สรุปงาน Apple WWDC 2022 พร้อมเปิดตัวชิป M2 ทรงพลัง

ก็จบกันไปแล้วกับการเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ที่งาน WWDC 2022 ของทาง Apple บอกได้คำเดียวว่าพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา! ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบการจัดงานหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มดีขึ้น จากทางออนไลน์มาเป็นการจัดงานกลางแจ้งที่สนามหญ้า Apple Park ในคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอเนียร์ ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ 2022 ตามเวลาประเทศไทย เวลา 00.00 ที่เปิดโอกาสให้เหล่าบรรดานักพัฒนาซอฟต์แวร์ นักพัฒนาแอปพลิเคชัน รวมไปถึงสื่อมวลชนจากหลายประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน เพื่อที่ว่าจะได้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักพัฒนาจาก Apple รวมถึงวิศวกรของ Apple กับสื่อมวลชนที่จะเห็นได้ว่าในปีนี้ได้มีการเปิดตัว Software ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ตัวที่ถือได้ว่าเป็นพระเอกของงานที่สร้างความฮือฮาคงนี้ไม่พ้น ชิปทรงพลังอย่าง M2 มาใส่ไว้ใน MacBook Air และ MacBook Pro รุ่น 13

นอกจากนี้ภายในงาน ทิม คุก (Timothy Donald Cook) ได้กล่าวเปิดงานอย่างอบอุ่น ซึ่งในปีนี้ได้พูดถึงการส่งเสริมเหล่าบรรดานักพัฒนารุ่นใหม่ ๆ ทั้งเน้นยํ้าในเรื่องสิทธิเท่าเทียมทางเพศ พร้อมเปิดตัวศูนย์นักพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนี้ ทิม คุก ยังเผยอีกว่าว่าปัจจุบันนี้ปี 2022 นี้ Apple ได้มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำงานในบริษัท Apple มากกว่า 34 ล้านคนทั่วโลก แค่นี้ก็เป็นการยํ้าเตือนแล้วว่า Apple ไม่เคยที่จะหยุดพัฒนาพร้อมทั้งมีศักยภาพทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหนือกว่าแบรนด์ไหนๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนทั้งโลกถึงหลงไหลในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้มากขนาดนี้ ในวันนี้เอง Mercular จะสรุปงาน Apple WWDC 2022 พร้อมเปิดตัวชิป M2 ทรงพลังจะมีฟีเจอร์ลํ้าๆ อะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น เราตามไปดูกันเลยครับ

ระบบปฏิบัติการ iOS 16

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ iOS 16 Apple ยกเครื่องระบบ Notification ใหม่ทั้งหมด! ที่ได้มีการออกแบบหน้าจอล็อก Lock screen แบบใหม่ Widgets ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหน้าปัด Apple Watch ที่จะช่วยให้เห็นข้อมูลได้ง่ายขึ้น พร้อมการแสดงภาพแจ้งเตือนที่ส่วนล่างของจอเพื่อไม่บังรูปภาพที่ตั้งเป็นภาพพื้นหลังไว้ ทั้งยังสามารถเพิ่มความเฉพาะตัวให้กับหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น Theme การแสดงไอคอนได้หลากหลาย การใส่ข้อมูลที่มากขึ้นตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลสภาพอากาศ ตัวเลขบอกเวลา อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Live Activities API ช่วยให้ผู้ใช้ติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นได้บนหน้าจอล็อกในแบบเรียลไทม์ เช่น การแข่งขันกีฬา การออกกำลังกาย หรือคำสั่งการจัดส่งอาหารที่เราสั่งมา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแค่ฟีเจอร์บางส่วนที่จะถูก Upgrade บน iOS 16 เท่านั้น ยังมีการอัปเดตแอปพลิเคชันการทำงานอื่น ๆ อีกเพียบ สำหรับไอโฟนรุ่นที่จะได้อัปเดต iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max, iPhone 12 mini, iPhone 12, iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max, iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max, iPhone SE รุ่นที่ 2, iPhone XS Max, iPhone XS, iPhone XR, iPhone X และ iPhone 8, iPhone 8 Plus คาดว่าผู้ใช้งาน iOS 16 Public Beta จะได้ใช้งานกันในเดือนกรกฏาคม 2022 นี้ ส่วนผู้ใช้ทั่วไปจะได้อัปเดตภายหลังการเปิดตัว iPhone 14 Series ในเดือนกันยายนนี้

ระบบปฏิบัติการ watchOS 9

ปีนี้ watchOS 9 ได้ยกระดับ Apple Watch ไปอีกขั้นไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติด้านการออกกำลังกาย การนอนหลับ และการเต้นของหัวใจ พร้อมให้ผู้ใช้ได้ปรับแต่ง Apple Watch ได้ในแบบของตัวเอง และยังสามารถเพิ่มข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้งาน ที่จะถูกเก็บเป็นความส่วนตัว และเข้ารหัสเอาไว้ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดประวัติข้อมูลสุขภาพออกมาเป็นไฟล์เอกสาร เพื่อนำไปปรึกษาแพทย์ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มความสามารถในการตรวจสุขภาพในการนอนของผู้สวมใส่ ด้วยระบบการแจ้งเตือนหากเมื่อภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ และคุณสมบัติ AFib ใหม่ ที่ผ่านการรับรองโดย FDA ฟีเจอร์ต่อมา คือช่วยวางแผนการกินยาตามที่แพทย์สั่งได้อย่างถูกต้อง หรือหากกินยาเกินขนาดก็จะมีการแจ้งเตือน ถือได้ว่าเป็นที่สุดของสมาร์ทวอทช์ 2022 สุดชาญฉลาด!

