พรีวิว QK80 คัสตอม TKL ตัวล่าสุดจาก Swagkeys X Qwertykeys
1 ก.พ. 2566
ปี 2022 นี้ถือว่าเป็นปีทองของวงการ Custom Keyboard ที่ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ คึกคักจนหลายๆ แบรนด์เกมมิ่งเกียร์ใหญ่ๆ ยังต้องหันมาจับตลาด Custom กันบ้าง ซึ่งในบรรดาคัสตอมคีย์บอร์ดทั้งหมดในตลาดนั้น หนึ่งในซีรีส์ที่ดูจะได้ความนิยม ขึ้นแท่น Fans Favorite กันมาตลอดเลยก็คือซีรีส์ QK คัสตอมคีย์บอร์ดระดับเริ่มต้นที่เปิดตัวมากี่รอบๆ ก็ฮิตกันไปทั่ว ตั้งแต่ตัวเริ่มต้นอย่าง QK65, QK60 จนถึงรุ่นล่าสุดอย่าง QK75 ที่ยังฮือฮาเป็นพิเศษ และในตอนนี้เอง ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวคัสตอมคีย์บอร์ดลำดับที่สี่ของซีรีส์อย่าง QK80 คัสตอมคีย์บอร์ดขนาด TKL ที่เกิดจากการร่วมมือของ Swagkeys และ Qwertykeys ที่บอกเลยว่า คีย์บอร์ดรุ่นนี้ทั้งสวย ทั้งงาม และเจ๋งไม่แพ้คีย์บอร์ด 3 รุ่นก่อนหน้าเลย
QK80 ผลงานร่วมมือจาก Swagkeys X Qwertykeys
สำหรับเจ้าคีย์บอร์ด QK80 รุ่นนี้นั้น ถือว่าเป็นรุ่นที่มีความพิเศษ ไม่เหมือนกับ QK สามรุ่นก่อนหน้า เพราะนอกจากจะเป็นคัสตอมคีย์บอร์ดไซซ์ TKL ตัวแรกของซีรีส์แล้ว QK80 ยังเป็นผลงานการร่วมมือกันระหว่าง Swagkeys ร้าน Custom Keyboard สัญชาติเกาหลี ที่เคยฝากผลงานไว้กับ Shelby80 อีกหนึ่งคัสตอม TKL ยอดฮิตของปี 2022 และ Qwertykeys เเบรนด์สัญชาติจีนผู้ให้กำเนิดซีรีส์ QK ขึ้นมา และเมื่อทั้งสองแบรนด์ดัง หันมาจับมือร่วมกันทำคัสตอมละก็ รับรองว่า QK80 รุ่นนี้จะต้องเจ๋งสุดๆ อย่างแน่นอน
และก่อนจะไปดูเจ้า QK80 กัน เราก็ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าคีย์บอร์ดรุ่นนี้ยังอยู่ในช่วง Interest Check (IC) ซึ่งข้อมูลที่เราเขียนลงไปนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือคลาดเคลื่อนในอนาคตได้ เพราะฉะนั้นอย่างลืมใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยละ
ดีไซน์สุดง่ายสบายตา ที่ตัดกับไฟ LED ที่ลงตัว
สำหรับดีไซน์ภายนอกของคีย์บอร์ด QK80 นั้นก็ยังคงความเป็นคีย์บอร์ดที่เน้นไปที่การออกแบบที่มีความเรียบง่าย สไตล์ Minimal ตามแบบของซีรีส์ และดีไซน์อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่มปุ่ม F13 เข้าไปเพื่อให้ตัวเลย์เอาท์ของปุ่มนั้นมีความบาลานซ์และสมมาตรพอดี มองแล้วสบายตาสุดๆ แถมที่ตัว Top Case ก็ยังมีตัวเลือกแบบ WKL สำหรับคนที่ชอบ Space แถวล่างว่างๆ ด้วย ช่วยให้มองแล้วรู้สึกสบาย ไม่แออัด ให้ความ Comfort สุดๆ
