วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู? ต้องทำอย่างไร
24 ก.พ. 2566
จะเรียกว่าเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับนักฟังเพลงที่ฟังเพลงผ่านหูฟังมาอย่างยาวนาน และสามารถพบเจอกันได้ทั้งนักฟังเพลงหน้าใหม่และหน้าเก่ากันเลยก็ว่าได้ กับปัญหาที่ว่าใส่หูฟังแล้วเจ็บหู หรือปัญหาสวมใส่หูฟังไปสักพักและระคายหูจนอาจลามไปถึงปวดหูเลยก็เป็นได้ และแม้ในปัจจุบันหลายๆ แบรนด์จะพยายามพัฒนาและออกแบบหูฟังกันอย่างจริงจังเพื่อให้หูฟังรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมานั้นสามารถสวมใส่ได้สบายหูมากที่สุดก็ตามแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาเหล่านี้ไม่หมดไปสักที จนเหล่าบรรดาผู้ใช้งานและนักฟังเพลงบางคนถึงกับต้องยอมรับปัญหานี้กันแบบปฏิเสธไม่ได้
และเพื่อเป็นการเอาใจผู้ที่ประสบปัญหา ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู และกำลังมองหา วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู โดยที่ยังไม่แน่ใจว่าควรที่จะทำอย่างไรดี วิธีใดจะสามารถแก้ปัญหาใส่หูฟังแล้วเจ็บได้ดีที่สุด ในครั้งนี้ mercular.com ก็ได้รวบรวมเอา วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู? ต้องทำอย่างไร มาแนะนำสำหรับผู้อ่านทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีวิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหูอย่างไร และมีวิธีใดบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ
ทำไมถึงใส่หูฟังแล้วเจ็บหู
ก่อนที่เราจะไปดู วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู? ต้องทำอย่างไร กันบ้างนั้น ผู้ใช้งานและนักฟังเพลงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าสาเหตุที่ทำให้ ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู เกิดขึ้นได้อย่างไร มีปัจจัยการเกิดปัญหาจากอะไรบ้าง เพราะจริงๆ แล้วปัญหา การใส่หูฟังแล้วเจ็บหู นั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ และเมื่อทราบสาเหตุแล้วจะได้ทราบว่าควรจะแก้ปัญหาไปในทางไหน หรือควรที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร โดยปัญหาที่สามารถพบเจอได้บ่อยและเกิดขึ้นได้กับนักฟังและผู้สวมใส่หูฟังแทบทุกคนคือ
- หูฟังถูกออกแบบและผลิตมาไม่ได้มาตรฐาน
- วัสดุที่ใช้ผลิตหูฟังมีเกรดต่ำ ไม่เป็นมิตรกับผิวหนัง
- ภายในช่องหูของผู้ฟังมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากมาตรฐานหูของผู้ฟังส่วนใหญ่
- ผู้สวมใส่นั้นใช้งานหูฟังหรือสวมใส่หูฟังผิดวิธี
- สวมใส่หูฟังที่มีขนาดเล็กกว่าหูหรือศีรษะของผู้ฟัง
ไม่เพียงแต่สาเหตุใหญ่ๆ ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุให้สวมใส่หูฟังแล้วเจ็บหูอีกมากมาย ซึ่งเมื่อผู้ใช้งานหรือผู้สวมใส่หูฟังทราบแล้วว่าปัญหาใส่หูฟังแล้วเจ็บหูเกิดจากอะไร ต่อไปเรามาดู วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู? ต้องทำอย่างไร กันต่อเลยครับ
