มาแล้ว! สรุป OS ใหม่จากงาน WWDC20 แบบจัดเต็ม

23 มิ.ย. 2563

มาแล้ว! สรุป OS ใหม่จากงาน WWDC20 แบบจัดเต็ม

เรียกได้ว่ามาตามนัดกันจริงๆ กับ Apple ที่ในทุกๆ ปีจะจัดงาน WWDC หรือชื่อเต็มๆ คือ The Apple Worldwide Developers Conference ที่เป็นการเปิด Software และระบบปฏิบัติการณ์รุ่นใหม่ๆ สำหรับสินค้าของแบรนด์ตัวเองนั่นเองทั้ง iPhone - iOS, iPad - iPadOS, Mac iMac MacBook - macOS และ Apple Watch - watchOS ซึ่งสำหรับปี 2020 ในชื่องาน WWDC20 แม้จะมีโรคระบาดอย่าง Covid-19 ที่ทำให้คนต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านก็ไม่เป็นปัญหา เพราะในปีนี้ Apple เลือกที่จะเปิดตัวผ่านระบบ Online อย่างเต็มรูปแบบ ส่งตรงถึงที่บ้านกันเลยทีเดียว โดยจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันครับ

iOS 14 - iPhone

iOS 14 - iPhone

สำหรับระบบปฏิบัติการณ์สำหรับ iPhone ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง iOS ในครั้งนี้ได้เดินทางมาถึงเวอร์ชั่น 14 แล้ว การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ในเวอร์ชั่นนี้จะเน้นไปในเรื่องหน้าตาเป็นหลัก ดังนี้


  • หน้า Home สามารถลบหน้าที่ไม่ใช้ออกไปได้ ให้เหลือเฉพาะหน้าที่ใช้งานจริงๆ ส่วนแอปที่เหลืออื่นๆ จะไปอยู่ในหน้าใหม่ที่เรียกว่า App Library ที่จะรวมแอปทั้งหมดเอาไว้และแยกหมวดหมู่ไว้ให้โดยอัตโนมัติ สามารถ Search หาแอปแบบ Manual ได้ผ่าน Search Bar โดยแอปทั้งหมดจะเรียงลำดับตามตัวอักษรเพื่อสะดวกในการค้นหา
  • Widget ได้รับการปรับปรุงให้สามารถปรับขนาดเพื่อแสดงข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงยังย้ายเข้ามาอยู่ในหน้า Home ได้ตามอิสระแล้ว
  • ฟังก์ชั่น PiP หรือ Picture-in-Picture หรือการเล่นวิดีโอจอเล็กๆ ในขณะเล่นแอปอื่นๆ ไปด้วยได้แบบเดียวกับใน iPad ก็มีมาให้ใช้บน iPhone แล้วใน iOS 14
  • ปรับปรุงในส่วนของ Siri ทั้งส่วนของ UI และรองรับฟังก์ชั่นอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งรองรับการส่งเมสเสจด้วยเสียง พร้อมเปิดตัว App แปลภาษาของตัวเองคือ Translation ที่สามารถแปลภาษาจากบทสนทนาได้แบบ Real Time ซึ่งพิเศษตรงที่สามารถทำงานแบบ Offline หมดปัญหาเรื่องการไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต เริ่มต้นจาก 11 ภาษาคือ English, Chinese, French, German, Spanish, Italian, Japanese, Korean, Arabic, Portuguese และ Russian
  • App Clips คือการใช้งานฟังก์ชั่นหลักของ App โดยไม่จำเป็นต้อง Download App เต็มสำหรับการใช้งานต่างๆ เช่นเรียกใช้บริการหรือเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ผ่าน App Clips รองรับการเปิดใช้งานผ่าน NFC, สแกนโค้ดผ่านกล้อง หรือส่งเป็น Link ผ่าน เมสเสจก็เรียกใช้ได้เช่นกัน
  • CarKey ที่สามารถเปิดประตูหรือล็อคประตู รวมถึงสตาร์ทรถด้วย iPhone ผ่าน NFC และ Chip U1 ภายในตัว ปลดล็อคด้วย Face ID และ Touch ID รองรับการตั้งค่า iPhone เครื่องอื่นในการปลดล็อค โดยจะใช้งานได้กับ BMW Series 5 ในปี 2021 เป็นรุ่นแรก
  • แอป Messenger ที่มาพร้อมการอัพเดทรองรับ Mention รายบุคคล และปักหมุดการสนทนาสำคัญให้อยู่ด้านบนสุด
  • AirPods Pro หูฟังไร้สายจาก Apple รองรับการใช้งานเสียงแบบ Sparcial Audio หรือเสียงแบบ 3D 3 มิติสมจริง ที่จะขยับไปตามการหันหน้าไปในทิศทางต่างของผู้ใช้งานอีกด้วย
  • ปรับปรุง App แผนที่ Apple Maps ให้มีประสิทธิ์ภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มแผนที่อย่างละเอียดให้กับประเทศ UK, Ireland และ Canada รวมถึงแสดงตำแหน่งของสถานีชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า