และเพื่อตัดความ Minimal ไม่ให้เรียบเกินไป QK80 ก็เลยมีการเพิ่มแถบไฟ LED หลากสีที่บริเวณฝั่งซ้ายมือใต้ปุ่ม Page Down พร้อมกับครอบกรอบไฟด้วยสแตนเลสสีเงิน ที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและลูกเล่นที่สวมงามน่ามองให้กับคีย์บอร์ดสุดๆ
แผ่น Badge แม่เหล็ก เพิ่มลูกเล่นกว่าเดิม
และนอกจากดีไซน์ด้านบนที่ออกแบบมาให้มีความเป็น Minimal แล้ว ในส่วนของตัว Bottom Case เองก็มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ มาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือแผ่น Badge โลโก้ QK ที่จะสามารถนำไปติดที่บริเวณกลางแผ่น Weight ด้วยหลังได้ด้วย โดยตัวแผ่น Badge นั้นจะผลิตขึ้นจากวัสดุสแตนเลส PVD แกะลายด้วยเลเซอร์ โดยจะมีลวดลายทั้งหมด 4 แบบได้แก่ลาย Circuit, Paisley, Cogwheel และแผ่น Badge เปล่าๆ ไร้ลาย อีกหนึ่งชิ้นสำหรับคนที่ชอบลวดลายเรียบๆ แถมตัว Badge นั้นก็ยังใช้แม่เหล็กในการติดกับตัวคีย์บอร์ดด้วย ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ QK80 รุ่นนี้ดูไม่น่าเบื่อเลย
โครงสร้าง Gasket แบบ QK75 พร้อมแบตที่ให้ถึง 2 ก้อน
หลังจากที่ในรุ่น QK75 นั้นมีการเปลี่ยนวิธีการยืด Gasket แบบใหม่ จากการใช้ Silicone Sock มาหุ้มเกี่ยวกับตัวเคส มาเป็นตัว Gasket ทรงดัมเบลช่วยเกาะกับขอบเคสและให้เสียงที่ดีขึ้น ทำให้ในรุ่น QK80 นั้นก็เลยเปลี่ยนมาใช้การยึด Gasket แบบเดียวกับในรุ่นก่อนหน้าด้วย แต่เพิ่มเติมขึ้นมาคือการให้ Gasket มาให้ใช้ถึง 2 แบบด้วยกัน โดยจะมีทั้งแบบอ่อน (สีขาว) และแบบแข็ง (สีดำ) ซึ่งแต่ละแบบนั้นจะให้ความยืดหยุ่นของ PCB ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภท ทำให้ตอบโจทย์ความชอบในสัมผัสการพิมพ์ที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว
และถัดมาก็คือในส่วนของภายใน Bottom Case ที่มีการเพิ่มในส่วนของแผ่นถ่วงน้ำหนักภายใน ที่จะเป็นวัสดุสแตนเลส PVD ขัดผิวแบบ Sandblasted และแกะลายโลโก้ของทาง Swagkeys และ Qwertykeys เอาไว้ด้วย ซึ่งตัวแผ่น Weight นี้ก็ไม่ได้ทำงานเอาสวยอย่างเดียว แต่ยังเอาไว้ซ่อนแผงวงจร Daughterboard และแบตเตอรี่ภายใน ทำให้ภายในเคสนั้นดูคลีนและเรียบร้อยขึ้น และยังช่วยลดเสียงกลวง เสียง Hollow ระหว่างพิมพ์ได้อีกด้วย
และแบตเตอรี่ของ QK80 นี้ก็ไม่ได้ให้มาแค่ก้อนเดียวเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 2200 mAh ที่ให้มาถึง 2 ก้อนเลย สำหรับผู้ใช้งานแบบไร้สาย ให้คีย์บอร์ดทำงานได้อย่างจุใจมากขึ้น ส่วนใครที่ใช้แบบมีสาย QK80 ก็จะมีแผ่นโฟมไว้ให้ใส่อุดรูแทน ไม่ต้องกลัวเคสโบ๋เคสกลวง