ระบบปฏิบัติการ iPadOS

ถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ iPad กับ iPadOS 16 มีการเพิ่มฟีเจอร์ให้หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิมใช้งานง่ายขึ้น สามารถปรับขนาดหน้าจอได้และสามารถทำได้ทุกอย่างคล้ายคลึงกับ macOS มากขึ้น ทั้งด้านประสิทธิภาพ และการทำงานช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการงานบน iPad ได้อย่างง่ายดาย ด้วยคุณสมบัติพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดหน้าให้อยู่ตรงกลาง, การแก้ไขไฟล์แบบเรียลไทม์ในการประชุม รองรับการทำงานแบบกลุ่มให้สามารถแก้ไขข้อความได้ในระหว่างการสนทนา, การอัปเดตให้เข้าถึงการใช้งาน E-mail และการใช้งานเว็บไซต์ Safari , คลังรูปภาพจาก iCloud ที่สามารถแชร์ไปยังครอบครัว หรือคนสำคัญๆ ให้สามารถเข้าถึงได้ตลอดจนการทำงานระดับมือโปรอย่างแอปพลิเคชัน Freeform แอปใหม่ล่าสุดที่เปิดให้ผู้ใช้งานทำงานร่วมกันบนหน้าจอเดียวกัน โดยที่ผู้ใช้สามารถ FaceTime สามารถมองเห็นเพื่อนร่วมงาน ทั้งยังรองรับการทำงานของ Apple Pencil ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของ iPad เลยครับ

ระบบปฏิบัติการ macOS Ventura

ออกมาให้ยลโฉมกันแล้วกับ “macOS Ventura” หรือ MacOS 13 เวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการบนเดสก์ท็อปที่ Apple การันตีว่ามาคราวนี้ได้ยกระดับการใช้งาน Mac ไปอีกขั้น ด้วยคุณสมบัติใหม่เพียบพร้อมการออกแบบ Spotlight ที่อัปเดตขึ้นมาใหม่หมด ที่แสดงผลการค้นหาที่ละเอียดมากขึ้นทำให้ Ventura ช่วยให้การใช้งานของเราได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งเพิ่มความหลากหลายให้กับวิธีการจัดการต่างๆ เมื่อเราใช้งาน Mac เริ่มจาก Stage Manager ที่จะช่วยจัดกลุ่มหน้าต่างงานทั้งหมดที่เปิดเอาไว้มากมายเต็มไปหมดที่มองยังไงก็ไม่เป็ระเบียบเลย เจ้าตัวนี้แหละจะมาช่วยให้เป็นระเบียบขึ้น ไฮไลท์ที่สำคัญคือ การนำกล้อง iPhone มาใช้งานเป็น กล้องเว็บแคม Webcam ทำให้เข้าถึงฟีเจอร์กล้องต่าง ๆ ที่มีเฉพาะใน iPhone ผ่านการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นการ FaceTime ที่รองรับ Handoff ที่สามารถสลับการใช้งานไปมาระหว่างอุปกรณ์ได้ทั้ง iPhone, iPad และ Mac ทั้งยังได้มีการอัปเกรดเบราว์เซอร์ Safari ให้การใช้งานง่าย สะดวกขึ้นกว่าเดิม ที่จะช่วยเพิ่มแถบ Groups สำหรับแชร์เว็บไซต์ได้ทันที

ชิป M2 ทรงพลัง

มาถึงพระเอกของงานกับชิป M2 ที่ออกมาได้สมกับการรอคอยของใครต่อหลายคน ถือเป็นการเปลี่ยนถ่ายเจเนอเรชั่นต่อไปของ Apple Silicon สำหรับ Mac จุดเด่นอยู่ที่ ชิป M2 เลือกใช้เทคโนโลยีแบบ 5 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานที่เหนือระดับก้าวล้ำไปไกลยิ่งกว่าชิป M1 โดยสิ้นเชิงด้วย CPU ที่มีความเร็วขึ้นถึง 18% ทั้งมี GPU ทรงพลังขึ้น 35% พร้อมทั้ง Neural Engine รวดเร็วขึ้นกว่า 40% นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำสูงขึ้น 50% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นเก่าอย่าง M1 รวมถึงการประหยัดพลังงานที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งมีหน่วยความจำขนาดสูงสุด 24GB , การเร่งความเร็ว ProRes รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 20 ชั่วโมง มาใส่ไว้อยู่ใน MacBook Air โดยรุ่นที่คาดว่าจะมีการเลือกใช้ชิป M2 นั้นจะมีทั้ง MacBook Air ใหม่, MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นอัปเดต ส่วนรุ่น MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว จะมาพร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max คาดว่าทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายเร็วๆ นี้