โดยรุ่นที่ได้รับการอัพเกรดนั้นได้แก่

iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max

iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR

iPhone X, iPhone 8, iPhone 8 Plus

iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus

iPhone SE (รุ่น 1), iPhone SE (รุ่น 2) และ iPod touch 7th Gen

iPadOS 14 - iPad

iPadOS 14 - iPad

ส่วนของ iPad ได้รับการปรับปรุงเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่จะเน้นไปในเรื่องความกระชับและครบถ้วนของข้อมูลตามที่ Apple เรียกว่า Compact Design รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพของ App ต่างๆ และ Apple Pencil ดังนี้


  • ออกแบบส่วนเสริมต่างๆ ให้แสดงผลได้ครบถ้วนและกระชับมากขึ้น เช่นจากเดิมเวลาสายเข้าจะมีหน้าต่างป๊อปอัพแบบปิดทั้งหน้าจอ มาในรุ่นนี้ก็ไดรับการอัพเดทให้เป็นแถบเตือนด้านบน ที่สามารถปีดเพื่อตัดสายเรียกเข้าได้ และส่วนของ Siri ที่จะเป็น Animation ลอยขึ้นมาด้านบน ไม่ใช้งานพื้นที่หน้าจอทั้งหมดแบบเดิม
  • Application ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของ Sidebar ให้ใช้งานได้ครบถ้วนและมีประโยชน์มากขึ้น สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ในแอปได้ เช่น App Photos เป็นต้น
  • ฟังก์ชั่นที่หลายๆ คนรอคอยบน Apple Pencil นั่นก็คือการรองรับการแปลงลายมือมาเป็นตัวอักษรพิมพ์เพื่อนำไปใช้งานต่อได้ โดยเป็นการนำเทคโนโลยีของ Scribble มาใช้นั่นเอง
  • ARKit ที่รองรับ Depth API สำหรับ Sensor LiDAR ที่ใช้วัดตื้นลึกใน iPad Pro 2020 และรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต
  • ปรับปรุง Widget ที่มีการใส่ Smart Stack เข้ามา โดยจุดเด่นคือจะจัดลำดับการแสดงผลโดยอัตโนมัติ เรียงตามความสำคัญและการใช้งานบ่อยๆ


โดยรุ่นที่ได้รับการอัพเกรดนั้นได้แก่ 

iPad Pro ทุกรุ่น

iPad 5th Gen ขึ้นไป, iPad mini 4 ขึ้นไป, iPad Air 2 ขึ้นไป

macOS Big Sur - Mac, MacBook, iMac

macOS Big Sur - Mac, MacBook, iMac

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับ macOS ที่หลังจากใช้เลขรุ่น OSX 10.X มานานถึง 19 ปี เปิดตัวครั้งนี้พร้อมกับเลขรุ่น macOS 11 เสียที พร้อมชื่ออย่างเป็นทางการว่า Big Sur ที่เป็นชื่อภูเขาแห่งหนึ่งใน California นั่นเอง