วัสดุสุดพรีเมียม พร้อมลวดลายใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรก
สำหรับในส่วนของวัสดุของ QK80 ก็ยังใช้วัสดุอลูมิเนียม CNC เพื่อความพรีเมียมอยู่เช่นเคย โดยจะมีสีให้เลือกถึง 10 สีด้วยกัน ได้แก่สี White, Milky White ที่เป็นการทำสีเคสแบบ Spray Coated ส่วนสีอื่นๆ นั้นจะเป็นการทำสีด้วยการชุบอโนไดซ์ ที่จะให้ความเป็น Metallic มากกว่า ได้แก่สี Green, Brown, Pink, Navy, Grey, Silver, Black และ Lavender
ส่วนตัวแผ่นถ่วงน้ำหนักหลังเคสนั้นจะเป็นแผ่นสแตนเลส ที่จะมีให้เลือกถึง 7 สี ได้แก่สี Silver, Black, Golden, Dusk และ Chroma ซึ่งทั้ง 5 สีแรกนั้นสามารถเลือกผิวได้ทั้ง Sandblasted และ Mirror ได้ตามชอบ ส่วนอีก 2 สีนั้นก็จะพื้นผิวแบบใหม่ที่เรียกว่า Ice Crystal ที่จะเป็นลวดลายผลึกน้ำแข็งที่ตัดกับความเรียบกับตัวเคสได้อย่างลงตัว แถมยังสามารถกันรอยนิ้วมือ ช่วยให้ดูแลได้ง่ายขึ้นด้วย ส่วนตัวนี้ก็จะมีให้เลือกถึง 2 สีได้แก่ Silver Ice Crystal และ Black Ice Crystal ให้เลือกได้ตามชอบอีกด้วย
และในส่วนของตัวเพลตเองก็มีวัสดุให้ใช้อีกถึง 4 แบบ ได้แก่ FR4, อลูมิเนียม, POM และ PC ให้เลือกใช้ได้ตามความชอบของเรา และในเพลตแต่ละประเภทนั้นก็จะมีการทำ Flex Cut เพื่อให้สัมผัสการพิมพ์ที่นุ่มขึ้นด้วย
มี Bundle ให้ พร้อมประกอบทันทีไม่ต้องซื้อเพิ่ม
แน่นอนว่า หลังจากที่ QK75 นั้นได้ทำการเปิดขายแบบ Bundle คู่กับสวิตซ์และคีย์แคปไปนั้น ทำให้ QK80 นั้นจะมาพร้อมกับชุด Bundle ด้วยเช่นกัน โดยภายในชุดนั้นก็จะมีชุดคีย์แคปโปรไฟล์ Cherry สีเดียวกับกับตัวเคส ที่เลือกใช้วัสดุ Double shot PBT ที่มีความทนทาน พร้อมกับการทำสีแบบ Dye-sub เพื่อให้ตัวอักษรนั้นติดทนนาน แถมยังให้สัมผัสที่นุ่มลื่นสบายนิ้วอีกด้วย ส่วนทางฝั่งของสวิตซ์คีย์บอร์ดนั้นก็จะให้เป็น Latte Switch ที่เป็นสวิตซ์แบบ Liner แรงกด 45g ที่มาพร้อมกับวัสดุ Housing อย่าง POK และ Nylon คู่กับสเตม POM ที่ดูจากส่วนของวัสดุนั้น ก็น่าจะถูกใจสาย Thock กันไม่น้อยเลย
และสำหรับใครที่สนใจคัสตอมคีย์บอร์ด QK80 รุ่นนี้ ทาง Qwertykeys ก็ยังไม่ได้มีการออกประกาศมาอย่างเป็นทางการว่าจะเริ่ม Group Buy กันตอนไหน แต่เชื่อว่าแน่จะไม่เกินช่วง Q1 ของปีนี้อย่างแน่นอน และการเดินทางของซีรีย์ QK นั้นก็ยังไม่จบแค่ตรงนี้ เพราะหลังจากรุ่น QK80 และ ก็ยังมี QK98 ที่จะมาพร้อมกับขนาดเลย์เอาท์ 1800 และ QKrisu ที่จะเป็นคีย์บอร์ดทรง Alice ที่รอเปิดตัวในปีนี้ด้วย เรียกได้ใครที่เป็นสาวก QK หรือกำลังมองหาคัสตอมคีย์บอร์ดตัวเริ่มเจ๋งๆ ละก็ เตรียมรอซื้อกันได้เลย