MacBook Air ชิป M2 ดีไซน์ใหม่ สเปกแรงกว่าเดิม

MacBook Air รุ่นใหม่ ขนาดหน้าจอ 13.6" เป็นการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ดีไซน์ใหม่ที่บางขึ้น จุดเด่นอยู่ที่ชิป M2 CPU แบบ 8-core และ GPU แบบ 10-core ยิ่งไปกว่านั้นมี Bandwidth สำหรับหน่วยความจำรวม 100GB/s และรองรับหน่วยความจำสูงสุด 24GB พร้อม ProRes ที่ช่วยเร่งความเร็วทำให้การเข้าถึงรหัส และถอดรหัสด้วยฮาร์ดแวร์ ส่งผลทำให้สามารถเล่นวิดีโอระดับ 4K และ 8K ได้รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 20 ชั่วโมง มาพร้อม 4 สี ได้แก่ สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ สีมิดไนท์ และสีสตาร์ไลท์

• ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท และ 40,400 บาท 

MacBook Pro รุ่น 13” พร้อมชิป M2 จุดเด่นอยู่ที่การเลือกใช้ชิป M2 ด้วยเช่นกัน แบบ CPU แบบ 8-core และ GPU แบบ 10-core Neural Engine แบบ 16-core ทำให้การทำงานกับไฟล์ภาพในแอป Affinity Photo ทำงานได้รวดเร็วขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ที่เคยออกมารวมไปถึงแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานสูงสุด 20 ชั่วโมง ด้วยเช่นกัน

•  ราคาเริ่มต้นที่ 46,900 บาท และ 43,900 บาท

tvOS 16

นอกจากนี้ยังได้มีการอัพเดท Application อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น tvOS 16 ที่จะเน้นความเป็น Smart Home มากขึ้น ให้ผู้ใช้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ หรือสั่งการทำงานผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านด้วย Apple TV ทั้งยังพูดถึงว่า Apple อาจจะปรับปรุงแอป Apple Fitness+ และเพิ่มภาษาอื่น ๆ ที่ Siri รองรับ ทั้งยังจะอัปเดตซอฟต์แวร์ HomePod 16 ให้สามารถใช้งานร่วมกับ tvOS 16 ได้อีกด้วย สุดท้ายกับการพูดถึง RealityOS ที่ Apple จะเปิดตัวแว่นตา AR/VR หรือ AR/VR Headset ที่ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เปิดตัวภายในปีนี้ แต่คาดว่าอาจจะเปิดตัวในปี 2023 ตามที่คาดการณ์ไว้

ก็จบกันไปแล้วกับสรุปงาน Apple WWDC 2022 ที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้ ที่ทุกคนต่างรอคอยกันอยู่แน่นอน ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ขอตอบตรงนี้เลยว่าปีนี้ Apple เค้าเล่นใหญ่สมการรอคอยจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาขึ้นทั้ง iOS 16, iPadOS 16, macOS Ventura,  watchOS 9 และ tvOS 16 และ แน่นอนกับการเปิดตัวชิป M2 ตัวล่าสุดที่จะถูกใช้อยู่ใน MacBook Air และ MacBook Pro 13 นิ้ว เรียกได้ว่า ยกระดับจากเดิมไปอีกหลายขั้น หลังจากนี้เราก็ต้องมารอลุ้นกันว่า ปลายปี Apple เค้าจะออก iPhone 14 ซีรีส์มาในหน้าตาอย่างไร ข่าวลือบอกว่าเค้าจะเอาแถบสถานะออก เพื่อรองรับกับหน้าจอแบบมีรูกล้องหน้าบน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max คาดว่าจะมาแทนรอยบากเดิม ที่หลายคนคิดว่ากวนใจอยู่ไม่น้อย หลังจากนี้ก็มารอลุ้นกันต่อไป และหากใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์เสริมมือถือคุณภาพดีที่ไว้ใช้งานควบคู่กับสินค้าจากแบรนด์ Apple อลู่แล้วหล่ะก็ ตอนนี้ Mercular.com ได้นำสินค้ามาจัดจำหน่ายแล้วไม่ว่าจะเป็น เคสไอโฟน, เคสไอแพด, หัวชาร์จ หรือสายชาร์จ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นข่าวสารอะไรที่น่าสนใจจาก Apple อีกอยากให้รอติดตามกันส่วนวันนี้ขอตัวลากันไปก่อน สวัสดีครับ

ขอบคุณภาพข่าวจาก : https://www.apple.com/th/