เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมาก หลังจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ของแบรนด์ JBL จากทาง Harman International ที่มีมากมายหลากหลายรุ่น และหนึ่งในนั้นก็เป็นรุ่นเด่นจากซีรีส์ยอดฮิตที่แฟนๆ JBL น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ ซีรส์ JBL Reflect นั่นเอง กับการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างจัดเต็มในรุ่น JBL Reflect Mini NC TWS ที่แค่ชื่อก็พอจะบอกได้คร่าวๆ แล้วว่าในรุ่นนี้ให้ฟังก์ชั่นอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบรูปร่างหน้าตาที่เล็กกะทัดรัด สวมใส่ง่าย เบาสบายหูแบบชื่อรุ่น Mini และฟังก์ชั่นเด่นที่เชื่อว่า True Wireless Flagship ทุกรุ่นในปีนี้ต้องมีอย่าง NC หรือ การตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancelling) นั่นเอง ซึ่งเห็นแค่นี้ก็ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ แล้ว แต่ยังไม่หมด ในรุ่นนี้จะใส่ฟังก์ชั่นอะไรเด่นๆ มาอีกบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ

ยังคงคาแรคเตอร์ของซีรีส์ Reflect เอาไว้เป็นอย่างดี นั่นคือส่วนของรูปทรงและการสวมใส่แบบ In-Ear ที่ในรุ่นนี้ออกแบบให้มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด มาพร้อมกับ EarFin ที่จะช่วยทำให้สวมใส่เข้าไปในหูได้อย่างง่ายดาย กระชับ ไม่หลุดหรือเคลื่อนง่ายๆ จะเคลื่อนไหวรุนแรงเพียงใดก็ไม่มีปัญหา นอกจากนี้แล้วยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling with Smart Ambient ที่ในส่วนของการตัดเสียงรบกวนต้องบอกเลยว่าทำได้ดีมากๆ ตัดเสียงได้เงียบสนิท ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดีจากทาง JBL และยังมาพร้อม Smart Ambient ที่จะรับเสียงจากภายนอกเข้ามาเพื่อความปลอดภัยขณะวิ่งอยู่ริมถนน รวมถึงช่วยให้สนทนากับบุคคลรอบข้างได้สบายๆ โดยไม่ต้องถอดหูฟังออกให้วุ่นวาย และอีกจุดเด่นอย่างแบตเตอรี่ที่ในรุ่นนี้ให้มาถึง 7 ชั่วโมง และชาร์จจากเคสได้อีก 14 ชั่วโมง รวมแล้วใช้งานได้ถึง 21 ชั่วโมงเลยทีเดียว

และนอกจากจุดเด่นที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ส่วนของฟังก์ชั่นภายในก็ได้รับการอัพเกรดให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แนวเสียงที่ปรับปรุงมาให้ฟังได้ดี และสนุกมากขึ้นโดยยังคงคาแรคเตอร์ของแบรนด์เอาไว้อย่าง JBL Signature Sound ไมโครโฟนที่รับเสียงได้อย่างคมชัด ตัดเสียงแทรกได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่พลาดทุกการสนทนา และยังรองรับผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะจากค่ายดังทั้ง Amazon Alexa และ Google Assistant ใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX7 รวมถึงการออกแบบ Logo JBL ให้มีการสะท้อนแสงช่วยให้เห็นได้ง่ายอีกด้วย ส่วนของการเชื่อมต่อก็เปลี่ยนมาใช้ระบบ Dual Connect + Sync Technology ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบแยกข้างอิสระ จะหยิบข้างซ้ายหรือข้างขวาออกมาจากเคสก่อนก็เชื่อมต่อได้ทันทีไม่มีปัญหาแบบเดียวกับในรุ่นก่อนๆ แน่นอน และสุดท้ายคือรองรับการใช้งานกับ App My JBL Headphone ให้คุณปรับตั้งค่าเพิ่มเติมได้ตามต้องการ

โดยในตอนนี้สินค้ายังไม่เข้าไทย และเปิดตัวราคาอยู่ที่ £129.99 ซึ่งถ้าหากเข้ามาจัดจำหน่ายที่ไทยเมื่อไหร่ทาง Mercular.com จะรีบนำมาจำหน่ายและรีวิวให้รับชมกันอย่างแน่นอนครับ