  • ปรับปรุงหน้าตาและ Interface แบบยกเครื่องทั้งส่วนของ Icon และการใช้งานต่างๆ 
  • App Safari ที่ได้รับการปรับปรุงและโฟกัสไปในเรื่องของความปลอดภัยมากขึ้น โดยเพิ่ม Privacy Report ที่จะรายงานว่า Safari บล็อคส่วนใดใน Website ที่ติดตามหรือ Tracking ผู้ใช้งาน รวมถึงเพิ่มระบบตรวจสอบการใช้งานรหัสผ่านว่าเคยรั่วไหลมาแล้วหรือไม่ โดยระบบจะเป้นความลับทั้งหมดและไม่ส่งรหัสผ่านกลับไปทาง Apple เอง
  • ส่วนแปลภาษาในตัว Safari ที่จะรองรับภาษาต่างๆ มากขึ้นทั้ง English, Chinese, Spanish, French, German, Russian และ Portuguese
  • รองรับ Chipset ARM หรือ CPU ของทาง Apple เองที่เรียกว่า Apple Silicone อย่างเป็นทางการ โดย Mac รุ่นแรกที่มาพร้อม Chip ARM จะเปิดตัวภายในปีนี้
  • App Maps เพิ่มการจัดการสำหรับการวางแผนการเดินทางด้วยจักรยานและรถพลังงานไฟฟ้า เพิ่มข้อมูลจุดต่างๆ ในแผนที่ให้ละเอียดมากขึ้น และรองรับการค้นหาเส้นทางที่มีสถานีชาร์จตามประเภทรถที่ใช้งานได้อีกด้วย
  • แอป Maps รองรับการวางแผนการเดินทางแบบขี่จักรยานหรือขับรถไฟฟ้าที่สามารถหาเส้นทางที่มีสถานีชาร์จตามประเภทรถที่เราใช้งานได้ พร้อมข้อมูลจุดต่างๆ ในแผนที่เพิ่มเติม
  • Mac App Store ที่จะเน้นในเรื่อง Privacy และความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยนักพัฒนาจะต้องส่งข้อมูลการเก็บประวัติและการใช้งานต่างๆ เพื่อให้ Apple สามารถแสดงได้ตรงและเปิดเผยที่สุด


โดยรุ่นที่ได้รับการอัพเกรดนั้นได้แก่ 

MacBook รุ่นปี 2015 เป็นต้นไป

MacBook Pro รุ่นปลายปี 2013 เป็นต้นไป

MacBook Air รุ่นปี 2013 เป็นต้นไป

Mac mini รุ่นปี 2014 เป็นต้นไป

iMac รุ่นปี 2014 เป็นต้นไป

iMac Pro รุ่นปี 2017 เป็นต้นไป

Mac Pro รุ่นปี 2013 เป็นต้นไป

watchOS 7 - Apple Watch

watchOS 7 - Apple Watch

สำหรับ watchOS ก็ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมเข้ามาสำหรับใช้งานกับ Wearable ของ Apple อย่าง Apple Watch เน้นในเรื่องสุขภาพและการแบ่งปัน Sharing ดังนี้


  • Watch Face หน้าปัดแบบใหม่ ปรับแต่งได้มากขึ้น และแชร์ให้กันกับเพื่อนได้ผ่านทาง Email และทาง Message หรือ Chat
  • นักพัฒนาสามารถออกแบบให้แสดงข้อมูลบนหน้าจอให้หลากหลายขึ้นได้
  • Sleep Tracking หรือการตรวจจับการนอน 
  • ตรวจจับการล้างมือ โดยตรวจจับผ่านการขยับมือและเสียงน้ำโดยจะนับเวลาการล้างมือให้โดยอัตโนมัติ
  • ปรับปรุง App Workout รองรับการออกกำลังกายใหม่ๆ และกิจกรรมมากขึ้นเช่น เต้น Dance, Core Training, การออกกำลังกายแบบ Functional และตรวจจับในขณะ Cooldown
  • จับเวลาการใช้งาน หูฟังไร้สาย True Wireless ในการฟังเสียงว่าดังเกินไปหรือไม่ตามเวลาที่กำหนด เพื่อสุขภาพของช่องหู


โดยรุ่นที่ได้รับการอัพเกรดนั้นได้แก่

Apple Watch Series 3

Apple Watch Series 4

Apple Watch Series 5


โดยทุกระบบปฏิบัติการณ์นั้นปล่อยเวอร์ชั่นทดสอบ Developer Beta ให้นักพัฒนาได้นำไปทดสอบแล้ว และจะเปิดให้บุคคลทั่วไปทดสอบ Public Beta ในเดือน กรกฏาคม และเวอร์ชั่นสมบูรณ์ Final Release จะปล่อยให้ใช้กันในราวๆ เดือนกันยายนครับ

best-seller-ads
article-banner-1
article-banner-2