มินิรีวิว กล้อง OM System OM-1 การกลับมาของ Mirrorless เทพเจ้า
17 ก.พ. 2565
นับตั้งแต่วันที่ Olympus ล้มละลายลงในช่วงกลางปี 2020 แฟนๆ กล้องค่ายเทพต่างก็รอคอยวันที่แบรนด์ในตำนานนี้จะหวนกลับมาอีกครั้ง และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Olympus ก็ได้รีแบรนด์ใหม่ในชื่อ OM System และเปิดกล้องรุ่นแรกในชื่อใหม่อย่าง OM System OM-1 กล้อง Mirrorless ระดับเรือธงที่ใช้ชื่อเดียวกับกล้องฟิล์มรุ่นตำนานเมื่อในอดีต ให้แฟนๆ ได้จับกันอีกครั้ง แต่การกลับมาครั้งนี้จะกลายเป็นตำนาน และช่วยกู้ชื่อเสียงที่หายไปได้หรือไม่ เรามาลองดูสเปคและฟีเจอร์เด็ดของกล้องตัวนี้กันก่อนดีกว่า
จุดเด่นของ OM System OM-1
กล้อง OM System OM-1 ถือว่าเป็นกล้อง Mirrorless ตัวหนึ่งที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ และด้วยหน่วยประมวลผล TruePic X ทำให้กล้อองตัวนี้ทรงพลัง เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ โดยเฉพาะจุดสำคัญอย่างการถ่ายภาพกลางคืน ระบบกันสั่น และการโฟกัสต่างๆ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ตามนี้
เซนเซอร์ 4/3 กับความละเอียดที่มากกว่าเดิม
OM System OM-1 จะยังคงใช้เซนเซอร์ขนาด Micro 4/3 อยู่เหมือนเดิม แต่อัพเกรดระบบภายในที่ให้ความละเอียดถึง 20.4 ล้านพิกเซล ซึ่งถือว่าสูงมากพอๆ กับกล้องเซนเซอร์ Full Frame หลายๆ รุ่นในปัจจุบัน และตัวเซนเซอร์เองยังเป็น Stacked BSI Live MOS ที่ช่วยให้กล้องทำงานในสภาพแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม และถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วขึ้น จนสามารถถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องได้เร็วถึง 120 fps ส่วนการถ่ายในสภาพที่ในน้อยก็เสริมด้วยค่า ISO ที่มากถึง 102,400 ช่วยชดเชยความสว่างได้ในทุกสถานการณ์ และทำให้ภาพนั้นมีคุณภาพที่สูงขึ้น นอยส์ในภาพที่ลดลง และไดนามิกเรนส์ที่กว้างยิ่งกว่าเดิม
ช่องมองภาพที่ชัดกว่าเดิม
กล้อง OM System OM-1 ยังมาพร้อมกับช่องมองภาพแบบอิเล็คทริคที่มีเฟรมเรตสูงถึง 120 fps มากกว่าช่องมองภาพทั่วไปเท่าตัวหนึ่ง และยังมีความละเอียดจอถึง 5.76 ล้านจุด ทำให้เรามองเห็นภาพที่คมชัดและลื่นไหลมากกว่าเดิม และทำให้เราสามารถตอบสนองต่อการภ่ายภาพตรงหน้าได้รวดเร็วขึ้น
ระบบกันสั่น IBIS ที่นึ่งกว่าเดิม
ระบบกันสั่น ถือว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ชูโรงมาตั้งแต่สมัยยังเป็นกล้อง Olympus และกล้อง OM System OM-1 ก็ยังคงชูงโรงในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยระบบกันสั่น In-Body Stabilization (IBIS) แบบ 5 แกน ที่จะช่วยรักษาสมดุลกล้องและลดการสั่นไหวของภาพ โดยสามารถชดเชยการสั่นไหวได้มากถึง 8 Stop เลยทีเดียว ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพถ่ายให้มากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นสภาพแสงมากหรือน้อย ก็เอาอยู่
ระบบโฟกัสที่แม่นยำบน Quad Pixel
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่เลยสำหรับ OM System OM-1 ก็คือระบบโฟกัสที่อัพเกรดมาใหม่ ด้วยจุดโฟกัสที่มากถึง 1,053 จุดแบบ Cross Quad Pixel ทำให้การโฟกัสอัตโนมัติทำได้อย่างแม่นมากยิ่งขึ้น และยังมีระบบ Face Detection AF ที่ติดตาม และจับใบหน้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และทีเด็ดใหม่อย่าง AI Detection AF ที่ทำให้กล้อง OM System OM-1 สามารถตรวจจับและระบุวัตถุที่โฟกัสติดตามอยู่ได้ ไม่จะเป็นคน สัตว์ นก รถแข่ง รถไฟ ไปจนถึงเครื่องบิน ก็สามารถจับโฟกัสได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้เราจดจ่อไปกับการถ่ายภาพ โดยไม่ต้องกลัวว่าภาพจะถ่ายแล้วเบลอ และการถ่ายต่อเนื่องร่วมกับโฟกัสติดตามที่สามารถถ่ายได้ถึง 50 fps ทำให้เราได้เลือกช็อตที่ดีที่สุดให้กับภาพถ่ายของเรา
เทคโนโลยีใหม่ ถูกใจสาย Landscape
