่ใส่หูฟังอยู่เลยทีเดียว และแน่นอนว่าไมโครโฟนรับเสียงได้ชัดเจนครบถ้วนทุกการสนทนา ด้านการควบคุมก็ไม่ซ้ำใครด้วยการควบคุมแบบบีบที่ก้านหรือจะควบคุมด้วยคำสั่งเสียง “หวัดดี Siri” ก็ได้เช่นกัน และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่เล่น/หยุดเพลงโดยอัตโนมัติ ใช้งานแยกข้างได้อย่างอิสระแบบเดียวกับ AirPods 2 ใส่ออกกำลังกายได้ด้วยมาตรฐาน IPX4 ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 4.5 ชั่วโมงและชาร์จเพิ่มจากเคสได้รวมเป็น 24 ชั่วโมง ตัวเคสพิเศษด้วยการรองรับการชาร์จไร้สาย ตัว AirPods Pro ยังโดดเด่นในเรื่องเสียงด้วยการรองรับเสียงรอบทิศทางที่เสียงจะขยับไปตามการหมุนของศีรษะเมื่อใช้งานร่วมกับ App Apple TV+ และยังรองรับเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos เมื่อใช้งานร่วมกับ Apple Music Hi Fi ตรงนี้เรียกได้ว่าล้ำและไปไกลกว่าแบรนด์ไหนๆ มากครับ

จากรายละเอียดและสเปคที่สรุปมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันในแง่จุดมุ่งหมายการใช้งานอย่างชัดเจนทั้งรูปแบบการสวมใส่ ฟังก์ชันเสริม ราคาที่แตกต่างกัน ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน และการรองรับระบบเสียงรองทิศทาง Spatial Audio, Dolby Atmos ที่จะมีอยู่บน AirPods Pro เท่านั้น ทำให้เรียกได้ว่านอกจากจะเป็น True Wireless ตัดเสียงรบกวนที่มาพลิกวงการแล้ว ยังเป็น True Wireless เพียงไม่กี่รุ่นที่รองรับเสียงรองทิศทางแบบขยับตามการเคลื่อนไหวของศีรษะที่ปกติแล้วจะมีแค่บนหูฟัง Over-Ear อีกด้วย

แล้วจะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2?

1. เลือกจากราคาเป็นหลัก

1.1 งบจำกัด Budget น้อย

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

ถ้าต้องจำกัดงบให้มากที่สุดรุ่นที่แนะนำก็จะเป็น AirPods 2 ครับ ด้วยความที่ราคาเบากว่า สวมใส่สบายหูแบบ EarBud และมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานที่ครบถ้วน ทั้งการเชื่อมต่อที่ง่ายดาย สัญญาณเสถียร การควบคุมที่สะดวกด้วยระบบสัมผัสและคำสั่งเสียง ไมโครโฟนที่คมชัด ฟังเพลงดูหนังเล่นเกมได้ลื่นไหลไม่ดีเลย์ ใส่ออกกำลังได้พอประมาณ และแบตเตอรี่ที่อยู่ยาวๆ 5 ชั่วโมง กับราคาที่ 4,990 บาทครับ


1.2 จ่ายครั้งเดียว จบไปยาวๆ

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

แต่ถ้าไม่ได้มีงบที่จำกัดและอยากได้ True Wireless ที่ซื้อครั้งเดียวอยู่ไปยาวๆ ใช้คู่กับไอโฟนไปนานๆ ก็ต้อง Apple AirPods Pro เลยครับ ด้วยฟังก์ชันเด่นๆ ที่กล่าวไปด้านต้น ทั้งเชื่อมต่อง่าย เสถียร ไมโครโฟนคมชัด โหมดตัดเสียงรบกวนและรับเสียงภายนอกที่ยอดเยี่ยม ระบบเสียงรอบทิศทาง Spatial Audio และ Dolby Atmos ใส่ออกกำลังกายได้ด้วย IPX4 แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 4.5 ชั่วโมงและเคสที่รองรับการชาร์จไร้สาย กับราคา 9,490 บาท บอกเลยว่าไม่สูงเกินไปแน่นอนครับ

2. เลือกจากการสวมใส่

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

หากเลือกจากการสวมใส่ก็ไม่ยากเลยครับ เพราะทั้ง 2 รุ่นใช้การสวมใส่ที่แตกต่างกันโดยถ้าชอบ EarBud ไม่ต้องยัดเข้าไปในหูก็เลือก AirPods 2 แต่ถ้าชอบแบบ In-Ear ที่ใส่สบายกว่ารุ่นอื่นๆ ก็ AirPods Pro ได้เลยครับ

3. เลือกจากฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน

จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2

ถ้าตัดสินใจจากตัวเลือกนี้ก็ต้อง AirPods Pro เลยครับ ซึ่งไม่เพียงแต่ตัดเสียงรบกวนได้มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมฟังก์ชันจัดเต็มอีกมากมายทั้งไมค์ที่คมชัด ใส่ออกกำลังกายได้ เสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos และแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานพอตัวครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับกับบทความ จะซื้ออะไรดีกว่ากัน ระหว่าง Apple AirPods Pro และ AirPods 2 ในครั้งนี้ ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อได้ตรงตามความต้องการและตรงตามงบที่มีมากที่สุด ในครั้งหน้าหากข่าวสารหรือข้อมูลใดๆ ที่น่าสนใจ ทาง Mercular.com จะรีบนำมาแนะนำกันอีกแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้ต้องลาไปก่อน สวัสดีครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2