5 วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู? ต้องทำอย่างไร
1. ลองสวมใส่หูฟังหลายๆ ประเภท
วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู วิธีที่ 1 กับ การลองสวมใส่หูฟังหลายๆ ประเภท เพราะในปัจจุบันมีหูฟังหลากหลายประเภทออกมาให้ได้เลือกซื้อและจับจองเป็นเจ้าของกัน เช่น In Ear, Earbud, On Ear, Over Ear, Bone Conduction และล่าสุดจาก Sony อย่าง Off Ear เป็นต้น ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่มีหูฟังหลากหลายประเภทนั้นก็เป็นเพราะว่าทางแบรนด์หูฟังต้องการผลิตหูฟังที่ผู้ฟังสามารถสวมใส่ได้สบายหูมากที่สุดนั่นเอง รวมถึงผู้ใช้งานหลายๆ คนมีความชอบไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบสวมใส่ Earbud และบางคนอาจจะชอบ Over Ear ซึ่งการสวมใส่หูฟังไม่ถูกประเภทที่ชอบก็อาจจะส่งผลให้รำคาญจนกลายเป็นอาการเจ็บได้ ดังนั้นทางที่ดีจึงควรลองสวมใส่หูฟังหลายๆ ประเภทก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้หูฟังประเภทที่ชอบที่สุดครับ
2. ขยับหูฟังให้พอดีกับช่องหูและใบหู
วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู วิธีที่ 2 นั่นคือการ ขยับหูฟังให้พอดีกับช่องหูและใบหู โดยวิธีนี้สามารถใช้ได้กับหูฟังทุกประเภท โดยส่วนของหูฟัง In Ear และ Earbud เมื่อสวมใส่แล้วรู้สึกเจ็บ ให้ทำการถอดหูฟังออกจากใบหู จากนั้นดึงส่วนบนของใบหูเบาๆ และสวมใส่ปลายของหูฟังทั้ง In Ear และ Earbud เอียร์บัดเข้าไปในรูหู จากนั้นทำการบิดหูฟังเล็กน้อยเพื่อให้หูฟังเข้าที่และแนบสนิทกับช่องหูมากที่สุด โดยวิธีนี้เรียกได้ว่าเป็นวิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหูที่ง่าย และยังเป็นวิธีที่ช่วยให้มั่นใจได้เลยว่าหูฟังจะเข้าไปในช่องหูได้อย่างพอดี หูฟังจะมีการเสียดสีขณะสวมใส่เข้ากับช่องหูน้อยที่สุด และหากรู้สึกว่ายังไม่พอดีอีกก็ให้ขยับตัวหูฟังเล็กน้อย เพื่อให้หูฟังทำมุมพอดีกับช่องหู หรือหากยังรู้สึกไม่สบายก็ให้ลองถอดออกและสวมใส่ด้วยวิธีเดิมอีกครั้ง
3. เลือกขนาดของหูฟังและจุกหูฟังให้พอดีกับหู
วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู วิธีที่ 3 กับการ เลือกขนาดของหูฟังและจุกหูฟังให้พอดีกับหู เพราะปฏิเสธไปไม่ได้เลยว่าการที่ผู้ใช้งานหรือผู้ฟังใส่หูฟังแล้วเจ็บหูนั้นอาจจะมีสาเหตุมาจากการที่หูฟังมีขนาดเล็กเกินไป หรือเล็กกว่าขนาดของศีรษะผู้ฟัง เช่น ในหูฟังแบบ Over Ear และ On Ear หากหูฟังมีขนาดที่เล็กเมื่อสวมใส่เข้าไปแล้วตัวหูฟังจะเกิดการบีบรัดใบหูและบีบศีรษะเนื่องจากขนาดที่เล็กทำให้เกิดอาการเจ็บนั่นเอง เช่นเดียวกับจุกหูฟังในหูฟัง In Ear ที่หากเลือกใช้จุกหูฟังที่มีขนาดใหญ่กว่าใบหูตัวจุกก็จะเข้าไปอัดอยู่ในช่องหูทำให้เกิดอาการเจ็บหูเมื่อสวมใส่ได้ ดังนั้นวิธีแก้ที่ถูกต้องคือในหูฟัง Over Ear และ On Ear ต้องลองให้แน่ใจก่อนว่าหูฟังมีขนาดที่พอดีกับศีรษะ ส่วนหูฟัง In Ear ให้เลือกจุกหูฟังที่พอดีกับช่องหู สวมใส่ไปแล้วให้ความรู้สึกกระชับไม่รู้สึกว่าถูกอุดหูจนแน่น