ส่วนใครที่เป็นช่างภาพสายถ่ายวิว ถ่ายดาว ก็เตรียมว้าวได้เลย เพราะกล้อง OM System OM-1 ก็ขนฟีเจอร์ที่พัฒนามาเพื่อการถ่าย Landscape โดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่ Live ND กับฟิลเตอร์รูปแบบต่างๆ ที่มีในตัวกล้อง ที่ช่วยให้การถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ง่ายยิ่งขึ้น และยังมีโหมด Live Composite ที่จะช่วยในการถ่าย Long Exposure ให้ทำงานร่วมกับระบบกันสั่นของกล้อง แล้วถ่ายภาพต่อเนื่องก่อนจะประมวลออกมาเป็นภาพถ่ายให้กับเรา และโหมด Starry Sky AF ที่ทำให้กล้องจับโฟกัสไปพร้อมๆ กับการถ่ายภาพ ทำให้การถ่ายดาวของเรามีความคมชัด สม่ำเสมอ หรือจะถ่ายแบบ High Res ที่จะประมวลผลภาพถ่าย 12 ช็อตให้ออกมาเป็นภาพนิ่งความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว
โหมดวิดีโอก็ไม่น้อยหน้า
แน่นอนว่าในยุคปัจจุบัน การถ่ายวิดีโอนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในกล้องปัจจุบัน และ OM System OM-1 ก็สามารถถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพได้เหมือนกัน ด้วยความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60p 10 bit 4:2:0 และรองรับ Codec ทั้ง H.264 และ H.265 ทำให้คุณภาพไฟล์ที่ได้มีคุณภาพ ความละเอียดคมชัด ครบถ้วน รวมถึงการถ่าย Slow Motion สูงสุดที่ 240 fps ที่ความละเอียด Full HD ไม่ว่าจะถ่ายนก หรือรถก็เอาอยู่ และยังมี Log แบบ HLG ที่ช่วยในการเก็บรายละเอียดแสงสี ความคมชัดให้ครบถ้วน และยังซัพพอร์ตการบันทึกภายนอกแบบไฟล์ RAW ทำให้การถ่ายวิดีโอแบบ Professional ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ OM System OM-1
ทนทาน เพื่อทุกงานทรหด
นอกจากสเปคภายในแล้ว ภายนอกเองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ด้วยตัวบอดี้ที่ทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ที่มีความแข็งแรง ทนทาน การันตีด้วยมาตรฐาน IP53 กันฝุ่นและหยดน้ำต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แถมภายในยังมีฟิลเตอร์กรองฝุ่นด้วยคลื่น Supersonic ที่ช่วยปัดฝุ่นไม่ให้เกาะเซนเซอร์และชิ้นส่วนสำคัญ แบตเตอรี่สุดอึดที่สามารถใช้ถ่ายต่อเนื่องได้ถึง 510 ภาพ และชัตเตอร์ที่มีความทนทานสูง รองรับการถ่ายถึง 400,000 ครั้ง อึดขนาดนี้ ไม่แน่ว่า OM System OM-1 อาจจะกลายเป็นกล้องที่อึดที่สุดในตอนนี้เลยก็ได้
สเปคทั่วไป
- เซนเซอร์ 4/3 Stacked BIS Live MOS ความละเอียด 20.4 MP
- หน่วยประมวลผล TruePic X Dual Quad Core Processor
- ระบบกันสั่น IBIS 5 แกน ชดเชยการสั่นได้ 8 Stop
- จุดโฟกัสแบบ Cross Phase Detection 1,053 จุด
- AI Detection AF ช่วยในการโฟกัสติดตามวัตถุที่หลากหลาย
- ช่องมองภาพ OLED ความละเอียด 5.76 ล้านจุด
- หน้าจอหลังแบบ Vari-Angle
- ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60p และ Slow Motion ที่ FHD 240 fps
- สลอตการ์ด UHS-II แบบคู่
- มาตรฐานกันน้ำ-ฝุ่น IP53
- ขนาด 134.8 x 91.6 x 73.7 มม. และน้ำหนัก 511 กรัม
กล้อง OM System OM-1 ลมหายใจครั้งใหม่ของกล้องเทพเจ้า
สำหรับสเปคคร่าวๆ ที่โดดเด่นของ OM System OM-1 ก็มีประมาณนี้ ถือได้ว่าเป็นก้าวกระโดดครั้งใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ OM System หลังจากรีแบรนด์จาก Olympus มา แม้ว่าเซนเซอร์จะไม่ได้เปลี่ยนมาเป็น Full Frame อย่างที่หลายๆ คนคาดหวัง แต่ด้วยประสิทธิภาพคร่าวๆ ที่ปล่อยออกมา ก็ถือว่าสูสีพอๆ กับกล้อง Full Frame ระดับหัวของหลายๆ แบรนด์เลยทีเดียว ส่วนใครที่สนใจกล้อง OM System OM-1 ตอนนี้สามารถเลือกสั่งจองกันได้เลย โดยราคาจาก Official ตอนนี้อยู่ที่ 2,199.99 เหรียญสหรัฐฯ หรือตีเป็นเงินบาทที่ 71,000 บาท โดยตัวกล้องจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีนี้ หลังจากนั้น เราจะได้รู้กันว่า OM System OM-1 จะกลายเป็นการต่อลมหายใจให้กับ Olympus หรือจะเป็นเฮือกสุดท้ายกันแน่
