แบรนด์เครื่องเสียงระดับโลก Bang & Olufsen หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า B&O ได้เปิดตัวหูฟังใหม่ระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ในชื่อรุ่น Beoplay E8 Sport โดยเป็นหูฟัง True Wireless แนวสปอร์ตตัวแรกของค่าย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยปล่อยหูฟัง True Wireless ในเวอร์ชั่นที่ 2, 3 และ Beoplay E8 Motion ออกสู่ตลาดมาบ้างแล้ว แต่รุ่นดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับเล่นกีฬาอย่างเต็มที่ จึงทำให้หูฟังรุ่นนี้ถูกผลิตมาเผื่อตอบโจทย์สำหรับผู้เล่นกีฬาได้อย่างเต็มรูปแบบ

หูฟัง Beoplay E8 Sport มาพร้อมการออกแบบที่หรูหรา กับแนวเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ตามสไตล์ของแบรนด์ B&O ซึ่งการดีไซน์ภายนอกและคุณสมบัติภายในนั้น มีสเปคเดียวกับ Beoplay E8 3.0 แทบทั้งหมด ทั้งคุณภาพเสียงระบบ Bang & Olufsen Signature Sound สามารถปรับแต่งได้เองเพิ่มเติมผ่านฟังก์ชั่น BeoSonic บนแอปพลิเคชั่น Bang & Olufsen ที่อยู่ในสมาร์ทโฟน แบตเตอรี่ที่ใช้ฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 7 ชั่วโมง สามารถชาร์จผ่านเคสเพื่อฟังได้สูงสุดถึง 30 ชั่วโมง

ส่วนความสามารถที่รุ่นนี้มีเพิ่มเติมขึ้นมา คือการกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP57 ได้ 1 เมตร สูงสุด 30 นาที จึงหมดกังวลเมื่อต้องวิ่งท่ามกลางสายฝน หรือว่าออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมร่างกาย รวมไปถึงพื้นผิวของการทัชที่มีความมันน้อยลงเพื่อทำให้การออกกำลังกายมีความคล่องตัวขึ้น รวมไปถึง Tranparency Mode ที่ใช้ไมค์ของตัวหูฟังเพื่อรับเสียงด้านนอกเข้ามาทำให้เราสามารถได้ยินเสียงรอบ ๆ ตัวในขณะออกกำลังกาย และยังสามารถใช้ไมค์ตัวเดียวกันเพื่อเปลี่ยนการใช้งานเป็นโหมด Active Noise Cancelling สำหรับตัดเสียงรบกวนขณะฟังเพลงได้อีกด้วย

การเชื่อมต่อนั้น Beoplay E8 Sport เลือกใช้เทคโนโลยี Bluetooth 5.1 อีกทั้งยังรองรับ Codec ไร้สายอย่าง aptX ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายได้อย่างลื่นไหล และมีความเสถียรมากขึ้น ให้เนื้อเสียงที่คมชัดในระหว่างการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งวัน ตัวหูฟังรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน Qi จึงสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย

Beoplay E8 Sport เป็นหูฟัง True Wireless ที่มาพร้อมกับการออกแบบที่หรูหรา รวมไปถึงฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนตามมาตรฐานหูฟังไฮเอนด์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและกำลังมองหาหูฟังที่มีคุณภาพทั้งด้านการใช้งานและรูปลักษณ์ที่ทันสมัย โดย E8 Sport มีราคาอยู่ที่ €350 (ประมาณ 12,200 บาท) มีสีให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ สี Oxygen Blue และ สีดำ ส่วนจะวางจำหน่ายที่ประเทศไทยเมื่อไหร่ ทาง Mercular.com จะมารายงานและรีวิวให้ทราบกันอย่างแน่นอนครับ