4. เปลี่ยนวัสดุ Earcup และ จุกหูฟังให้ไม่ระคายหู
วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู วิธีที่ 4 กับการ เปลี่ยนวัสดุ Earcup และ จุกหูฟังให้ไม่ระคายหู เพราะจริงๆ แล้วไม่เพียงแต่ขนาดของหูฟังและจุกหูฟังเท่านั้นที่มีผลต่อการสวมใส่ให้สบายหูและไม่เจ็บ แต่นอกเหนือจากนั้นผู้ใช้งานหรือผู้สวมใส่หูฟังบางคนอาจจะมีปัญหาในเรื่องการแพ้วัสดุที่แตกต่างกัน แม้คนส่วนใหญ่จะไม่แพ้วัสดุชนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนที่แพ้วัสดุชนิดนั้นๆ ดังนั้นหากคุณสวมใส่หูฟังแล้วเกิดอาการแล้วเกิดอาการเจ็บหู แม้จะเปลี่ยนขนาดเป็นขนาดที่สวมใส่ได้พอดีแล้ว นั่นหมายความว่าคุณอาจจะเกิดอาการแพ้วัสดุของหูฟังเช่นแพ้ซิลิโคนที่นำมาทำจุก หรือแพ้โฟมและหนังที่นำมาทำใน Earcup ซึ่งวิธีการแก้ก็คือให้เปลี่ยนวัสดุเหล่านั้นให้เป็นวัสดุแบบอื่นจากการซื้ออุปกรณ์เสริมหูฟังจากแบรนด์ทางเลือกที่มีมากมายในปัจจุบัน
5. ลดระดับเสียงของเพลงที่กำลังฟัง
วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู วิธีที่ 5 วิธีสุดท้ายกับการ ลดระดับเสียงของเพลงที่กำลังฟัง เพราะสาเหตุที่ทำให้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู อาจจะไม่ได้อยู่ที่ตัวหูฟัง แต่อาจจะอยู่ที่ระดับเสียงที่ดังจนเกินไป เพราะจริงๆ แล้วหูของมนุษย์นั้นมีความสามารถในการรับเสียงอย่างปลอดภัยอยู่ที่ 80 เดซิเบลในระยะเวลาไม่เกิน 8 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งการรับเสียงที่ระดับเสียงสูงเกินกว่าที่กำหนด ในระยะเวลาที่เกินกว่าที่กำหนดนั้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการรับเสียงรวมถึงทำให้รู้สึกปวดแก้วหูจนกลายเป็นอาการใส่หูฟังแล้วเจ็บหูได้ และหากยังฟังเพลงที่ระดับเสียงเกินกำหนดต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการ หูอื้อ จนถึงร้ายแรงที่สุดก็คือแก้วหูแตกได้ ซึ่งวิธีแก้ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงลดระดับเสียงลงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อการฟังก็เพียงพอแล้วครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู? ต้องทำอย่างไร ที่ต้องบอกเลยว่าทำได้อย่างง่ายดายมากๆ ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง โดยใช้การปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อการสวมใส่หูฟังที่สบายหูมากขึ้นโดยไม่ต้องมาคอยอดทนสวมใส่หูฟังและเจ็บหูแบบเดิมๆ ครับ และสำหรับครั้งนี้ mercular.com ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วิธีแก้ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู? ต้องทำอย่างไร นี้จะช่วยผู้อ่านในการแก้ปัญหา ใส่หูฟังแล้วเจ็บหู ได้ไม่มากก็น้อยครับ และในครั้งหน้าหากมีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์อีกก็จะรีบนำมาแนะนำกันอย่างแน่นอนครับ สำหรับครั้งนี้สวัสดีครับ
